ตอนที่ 87-5
หัวขโมยในช่องว่าง!
ภายในถํ้า เมื่อมู่ชิงเกอลืมตาขึ้น เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาทั้งหมดเจ็ดวันเจ็ดคืน
ช่วงเวลาส่วนมาก นางใช้เวลาไปกับฝึกพลังอยู่ภายในช่องว่าง
มู่ชิงเกอจมอยู่ในความมหัศจรรย์ของเพลงทวนหลิงหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หากไม่เป็นเพราะฮวาเยวี่ยและโย่วเหอยังรออยู่ข้างนอก มู่ชิงเกอคงยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา
สำหรับการฝึกทักษะการหลอมโอสถนั้น…ทักษะการหลอมโอสถ…มู่ชิงเกอมีตำราการหลอมโอสถและแน่นอนว่านางจะต้องหาเวลาไปฝึกหลอมโอสถแน่
ส่วนทักษะการหลอมอาวุธ แม้ว่าเหมิงเหมิงจะเตรียมตำราขั้นพื้นฐานให้แก่นาง แต่ เท่าที่เหมิงเหมิงพูด หากนางไม่สามารถกระตุ้นสายโลหิตของปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธขึ้นมาได้ ก็ยากที่จะเอาดีในด้านนี้
สำหรับวิธีจะกระตุ้นสายโลหิตให้แสดงพลังนั้น เหมิงเหมิงเองก็ไม่ทราบ แต่ก็ลองเสนอดูว่าหากมู่ชิงเกอมีเวลาว่างก็ลองเข้าไปตีๆ เคาะๆ ในห้องหลอมอาวุธดู ไม่แน่ว่าวันหนึ่งพลังอาจจะถูกกระตุ้นออกมาก็ได้
สำหรับความคิดดั่งแมวตาบอดวิ่งเข้าไปหาหนูที่ตายแล้วเช่นนี้ของนาง มู่ชิงเกอไม่กล้าที่จะเห็นด้วย แต่ก็ทำตามคำพูดของนาง พอมีเวลาก็เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานของการหลอมอาวุธ โดยเป้าหมายของนางก็คือการจัดการด้านอาวุธที่ครบครันให้แก่องครักษ์เขี้ยวมังกรของตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการรบของพวกเขา
สำหรับอาวุธวิญญาณนั้น ตอนนี้ยังไม่ต้องคิด
หากไม่ได้รับการกระตุ้น ชาตินี้ทั้งชาติก็คงจะหลอมอาวุธไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ทว่า หากนำสิ่งที่เรียนมาเมื่อชาติที่แล้ว มาหลอมรวมกับวิธีการพัฒนาอาวุธของโลกนี้ในการสร้างอาวุธชั้นดีขึ้นมา ก็คงจะพอไหว
เมื่อคิดทบทวนประสบการณ์ตลอดทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนที่นางได้พบเจอมาหนึ่งรอบ จากนั้นมู่ชิงเกอจึงเรียกสาวใช้ ทั้งสองเข้ามาภายในถํ้า
เจ็ดวันแล้วที่ไม่ได้พบกันฝีก้าวของทั้งสองนางเบาลงกว่าเดิมมากและกิริยาท่าทางก็คล่องแคล่วมากขึ้น ไม่ต้องให้มู่ชิงเกอถามก็รู้ได้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้พวกนางไม่ได้อยู่เฉยๆ หากแต่ทักษะฝึกก้าวซ่อนเงากันอย่างตั้งใจ
แอบพยักหน้าในใจ มู่ชิงเกอก็สั่งการกับทั้งสอง แล้วกลับไปยังช่องว่างอีกหน
การปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดของเหมิงเหมิง ทำให้แผนการทั้งหมดที่นางวางไว้ก่อนหน้านี้พังลง
ไม่ได้ฝึกฝนภาคสนาม แต่ซึมซับความรู้ใหม่ทั้งหมด
เวลาเกือบทั้งเดือนแทบจะหมดไปกับการที่ทั้งสามต่างฝึกฝนพลังของตนเอง
ครั้งแรกที่มู่ชิงเกอเดินทางออกจากถํ้าคือวันที่ต้องกลับตามนัดหมายเอาไว้ไม่รู้ว่ากองทหารเขี้ยวมังกรจำนวนห้าร้อยนาย จะทำให้นางผิดหวังหรือไม่? จะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการจัดการครั้งนี้ของนางหรือไม่?
