ตอนที่ 87-4
หัวขโมยในช่องว่าง!
เก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ภายในใจ มือที่จับตัวเหมิงเหมิงไว้ก็คลายลงแต่ยังคงไม่ปล่อยมือ นางถามว่า “ทำไมทิวทัศน์รอบๆ ข้าสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่อาจเข้าใกล้ได้?”
เหมิงเหมิงเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “นั่นเป็นเพราะความสามารถในตอนนี้ของเจ้านายยังไม่เพียงพอ จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปิดช่องว่างแห่งนี้” นาง พูดพลางชี้หมอกสีขาวที่อยู่หลังของกระท่อม “หากพลังของเจ้านายเข้าสู่สายม่วง ก็จะสามารถเข้าไปใช้สมุนไพรภายในสวนสมุนไพรนั้นได้ แต่สมุนไพรที่ยิ่งมีค่า ก็ต้องรอให้พลังของเจ้านางมากยิ่งขึ้นอีกจึงจะสามารถเด็ดมาใช้ได้หากเจ้านายเจอยาสมุนไพรอันใดที่มีค่าจากภายนอก เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงและปลูกในนี้ก็จะทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วและมีสรรพคุณดียิ่งกว่าเดิม
ข่าวนี้ทำให้มู่ชิงเกอตะลึงจนหรี่ตา
ตามที่เหมิงเหมิงแนะนำ ดูเหมือนว่านางจะมีความสามารถมากกว่าช่องว่างอันก่อนหน้านี้มากจริงๆ
ในนี้มีสวนสมุนไพรด้วยหรือ? นี่มันเนรมิตมาเพื่อนางโดยแท้ สำหรับเรื่องที่นางจะสามารถเปิดใช้ได้เมื่อเข้าสู่สายม่วงนั้น นางไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะสำหรับนางแล้วสายม่วงไม่ใช่เส้นชัยอีกต่อไป แต่เป็นเพียงระดับที่ต้องข้ามผ่านและมันก็จะมาถึงในอีกไม่นานนัก นางมั่นใจ!
“ที่นี่มีพื้นที่มากเท่าไหร่ แล้วยังมีการแบ่งส่วนอย่างไรอีกบ้าง?” มู่ชิงเกอถาม
“ที่นี่กว้างมาก กว้างมากๆ” เหมิงเหมิงพยายามเหยียดแขนของตนเองออกมา วาดรูปวงกลมขนาดใหญ่ “แต่ต้องรอให้เจ้านายไปค้นพบด้วยตนเอง”
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มมุมปากเบาๆ รู้สึกหมั่นเขี้ยวความฉลาดมีไหวพริบของเหมิงเหมิง แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความประหลาดใจนี้ทำให้นางพอใจเป็นอย่างยิ่ง ช่องว่างที่ทำได้เพียงเก็บสมบัติในตอนแรก กลายเป็นช่องว่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติรอบด้านแบบนี้ จะให้นางไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจได้อย่างไรกัน?
ราวกับว่า ทุกครั้งที่พลังของนางพัฒนามากขึ้น ช่องว่างแห่งนี้ก็จะมีรางวัลที่น่าตื่นเต้นให้แก่นางทุกครั้งเช่นกัน นี้คือแรงผลักดันในการฝึกพลังอย่างแท้จริง! ในส่วนลึกของสายตาของมู่ชิงเกอมีแสงส่องประกายออกมาอย่างแรงกล้า ทันใดนั้น นางก็ยิ้มให้กับเหมิงเหมิงและบอกว่า “ต่อไป เรามาทำความเข้าใจกับอาวุธระดับเทพที่เจ้าพูดถึงกัน”
“ห๊ะ! เจ้านายหมายถึง*หลิงหลงเหรอ!” : เหมิงเหมิงพูดด้วยท่าทางอันน่ารักน่าเอ็นดู
(หลิงหลง) แปลว่า ความประณีต
หลิงหลง?
