ตอนที่ 943
ร…ร…ร…ราชาเทวะมู่!
เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังขึ้นในท้องพระโรง
เมื่อวาจาดังออกไป เงาร่างที่สูงโปร่งแสบตาดั่งดวงอาทิตย์ก็ก้าวยาวๆ เข้ามาในนั้น
เฮือก
หลังจากที่ขุนนางในท้องพระโรงเห็นผู้ที่ถลันเข้ามาแล้วก็ตกใจจนส่งเสียงฮือฮาออกมา ในดวงตาแต่ละคู่ก็ปรากฎอารมณ์ดีใจ ตื่นเต้น ตกใจ เหลือเชื่อต่างๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย!”
“เป็นคุณชาย!
ชั่วพริบตา พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงสามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้อย่างเงียบเชียบ และไม่มีใครมารายงาน เพราะเกรงว่า ไม่ว่านางจะเดินไปที่ใดในหลินชวนก็ไม่จำเป็นต้องผ่านการรายงานหรือการอนุญาตใดๆ
เพราะว่านางคือมู่ชิงเกอ
นางคือคุณชายจวนตระกูลมู่ของหลินชวน
เป็นบุคคลที่ทั่วทั้งหลินชวนทำได้เพียงแหงนหน้ามองและไม่มีทางเทียบชั้นได้
“ดีจริงๆ! คุณชายกลับมาแล้ว พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
“คุณชายกลับมา หัวใจดวงนี้ของข้าก็สงบลงแล้ว”
ขุนนางที่เดิมยังมีสีหน้าหนักอกหนักใจ ตอนที่มู่ชิงเกอเดินเข้ามา คิ้วก็คลายลง เผยรอยยิ้มสบายใจออกมา
บนบัลลังก์อันทรงเกียรติ ฉินจิ่นเฉินจ้องมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาใกล้ตน ดวงตาที่สงบนิ่งไร้คลื่นคู่นั้นก็มีความอ่อนโยน มีรอยยิ้มเล็กๆ
เขาคือกษัตริย์ของแคว้นฉิน แต่กลับไม่อาจอิจฉามู่ชิงเกอที่ครอบครองหัวใจประชาชนได้
ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่มู่ชิงเกอใช้ความพยายามของตัวเองคว้ากลับมา
แต่ละครั้งที่นางขจัดภัยอันตรายให้แคว้นฉิน นางก็ใช้การกระทำ พิสูจน์ความสามารถของนางต่อหน้าคนทั้งหมด
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว” มู่อี้เฉินเองก็กล่าว
มู่ซงกับมู่เหลียนเชิงเห็นมู่ชิงเกอกลับมา แม้ในใจจะดีใจ แต่คิ้วของพวกเขากลับไม่คลายออก เพราะพวกเขารู้ดีว่า มู่ชิงเกอกลับมาด้วยตัวเอง หมายความว่าสถานการณ์ร้ายแรงขึ้นแล้ว
คนทุกระดับชั้นในท้องพระโรงล้วนแต่ดีใจต่อการปรากฎตัวของมู่ชิงเกอ
ส่วนมู่ชิงเกอเล่า ตอนที่นางมองเห็นคนตระกูลมู่สามคนในใจ ก็ยิ้มเจื่อน
นางทราบดี ท่านผู้เฒ่าทิ้งหลินชวนไม่ลง ทิ้งแคว้นฉินไม่ลง ทิ้งตระกูลมู่ไม่ลง แม้ว่าจะไปโลกแห่งยุคกลางมาแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นานก็กลับมาเสียก่อน
มู่ชิงเกอเดินไปข้างหน้าคนทั้งสามจากนั้นจึงหยุดลง
นางกล่าว “ท่านปู่ ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว”
หลังจากทักทายคนในบ้านแล้ว นางก็มองฉินจิ่นเฉิน หมุนตัวใช้สายตาที่ใสสะอาดกวาดมองขุนนาง กล่าวช้าๆ “มาหลินชวนคราวนี้เป็นเหตุสุดวิสัย ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังกังวลอะไร ข้ารับปากกับพวกท่าน คนเหล่านี้ไม่มีทางทำลายใบหญ้าของหลินชวนแม้แต่ใบเดียว ไม่มีทางทำร้ายคนแม้แต่คนเดียว ”