ยื่นมือออกไปปัดฝุ่นและเศษหญ้าที่ติดกับเสื้อผ้า มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังพลางพูดกับทั้งสองว่า “ไปเถอะ ได้เวลากลับแล้ว”
ระหว่างทางกลับ มู่ชิงเกอไม่ได้เข้าสู่การฝึกพลังนานมากนัก แต่ทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้นั้น ก็คือ การใช้สัตว์ป่าที่พบเจอเป็นคู่ซ้อมเพื่อให้คุ้นชินกับกระบวนท่าและวิชาทวน
การปรากฏของทวนหลินหลง ทำให้โย่วเหอและฮวาเยวี่ยต่างตื่นตกใจ
แต่ด้วยความฉลาด จึงไม่ได้ถามซักไซ้แต่อย่างใด
สิบวันหลังจากนั้น ทั้งสามก็ได้กลับไปยังรอบนอกของเทือกเขาฉินและไปหาอาชาเพลิงของตนเองโดยไร้ซึ่งอุปสรรคอันใด
มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนหลังพญาอาชาเพลิงที่สง่างามไร้ที่เปรียบของนาง บนหลังของเพลิงรัตติกาล การผสมผสานระหว่างสีแดงและสีดำช่างงดงามและน่าเย้ายวน
ใจ
พอนางเดินออกจากเทือกเขาฉินก็พบว่า กองทหารเขี้ยวมังกรทั้งห้าร้อยนาย แม้ว่าเสื้อผ้าจะหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย แต่ก็ยังคงจูงอาชาเพลิงของตนเองและยืนรอคุณชาย ของพวกเขาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนหลังม้าและกวาดสายตามองทั้งห้าร้อยหนึ่งคน แววตาไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสและความใจร้อนอีก หากแต่มันดูมั่นคงและนิ่งสงบ เส้นสายบนใบหน้ามองเห็นได้ชัดมากขึ้น เผยให้เห็นถึงความหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้มู่ชิงเกอแอบพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่สั่งว่า “ออกเดินทาง!” ขบวนก็ได้มุ่งไปสู่เมืองอี้อย่างเกรียงไกร
เมื่อทั้งห้าร้อยลสี่คนจูงอาชาเพลิงจำนวนเกือบห้าถึงหกร้อยตัวกลับไปยังเมืองอี้อย่างปลอดภัย ทหารประจำการณ์ต่างก็ทำหน้าประหลาดใจ
สายตาที่มององครักษ์เขี้ยวมังกรและอาชาเพลิงที่พวกเขาขี่อยู่ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา
แต่ทว่า ในสายตาขององครักษ์เขี้ยวมังกรกลับไม่แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งหรือความพึงพอใจใดๆ เลย ปรากฏเพียงความสงบและความหนักแน่น
แม่ทัพแห่งเมืองอี้ มององครักษ์เขี้ยวมังกรที่ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลากว่าสามเดือนก็แอบตกใจ หากกล่าวว่าเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้องครักษ์เขี้ยวมังกรเป็นดั่งกริชที่แหลมคม ถ้าเช่นนั้นในวันนี้องครักษ์เขี้ยวมังกรก็เหมือนกับได้ผ่านคลื่นที่ซัดโหม เป็นดั่งกริชที่เก็บงำประกายแสงเอาไว้ แต่ความแหลมคมนั้นกลับเพิ่มทวีขี้นกว่าเดิม
เพียงระยะเวลาอันสั้นแค่สามดือน สามารถฝึกทหารให้ดีได้ถึงเพียงนี้ สายตาที่แม่ทัพเมืองอี้มองมู่ชิงเกออีกครั้งก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความนับถือ
เพิ่งจะกลับมาถึงเมืองอี้ มู่ชิงเกอก็ได้รับจดหมายที่วางรวมกันอยู่ในตะกร้า
