ตอนที่ 92-4
ลาก่อนป๋ายซีเยวี่ย มีคนรนหาที่ตายอีกแล้ว
‘เป็นความจริงที่ว่า เพียงแค่มีอำนาจที่มากพอไม่ว่าจะไปแห่งหนใด ก็จะได้รับการเชิดชูบูชา’
มู่ชิงเกอเม้มปาก พึมพำกับตัวเองในใจ
ในตอนที่นางถึงงานเลี้ยง ด้านในมีผู้คนอยู่จำนวนไม่น้อยแม้กระทั่งท่านปู่และท่านอาของนางเองก็นั่งอยู่ในตำแหน่งประจำของตระกูลมู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มู่ชิงเกอมุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่นั่งประจำของตระกูลมู่ ทันทีที่นั่งลง มู่ซงก็พูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า “เกอรเอ๋อร์ คืนนี้เจ้าต้องคอยระวังนะ”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว แอบพึมพำในใจว่า เกี่ยวข้องอันใดกับนาง
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของนาง มู่เหลียนหรงจึงพูดต่อว่า “ตัวแทนผู้นำราชทูตแคว้นถูคือหมานอ๋องเฮ่อเหลียนป๋า เขาและท่านปู่ของเจ้าถือเป็นศัตรูกันมาก่อน เพียงแต่ เขาไม่เคยชนะท่านปู่ของเจ้าได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว การพบเจ้าในครั้งนี้ เขาเห็นเจ้าอยู่ข้างท่านปู่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ไม่แน่อาจจะลงมือกับเจ้า เจ้าอย่าลืมว่า ระหว่างเจ้ากับองค์หญิงฉางเล่อเคยมีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน อีกประการหนึ่ง ในตอนนี้ เขาเป็นตัวแทนแคว้นถูในการมาสู่ขอองค์หญิงให้กับรัชทายาทแคว้นถู ในทันทีที่ข่าวฮ่องเต้ฉินยอมให้องค์หญิงฉางเล่ออภิเษกสมรสถูกเผย แพร่กระจายออกไป ทุกคนก็จะรู้ว่าคู่อภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นถูเป็นผู้หญิงที่คุณชายตระกูลมู่ไม่ชายตามอง ดังนั้นเฮ่อเหลียนปาอาจจะเกิดโทสะและระบายมันกับเจ้าก็เป็นได้ ”
มู่ชิงเกอฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบใจนัก ผู้หญิงของนาง หมายความว่าอย่างไร หากข่าวเช่นนี้แพร่กระจายออกไป ฉินอี้เหยายังจะเหลือเกียรติเหลือศักดิ์ศรีอันใดอีก แต่ทว่าปากคนทั้งแคว้น นางจะมีความสามารถในการห้ามได้อย่างไร คำติฉินนินทาก็เป็นดั่งมีดที่สังหารคนโดยไร้เลือดแม้แต่หยดเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แน่นอนว่า เพื่อเกียรติยศและชื่อเสียง ฮ่องเต้จะต้องบอกว่าเพราะเจ้าไม่คู่ควร องค์หญิงจึงไม่ชายตามองจึงยกเลิกการหมั้นหมายไป แน่นอนว่าแคว้นถูก็คงจะไม่ไปสืบสาวความจริงเรื่องนี้เป็นแน่ พวกเขาเพียงแค่ต้องระบายอารมณ์ก็เท่านั้น” มู่เหลียนหรงเห็นว่าสีหน้า ของมู่ชิงเกอดูแย่ จึงรีบอธิบาย
การถอนหมั้นช่างเป็นการทำลายชื่อเสียงของฝ่ายหญิงโดยแท้
แต่ว่า ฐานะของมู่ชิงเกอเดิมก็เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงคนทั้งใต้หล้าอยู่แล้ว แล้วจะลากให้คนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกได้อย่างไร หากอภิเษกกับองค์ หญิงฉางเล่อจริงๆ มันก็คงเป็นเรื่องที่น่าขบขัน และช่างไม่ยุติธรรมกับนางเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น การถอนหมั้นจึงเป็นเพียงทางออกเดียว นางเข้าใจการกระทำ องมู่ชิงเกอ
แต่ว่า นางกลับไม่รู้ว่าความจริงแล้วมู่ชิงเกอไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้นและไม่ถือว่าการยกเลิกการหมั้นจะเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างไร ในวิสัยทัศน์ของนางแม้ว่าจะแต่ง งานกันแล้วก็ยังสามารถหย่าร้างกันได้ นับประสาอะไรกับการถอนหมั้น แต่ว่า นางกลับลืมคิดไปว่า ที่นี่ไม่ใช่โลกใบเดิมที่นางคุ้นเคย ในโลกนี้ความคิดเกี่ยวกับความเท่าเทียมของชายหญิงยังคงไม่เปิดกว้างมากนัก
“ชิงเกอ ชิงเกอ?”