คำพูดนี้ทำให้จิตใจคนทั้งหมดสงบสุขในชั่วพริบตา
ขุนนางทั้งหลายหัวเราะอย่างผ่อนคลาย
“มีคุณชายอยู่ที่นี่ พวกเราย่อมสบายใจ”
“ใช่ๆๆ! ขอเพียงคุณชายอยู่ ยอดฝีมือนอกเขตเหล่านั้นก็ไม่กล้ามาหาเรื่องแคว้นฉินของพวกเราแล้ว”
“ถูกต้อง คุณชายกลับมาพอดี พวกเราก็ไม่กลัวอะไรแล้ว”
“ที่ที่มีคุณชายอยู่ คลื่นลมทั้งหมดก็สงบลงทันที”
คำพูดของขุนนางทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว
พวกเขาคล้ายเข้าใจอะไรผิด พวกเขาคิดว่า…ที่นางพูดหมายถึงแคว้นฉินเท่านั้นหรือ ไม่ ที่นางพูดหมายถึงหลินชวนทั้งหมด
“คุณชาย ครั้งนี้ท่านเองก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่ลงมาใช่หรือไม่ ครั้งนี้มีเรื่องอันใด ไม่สู้ท่านบอกเบาะแสให้พวกข้าฟังเสียหน่อย แคว้นฉินของพวกเรา จักต้องทุ่มแรงช่วยคุณชายสืบหา ช่วงชิงให้คุณชายหาเจอก่อน สร้างคุณูปการอันโดนเด่น”
“ถูกต้อง คุณชาย ท่านคุ้มครองแคว้นฉินของพวกเรา พวกเราไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ ตอนนี้มีเรื่องให้ช่วยเหลือ พวกเราทั้งแคว้นจะลงมือเต็มที่ ช่วงชิงมาเพิ่มชื่อเสียงบารมีให้คุณชายบนโลกข้างบน”
ขุนนางพูดสลับกันไปมา พยายาม ‘ปูทาง’ให้มู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอนึกขบขันในใจ
ฐานะที่แผ่นดินเทพมารของนางไม่เคยบอกให้คนนอกรู้มาก่อนคน ในหลินชวน ยังไม่รู้จักแผ่นดินเทพมาร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าฐานะของมู่ชิงเกอตอนนี้เหนือกว่าขอบเขตที่พวกเขาจะจินตนาการได้แล้ว
นางไม่ได้อธิบาย เพียงเพราะว่านางสัมผัสได้ถึงความจริงใจใน ารถกเถียงที่ร้อนแรงเหล่านี้
มู่ชิงเกอไม่อธิบาย มู่ซงและคนทั้งสองย่อมไม่อาจพูดอะไรมาก
มู่อี้เฉินแสยะปากเงียบๆ วิจารณ์ในใจ พี่สาวข้าไหนเลยจะต้องให้พวกเจ้าไปช่วยคุ้มกัน สร้างคุณูปการเลื่อนขั้นให้นาง
“การปฎิบัติงานครั้งนี้เป็นความลับ ขออภัยที่ข้าไม่อาจบอก ขอเพียงกองทัพของแคว้นฉินทำตามคำสั่ง ค้นหาพื้นที่ทุกชุ่นในแคว้นฉินรายงานพื้นที่ที่ต้องสงสัยก็พอแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยปากกล่าว
“พื้นที่ที่ต้องสงสัยหรือ”
ขุนนางเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง
มู่ชิงเกอกล่าวต่อแคว้นฉิน…”
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะะย่ะค่ะ!” ทหารในพระราชวัง โผเข้ามาในท้องพระโรงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ตัดบทพูดของมู่ชิงเกอ
ในท้องพระโรง เสียงหาเรือหยุดชะงัก ขุนนางมองทหารผู้นี้เงียบๆ ในใจเกิดข้อสงสัย