จดหมายทั้งหมดนั้นมาจากลั่วตู นอกจากจดหมายของท่านอาของนางที่มีสามฉบับแล้ว ยังมีอีกหนึ่งฉบับจากท่านปู่ที่บอกเล่าสถานการณ์ของลั่วตูให้กับนาง แล้วที่เหลือคิดไม่ถึงว่าจะมาจากองค์หญิงตัวน้อยฉินอี้เหลียน ทั้งหมด
จดหมายสิบกว่าฉบับที่วางอยู่ด้วยกัน มู่ชิงเกอไม่ได้อ่าน นางเพียงแค่กวาดสายตาบนจดหมายของท่านอาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อ่านฉบับที่มาจากมู่ซงอย่างตั้งใจ เนื้อหาในจดหมายได้พูดถึงว่าช่วงเวลาหลายเดือนที่ นางออกจากลั่วตู การต่อสู้ระหว่างรุ่ยอ๋องและรัชทายาทนั้นดุเดือดมาก
ทว่าฮ่องเต้กลับเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้ความช่วยเหลือและไม่ลงโทษผู้ใดเลย
และหลังจากที่นางยกเลิกการหมั้นหมายกับฉินอี้เหยา รุ่ยอ่องก็ยังคงไม่ล้มเลิกความคิดที่จะใช้ตระกูลมู่เป็นกำลังเสริมทางทหารและยังคงเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับป๋ายซีเยวี่ยมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่อ่านจดหมายจบ มู่ชิงเกอก็แอบคิดในใจว่า ‘ดูเหมือนว่า ฉินจิ่นห้าวจะเป็นกังวลในอำนาจทางทหารของตระกูลหานเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมปล่อยมือจากตระกูลมู่ไป’ มีทหาร มีอำนาจ ก็จะมีสิทธิ์ครอบครองแผ่นดิน!
หลังจากที่ได้พักผ่อนในเมืองอี้หลายสิบวัน มู่ชิงเกอก็ได้ เรียกองครักษ์เขี้ยวมังกรให้มารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อที่จะแจ้งภารกิจใหม่ของนางให้ได้ทราบโดยทั่วกัน
ภารกิจในครั้งนี้ น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
มู่ชิงเกอสั่งให้พวกเขาทำงานกันเป็นกลุ่มย่อยภายในหลายเดือนที่เหลือนี้ให้เข้าไปฝึกภายในเทือกเขาฉินกันเอง รวมทั้งไปยังชายแดนระหว่างแคว้นฉินและแคว้นถู เพื่อใช้สัตว์ป่าอันโหดเหี้ยมในการซ้อมมือ รวมถึงเก็บเกี่ยวสิ่งที่ได้รับจากการรบในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นประสบการณ์การรบในครั้งต่อๆ ไป
รวมทั้งโย่วเหอและฮวาเยวี่ยเองก็ต้องตามออกไปด้วย เพื่อนำทฤษฎีไปใช้ในสถานการณ์จริงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการสู้รบ และให้ทั้งสองได้ติดต่อกับ หน่วยข่าวของตระกูลมู่ เพื่อเรียนรู้และหลังจากนั้นจะได้มาพัฒนาหน่วยข่าวลับให้กับมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอกำลังสร้างอำนาจให้กับตัวเอง โดยเป้าหมายก็ไม่ใช่อื่นใดเพียงต้องการกุมอำนาจและข้อได้เปรียบ
แต่สำหรับตัวนาง นอกจากการฝึกฝนแล้วก็ยังต้องเรียนรู้ วิธีการหลอมโอสถและหลอมอาวุธ เพื่อรีบทำให้ความสามารถทางการรบของตนเองสมบูรณ์แบบ เพิ่ม ศักยภาพของตนเองให้มากขึ้น
ไม่นาน ทั้งองครักษ์เขี้ยวมังกรรวมทั้งมู่ชิงเกอก็ได้กลายเป็นบุคคลที่ลึกลับที่สุดในเมืองอี้พวกเขายุ่งมากกว่าใคร แทบจะไม่เห็นหน้าของพวกเขาเลยและบางทีก็เหมือนจะว่างมาก เพราะมักจะเอาสัตว์ที่ล่าได้จากเทือกเขาฉินกลับมากินดื่มกับกองทัพที่เมืองเสมอ…