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว แอบคิดในใจว่า ที่แท้อาวุธระดับเทพนี้ก็ชื่อหลิงหลงนั้นเอง
แต่ อาวุธเทพ…
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ขนตางอนยาวได้บดบังความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น นางกำลังคิดทบทวนการแบ่งขั้นของอาวุธในโลกนี้ จากตำราโบราณ นางรู้ว่าโดยทั่วไปอาวุธจะแบ่งออกเป็น อาวุธแห่งสงคราม อาวุธวิญญาณ อาวุธที่เป็น สมบัติ อาวุธระดับเทพ อาวุธระดับปราชญ์และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในแคว้นฉินคงจะเป็นผู้มีความสามารถขั้นสูง ถึงจะมีอาวุธวิญญาณสักชิ้นสองชิ้น อย่างไรก็ตาม ในแคว้นระดับสอง อาวุธวิญญาณแม้จะมีค่า แต่ก็มีไม่มากนัก ถึงขั้นว่าผู้มีพลังแข็งแกร่งบางคน ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ยิ่งกว่าอาวุธที่เป็นสมบัติระดับสูงเสียอีก
ตำราโบราณ อาณาจักรเซิ่งหยวนที่เป็นแคว้นระดับหนึ่งเพียงหนึ่งเดียว มีอาวุธระดับเทพในตำนานอยู่ อาวุธที่เป็นสมบัติก็ไม่น้อย สำหรับอาวุธระดับปราชญ์และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้หายไปตั้งแต่อดีตแล้ว
อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการแบ่งแยกอาวุธเหล่านี้นอกจากระดับของความแข็งแรงที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีความแตกต่างที่มากที่สุดคือ ความแตกต่างด้านการเพิ่มความสามารถ
บางอย่างมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกัน บางอย่างสามารถเพิ่มพลังโจมตีของผู้ครอบครองและอีกมากมายจนยากที่จะอธิบาย
ความสามารถในการเพิ่มขนาดและประเภทของอาวุธ คือความแตกต่างระหว่างอาวุธวิญญาณและอาวุธที่เป็นสมบัติ
สำหรับอาวุธระดับเทพแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น นั้นคือการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
มันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงของตนเองตามความประสงคของเจ้าของ เมื่อไม่ได้อยู่ในสนามรบ บางทีของบางอย่างที่ดูไม่มีมูลค่าอาจจะเป็นอาวุธระดับเทพที่หายาก
ตั้งแต่เกิดใหม่จนถึงตอนนี้ มู่ชิงเกอก็ยังไม่มีอาวุธที่เหมาะสม
ตอนนี้ เหมิงเหมิงให้อาวุธระดับเทพเช่นนี้ให้แก่นาง จะดูมากไปหน่อยไหม?
แต่ว่า นางชอบ!
กระตุกยิ้มจางตรงมุมปาก มู่ชิงเกอพูดกับเหมิงเหมิงว่า “นำทางไปหาอาวุธเทพ”
เหมิงเหมิงพยักหน้า โดดออกจากมือที่คลายออกของมู่ชิงเกอในทันทีและขึ้นไปอยู่บนไหล่ของมู่ชิงเกออย่างคล่องแคล่ว
กลับไปยังบริเวณบ่อสายฟ้าอีกครั้ง มู่ชิงเกอไม่ได้เร่งรีบ เกี่ยวกับการทดลองคุณสมบัติพิเศษของบ่อสายฟ้า แต่จดจ้องสายตาไปที่รังไหมสีเงินอันใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือบ่อสายฟ้า
“เจ้านาย ท่านเพียงแค่ทำให้รังไหมแตกหลิงหลงก็จะออกมา” เหมิงเหมิงพูดกับมู่ชิงเกอ จากนั้นก็พูดอย่างหลงตัวเองว่า “ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้หลิงหลงไม่มีความ นึกคิดเหมือนกับข้าล่ะ”
สายตาของมู่ชิงเกอกะพริบด้วยความสงสัย หันไปมองเหมิงเหมิง “หมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่า แม้ว่าหลิงหลงจะเก่งกาจมาก แต่ก็ยังไม่เคยสร้างอาวุธอันใด สู้เหมิงเหมิงไม่ได้” เหมิงเหมิงเอามืออ้วนๆ เล็ก ๆ ของตนเองเท้าเอวอย่างได้ใจ
มู่ชิงเกอเม้มปาก ไม่ได้สนใจความหลงตัวเองของเหมิงเหมิง แต่หันกลับไปหยุดสายตาบนรังไหมขนาดใหญ่อีกครั้ง
ทำให้รังไหมแตก? เท่าที่เหมิงเหมิงพูดนั้นดูง่ายมาก
มู่ชิงเกอรวบรวมพลังบนฝ่ามือของนาง ทันใดนั้นบนฝ่ามือของนางก็มีแสงสีเขียวสดใสเป็นวงกลมเกิดขึ้น ภายในรัศมีของวงกลมนั้น ราวกับได้รวบรวมพลังอัน มหาศาลเอาไว้
ปัง!