มู่เหลียนหรงเรียกเบาๆ ตัดบทความคิดของมู่ชิงเกอ นางเงยหน้าขึ้นมองท่านอา
มู่เหลียนหรงพูดด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรไป ข้าเรียกเจ้าตั้งหลายหน เจ้าก็ไม่ตอบข้า”
“ไม่เป็นอะไร” มู่ชิงเกอส่ายหน้า
มู่เหลียนหรงมองท่าทางของนางและคิดว่านางคงกำลังรู้สึกผิดกับเรื่องที่ยกเลิกการหมั้นหมายกับองค์หญิงฉางเล่อ จึงพูดปลอบว่า “เจ้าเองอย่าได้คิดมากไป ใครจะรู้ รัชทายาทแคว้นถูนี้นอาจจะใช่เนื้อคู่ขององค์หญิงฉางเล่อก็ได้”
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้ม เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นางยังจะสามารถพูดอะไรได้
“อามีเรื่องจะถามเจ้า” สีหน้าของมู่เหลียนหรงเคร่งขรึมขึ้นหลายระดับ นางมองมู่ชิงเกอ พลางถามด้วยความรู้สึกอันสับสนว่า “ข้าได้ไปถามที่คุกของกรมอาญา ได้ ข่าวว่ารุ่ยอ๋องพาตัวป๋ายซีเยวี่ยออกไปแล้ว ตอนนี้นาง…”
“ตายแล้ว” เมื่อทราบว่าท่านอาอยากรู้อะไร มู่ชิงเกอจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งก็เป็นคำตอบที่คาดเอาไว้แต่แรก จึงไม่ได้ทำให้มู่เหลียนหรงแปลกใจมากนัก เพียงแววตาดูหมองหม่นลงก็เท่านั้น
ครู่ใหญ่ นางจึงมองมู่ชิงเกอพลันอ้าปากค้าง คำพูดได้มากระจุกกันอยู่ตรงปากแต่ท้ายสุดก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
“ข้าไม่ได้เป็นคนลงมือ” มู่ชิงเกอพูด
มู่เหลียนหรงเปลี่ยนสายตา ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วจึงแอบจับมือของมู่ชิงเกอเอาไว้บีบอย่างแรงหลายหน
ความรู้สึกหลากหลายภายในใจ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
หญิงสาวที่นางเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ท้ายที่สุดก็ต้องจบชีวิตเพราะการเลือกทางผิดของตนเอง
มู่ซงอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดทั้งหมดของทั้งสองโดยไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่น้อย ภายในใจนอกจากถอนหายใจแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในตอนนี้ จากนั้น แขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญให้มางานก็มากันจนครบแล้ว
ราชทูตแคว้นถู นำโดยหมานอ๋องเอ่อเหลียนป๋าเข้ามาภายในงานพร้อมกับรัชทายาทฉินจิ่นซิว
นี่เป็นครั้งแรก ที่มู่ชิงเกอพบกับคนที่แพ้สงครามท่านปู่มาโดยตลอด ผู้ที่ท่านอาได้เคยพูดถึง
หนวดอันดกหนา ดวงตาอันคมลึก รูปลักษณ์อันมีภูมิฐาน นามหมานอ๋องนั้นช่างดูเหมาะสมกับเขาเหลือเกิน คนที่มาพร้อมกับเขามีราชทูตที่สำคัญอีกจำนวนหนึ่ง ใบหน้าต่างเคร่งขรึม
ราชทูตแคว้นถูสวมชุดประจำแคว้นของแคว้นถู ซึ่งแตกต่างจากการแต่งกายแบบแคว้นฉิน
แคว้นฉินนิยมสวมชุดแขนกว้างปล่อยชายแขนให้พลิ้วไหว แคว้นถูกลับนิยมมัดตรงแขนเสื้อแน่นและเสื้อที่รัดกุม บนเสื้อปักลายต่างๆ ดูประณีตโดดเด่น แสดงถึงเอกลักษณ์ของแคว้น