ฉินจิ่นเฉินขมวดคิ้วถาม “มีเรื่องอันใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้”
สีหน้าทหารขาวซีดดั่งปูน กล่าวเสียงสั่น “นอกวังมีข่าวว่า ที่ชานเมืองลั่วตูมียอดฝีมือปรากฎตัว ทำร้ายชาวบ้านโดยไม่มีสาเหตุ ใต้เท้าเช่าเข้าไปห้ามก็ยังถูกซัดจนกระชักเลือด อีกทั้งยอดฝีมือเหล่านั้น ยังบอกว่าจะมา เยี่ยม…เยี่ยมฝ่าบาทที่พระราชวัง เกรงว่าพวกเขาใกล้จะมาถึงแล้ว พระองค์… ทรงรีบซ่อนองค์เถิดพะย่ะค่ะ”
ขุนนางหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ดวงตาฉินจิ่นเฉินหดลง มองมู่ชิงเกอ
ใต้เท้าเช่าหรือ
แววตามู่ชิงเกอดิ่งลึก ถามด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความน่าสะพรึงกลัว “เจ้าอ้วนแช่เช่าหรือ”
เมื่อนางเอ่ยปาก ทหารที่อกสั่นขวัญหายจึงสังเกตเห็นนาง ทหารจำมู่ชิงเกอได้จึงร้องตกใจหนึ่งครา รีบกล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คุณชาย กลับมาแล้ว! ดีจรีงๆ! ครั้งนี้พวกข้าก็ไม่ต้องกลัวแล้ว! อ้อ! จริงสิ! ผู้ที่ถูกทำร้ายก็ คือใต้เท้าเช่าเย่เจ๋อขอรับ!”
“คุณชาย ท่านว่า…” ยอดฝีมือข้างนอกก่อเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ ขุนนางอาวุโสผู้หนึ่งมองมู่ชิงเกอด้วยความกังวล
ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลง ความเย็นเยียบปรากฎขึ้นในดวงตา นางกระตุกมุมปากยิ้มเยาะ “พวกเขาอยากมาพระราชวังมิใช่หรือ รออยู่ที่นี่ก็พอ นางพูดประโยคนี้ออกมา ขุนนางก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย เล็กน้อยในใจ
แต่ก็ยังมีคนเป็นกังวล คาดเดาเงียบๆ…ถ้าหากว่า ผู้ที่มา แม้แต่คุณชายก็ไม่อาจรับมือได้ถึงตอนนั้น พวกเขาจะทำอย่างไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง บนฟ้าก็ปรากฎพลังที่แข็งกล้าจนทำให้ขุนนางในท้องพระโรงสั่นระริกไม่หยุดหลายสาย
พลังเหล่านี้ตกลงมาฉับพลัน คนทั้งหมดในท้องพระโรงหน้าซีดเผือด แม้แต่ฉินจิ่นเฉินก็กำหมัดแน่นอยู่เงียบๆ
“ฮ่าๆๆ! แคว้นฉินใช่หรือไม่ ฮ่องเต้แคว้นฉินอยู่ไหนเล่า ยังไม่ออกมาพบพวกข้าอีก!” บนท้องฟ้านอกท้องพระโรงมีเสียงที่ลำพองตนอย่างถึงที่สุดเสียงหนึ่งดังเข้ามา
ทหารองครักษ์โนพระราชวังตื่นตัวตามเสียงลมวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ล้อมที่นี่ไว้
ทว่า คนสิบคนบนฟ้ากลับกวาดตามองทหารองครักษ์ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ในมือพวกเขา ยังหิ้วเจ้าอ้วนแซ่เช่าที่หายใจรวยรินอยู่ด้วย
พวกเขามองประตูท้องประโรงที่สงบนิ่ง จู่ๆ ขาข้างหนึ่งก็ก้าวออกมา
“เอ้ รองเท้ารบคู่นี้คุ้นๆ” หนึ่งคนในนั้นพึมพำหนึ่งประโยค
คนสิบคนมองประเมินด้วยความสงสัย
ตอนที่ชุดเกราะสีแดงราวกับดวงอาทิตย์ชุดนั้นปรากฎดวงตาคนทั้งสิบก็ตกตะลึง ตกใจร่วงลงมาจากท้องฟ้าทันที