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นสะบัด แสงสีเขียวที่เรียงตัวกันพุ่งเข้าหารังไหมขนาดใหญ่ เสียงของการพุ่งชนอย่างรุนแรง เกิดเป็นแสงสว่างจ้าจนแสบตา ห่อหุ้มทั้งบ่อสายฟ้าและร่างของมู่ชิงเกอเอาไว้
พอแสงค่อยๆ จางหายไป มู่ชิงเกอลดมือที่บังอยู่ตรงดวงตาลง เงยหน้าขึ้นมองไปยังตำแหน่งที่มีรังไหมขนาดใหญ่อยู่ ทันใดนั้น นัยน์ตาก็ระเบิดความเป็นประกาย แห่งความประหลาดใจขึ้น
“นี่มัน
มู่ชิงเกอรู้สึกราวกับว่า ตนเองได้สูญเสียความสามารถในการเปล่งเสียงพูดไป
รูปร่างลักษณะของหลิงหลงได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง
มันคือทวนที่มีรูปทรงอันโดดเด่นและประณีต
มันส่องแสงประกายไปทั่ว เหมือนเงินแต่ก็ไม่ใช่เงิน สว่างและสดใสไร้มลทิน ดั่งเช่นเพชรนํ้างาม ระหว่างปลายทวนและตัวทวนเชื่อมต่อกันด้วยใบมีดจันทร์เสี้ยวโค้งงอ ด้านในของปลายจันทร์เลี้ยวนั้นแกะสลักด้วยลวดลายอันลึกลับโบราณอย่างประณีต ด้านนอกทวนเป็นใบมีดสองคม แหลมคมเย็นยะเยือก ชวนให้ผู้คนสั่นสะท้าน
ใบมีดสองคมที่ปลายทวนส่องแสงเยือกเย็นสีฟ้าประกายม่วง ราวกับว่าเพียงแค่สะบัดมัน ก็จะสามารถแหวกฟ้าดินได้
มู่ชิงเกอไม่เคยเห็นทวนที่ชวนให้คนต้องตกตะลึงเช่นนี้มาก่อน
ในขณะนี้ พอเรียกชื่อของมันอีกครั้ง จึงรับรู้ได้ว่าการตั้งชื่อของมันช่างเหมาะสมกับตัวมันยิ่งนัก
“หลิงหลง…”ริมฝีปากสีแดงกํ่าของมู่ชิงเกอขยับพึมพำเบาๆ
คิดไม่ถึงว่า อาวุธทวนระดับเทพหลิงหลงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับจะได้ยินเสียงเรียก มันสั่นทีหนึ่งและบินมาทางมู่ชิงเกอ ดั่งเด็กน้อยขี้อ้อน
มู่ชิงเกอได้สติก็รีบยื่นมือออกไปจับทวนนั้น กลิ่นไอแห่งความเย็นยะเยือกลึกถึงกระดูกได้เข้าสู่ร่างกายนางอย่างรวดเร็ว แต่สักพัก ความรู้สึกเช่นนี้ก็พลันหายไป การสื่อสารระหว่างนางและทวนระดับเทพหลิงหลงเหมือนจะเป็นไปได้ดีนทันที
ราวกับว่า ทวนระดับเทพหลิงหลงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแขนของนาง สามารถใช้การมันได้ตามต้องการอย่างนั้น
มู่ชิงเกอชูทวนหลิงหลงขึ้นมา และวาดไปกลางอากาศ
บังเกิดเป็นแสงวงกลมสีฟ้าประกายม่วงด้วยความแหลมคมจากปลายทวน
“ทวนดี!” นางตั้งทวนหลิงหลงบนพพื้นข้างกาย เงยหน้าขึ้นมองปลายทวนพลางกล่าวชื่นชม
หลังจากนั้น นางก็พูดด้วยนํ้าเสียงอันแฝงความเสียดายว่า “เสียดาย ที่ข้าไม่เป็นเพลงทวน”