เฮ่อเหลียนป๋าเดินเข้าไปในงานเลี้ยง กวาดสายตามองตำแหน่งที่ตระกูลมู่นั่งอยู่
แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งที่สายตาของเขาจ้องมอง ซึ่งไม่ใช่ท่านปู่ของนาง แต่คือนาง
มู่ชิงเกอก้มหน้าลงเงียบๆ ยกถ้วยนํ้าชาในมือขึ้นดื่มหนึ่งคำ ราวกับไม่รู้เห็น แอบคิดในใจว่า ‘ดูเหมือนว่าสิ่งที่ ท่านปู่คิดเอาไว้จะไม่มีผิด เจ้าสุนัขแก่ตัวนี้คิดจะหาเรื่องข้าจริงๆ’
นางเงยหน้าขึ้น ในแววตาฉายแววเยือกเย็น วางถ้วยนํ้าชาลง มุมปากของนางพลันเกิดรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกัน
ในขณะที่เฮ่อเหลียนปาละสายตากลับไป มู่ชิงเกอก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นเยียบอีกสายตาหนึ่งที่กำลังมองนางอยู่ นางมองตามสายตานั้น เห็นเพียงด้านข้าง ของฉินจิ่นซิวที่กำลังหันหน้ากลับไป
ทันใดนั้น รอยยิ้มตรงมุมปากของนางก็พลันชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่า ในคืนนี้ คนที่คิดถึงนางไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเสียแล้ว
ฉินจิ่นซิวพาเฮ่อเหลียนปาไปนั่งบนที่นั่งประจำของราชทูต เพื่อจะสามารถรับรองได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทันทีที่นั่งลงฉินจิ่นซิวก็พูดกับเฮ่อเหลียนป๋าพร้อมทั้งรอยยิ้มว่า “หมานอ๋อง ท่านยังจำสัญญาระหว่างเราได้หรือไม่”
“จำได้สิ เหตุใดจะจำไม่ได้” คิ้วอันดกดำของเฮ่อเหลียนป๋าขมวดทีหนึ่ง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี หากหมานอ๋องจบชีวิตของมู่ชิงเกอได้ภายในงานเลี้ยงในคํ่าคืนนี้ไม่เพียงแค่สามารถลบล้างคำดูถูกให้รัชทายาทของท่านได้ แต่ยังถือว่าฆ่ามู่ซงไปได้แล้วครึ่งคน สำหรับข้าแล้วก็ถือเป็นบุญคุณ ในอนาคตหากข้ายังคงมีอำนาจต่อไป หากหมานอ๋องต้องการความช่วยเหลืออันใด แน่นอนว่าข้าจะไม่ปฏิเสธ” ฉินจิ่นซิวกระตุกยิ้มจางๆ สำหรับคนรอบข้างแล้ว ก็เหมือนกับ กำลังพูดคุยกับเฮ่อเหลียนป๋าตามปกติ
เอ่อเหลียนป๋ายิ้ม “ก็แค่เด็กคนเดียว ไม่รู้ว่าเหตุใดพวกท่านถึงได้กลัวเขามากนัก”
ฉินจิ่นซิวกล่าวเตือนว่า “หมานอ๋องอย่าได้ประมาท มู่ชิงเกอนั้นเจ้าแผนการและโชคดีมาก ท่านรู้หรือไม่ว่า เขาฆ่าพระมาตุลาของข้ากลางตลาด แต่กลับไม่ได้รับการลงโทษเลยแม้แต่น้อย เป็นร่างที่ไร้ประโยชน์แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับสามารถฝึกพลังได้ มิหนำซํ้ายังเป็นยอดฝีมือสายเขียว อีกประการหนึ่ง เขายังสามารถสร้างความโดดเด่นจนเข้าตาท่านมหาปราชญได้”
“เดี๋ยวนะ ท่านพูดว่าอะไรนะ ท่านมหาปราชญ์ชื่นชอบในตัวเขาอย่างนั้นหรือ” เอ่อเหลียนป๋าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจในตอนแรกเกิดลังเลขึ้นมาในทันที