ทันทีที่สิ้นเลียงของนาง ก็เกิดแสงประกายแผ่กระจายออกจากปลายทวนหลิงหลงและพุ่งเข้าไปบริเวณหว่างคิ้วของมู่ชิงเกอ นางยังไม่ทันจะได้โต้ตอบ แสงนั่นก็เข้าไปยังหว่างคิ้วของนางทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต ถือทวนยืนตรงโดยไม่ขยับกาย ปานถูกสะกดจิต เหมิงเหมิงนั่งอยู่บนไหล่ของนาง โดยไร้วี่แววความหวาดกลัว แต่กลับทำท่าทางราวกับว่า มันสมควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปนาน ร่างกายของมู่ชิงเกอก็กระตุกทีหนึ่ง จากนั้นก็เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น ความแปลกใจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย นางพึมพำว่า “เพลงทวนที่ ร้ายกาจ!” ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกาย ความรู้สึกดีใจนั้นยากที่บรรยายออกมาเป็นคำพูด แม้ก้อนเนื้อตรงอกด้านซ้ายเองก็ยังเร่งจังหวะการเต้น มีเพลงทวนที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากทวนหลิงหลงก็ถือเป็นการชดเชยข้อด้อยในการต่อสู้ของนาง หากทักษะพันสายฟ้าเป็นการโจมตีขนาดใหญ่ในวงกว้าง เพลงทวนหลิงหลงก็ถือเป็นการโจมตีเฉพาะเป้าหมาย
อีกประการหนึ่ง นางรู้สึกได้ว่าเพลงทวนหลิงหลงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพลงทวนที่มันเผยให้นางเห็นในตอนนี้ เป็นเพียงแค่ทักษะที่ความสามารถในตอนนี้ของนางสามารถเอื้อมถึงเท่านั้น
และในตอนที่นางรับการถ่ายทอดเพลงทวนนั้น นางยังสัมผัสได้อีกว่า ทวนหลิงหลงมีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มพลังการโจมตีให้กับนางได้
รัศมีของการโจมตีเพิ่มขึ้น เช่นพลังในตอนนี้ของนางอยู่ในสายเขียว การโจมตีนั้น เมื่อส่งผ่านทวนหลิงหลงก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นั้นก็หมายความว่าเทียบเท่าสายคราม พอพลังของนางอยู่ในขั้นสายคราม เมื่อมีทวนหลิงหลงในการส่งพลังการโจมตี นางก็จะสามารถโจมตีด้วยพลังที่เทียบเท่ากับสายม่วงได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ระหว่างสายครามและสายม่วงนั้นมี ะยะห่างอันมหาศาล สายครามสิบคนก็อาจจะสู้สายม่วงเพียงคนเดียวไม่ได้
พลังยิ่งอยู่ในระดับสูงมากเพียงใด ความห่างระหว่างขั้นก็จะยิ่งมากและชัดเจนยิ่งขึ้น
การที่มีทวนหลิงหลงเป็นกำลังเสริม หากเจอยอดฝีมือสายม่วงอีกครั้ง มู่ชิงเกอก็กล้าเผชิญหน้าโดยไม่ต้องระแวงการลอบโจมตีจากด้านหลังแล้ว