ตอนที่ 942
คุณชายมู่กลับมาแล้ว!
บนพื้นดิน จู่ๆ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ถูกเงามืดปกคลุม นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แววตาฉงนสงสัยถูกสิ่งของยิ่งใหญ่มหึมาในดวงตาทำให้ตกตะลึงไป นางส่งเสียงอุทานตะโกนหนึ่งประโยคว่า “ท่านแม่! บนฟ้ามีเรือ!”
เสียงของเด็กผู้หญิงทำเอาคนทั้งหมดในหมู่บ้านตกใจ
ชายหนุ่มหญิงสาว คนชราเด็กเล็กในหมูบ้านพากันวิ่งออกมาเงยหน้ามองฟ้าตามเด็กผู้หญิง
“อ๊ะ! เป็นเรือจริงๆ ด้วย!”
“บนฟ้าจะมีเรือได้อย่างไร”
“ในหลินชวนของพวกเราไม่เคยได้ยินเรื่องประหลาดเช่นนี้มาก่อน”
บนพื้นดิน คนนับร้อยรวมตัวอยู่ด้วยกันวิจารณ์เซ็งแซ่ พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์บนเรือ แต่ว่าคนบนเรือกลับมองเห็นสีหน้าของพวกเขาทุกคนได้อย่างชัดเจน
มู่ชิงเกอยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนหัวเรือ สายตาหลุบลงเบาๆก้มลงมองพื้นดิน
สายลมพัดเส้นผมของนาง ผมดำพัดพลิ้วอยู่ในอากาศ นางจดจำสีหน้าท่าทางของคนทั้งหมดบนพื้นไว้ในสายตา แววตาสงบนิ่ง
บนดาดฟ้าเรือข้างหลังนาง มีคนนับหมื่นยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ พวกเขามองประเมินทัศนียภาพด้านล่างเรือด้วยความสงสัย ไม่มากก็น้อย ความตื่นเต้นในแววตาไม่ต้องบอกก็รู้
‘กลับมาแล้ว!’
หวงฝู่ฮ่วนมองเฉินปี้เฉิงด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
พวกเขาสองคน เดินออกมาจากหลินชวนเหมือนกัน เมื่อกลับมาอีกครั้ง ความสับสนในจิตใจก็ยากจะอธิบาย
มั่วหยางเดินมาข้างๆ มู่ชิงเกอ โน้มตัวคารวะ “คุณชาย ที่นี่คือเขตแคว้นอันดับสองแคว้นหรง”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ เก็บสายตากลับมาอย่างนิ่งเฉย
ทันใดนั้น ในสายตาคนทั้งหมดบนพื้นดิน เรือที่สามารถแล่นอยู่กลางอากาศลำนั้นก็หายไปในชั่วพริบตา บนท้องฟ้ายังคงสดใสกว้างใหญ่ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาของพวกเขา
“เอ๋ เรือเล่า” มีคนขยี้ตา
“หายไปแล้ว!”
“ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เราตาฝาด ไม่มีเรือลอยอยู่บนท้องฟ้าทั้งสิ้นหรอกนะ”
“ไม่มีทางที่คนทั้งหมู่บ้านของพวกเราจะตาฝาดพร้อมกันหมดกระมัง”
การถกเถียงของชาวบ้านบนพื้นดินไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับมู่ชิงเกอ นางตั้งใจนำเรืออากาศมายังที่ที่ห่างไกลกันดารก็เพื่อลดผลกระทบให้อยู่ในขอบเขตที่เล็กที่สุด ไม่ให้หลินชวนเกิดความตื่นตระหนก
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ในที่ที่กันดารเช่นนี้จะยังมีหมู่บ้านที่ตัดขาดจากโลกภายนอกเช่นนี้อยู่
ครืน ครืน ครืน!
เรืออากาศค่อยๆ ลงจอดบนท้องฟ้าเหนือหุบเขาที่ร้างผู้คน
มู่ชิงเกอหันหลังกลับกล่าวกับคนนับหมื่นบนเรือ “ครั้งนี้ เป้าหมายของพวกเราคือหาทางเข้าที่เผ่าฝูจะเข้ามาโจมตีให้เจอ ทางเข้าอยู่ที่ใด มีลักษณะอย่างไร พวกเราไม่รู้เลย ดังนั้นจึงทำได้เพียงค้นหาให้ทั่วหลินชวน กองกำลังแต่ละแว่นแคว้นของหลินชวนจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เวลากระชั้นชิด พวกเจ้าแบ่งกลุ่มสิบคน กระจายตัวกันไป”
พูดจบ นางก็โบกมือ แผนที่ของหลินชวนปรากฎอยู่ข้างหน้าคนทั้งหมด
“พวกเจ้าแต่ละคนเลือกมาหนึ่งที่ เมื่อมีข่าว ห้ามบุ่มบ่าม ให้รายงานข้าทันที” มู่ชิงเกอกล่าวกับทุกคน
“ขอรับ! ราชาเทวะ!”
“ขอรับ! พระชายา!”
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือว่าเผ่ามารต่างก็เชื่อฟังคำสั่งทั้งหมด
เรืออากาศลงจอด คนบนดาดฟ้าเรือกลายเป็นแสงในเมฆหมอกนับไม่ถ้วน กระจายตัวไปยังมุมต่างๆ ของหลินชวน
บนดาดฟ้าเรือ เหลือเพียงมู่ชิงเกอและคนของนาง รวมถึงคนยี่สิบคนที่นำโดยหวงฝู่ฮ่วนและเฉินปี้เฉิง
มู่ชิงเกอมองพวกเขา เอ่ยปากกล่าว “หวงฝู่ฮ่วนเจ้ากลับไปอาณาจักรเซิ่งหยวน ใช้คำสั่งของอาณาจักรเซิ่งหยวน ประกาศเรื่องนี้ออกไปโดยเร็ว ขอความช่วยเหลือจากแต่ละแคว้น”
หวงฝู่ฮ่วนพยักหน้าอย่างหนักแน่น ออกไปก่อนหนึ่งก้าว
หลังจากที่เฉินปี้เฉิงคำนับมู่ชิงเกอแล้วก็นำคนออกจากเรืออากาศทันที
เมื่อคนทั้งหมดจากไปแล้ว มั่วหยางก็ถามกล่าว “คุณชายพวกเราจะทำอย่างไรต่อ”
“กลับไปที่จวนตระกูลมู่ก่อน” สายตามู่ชิงเกอสั่นไหวเล็กน้อย
ความเร็วของหวงฝู่ฮ่วนเร็วอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาพิเศษ เขาจึงใช้วิธีการพิเศษ
ตอนที่มู่ชิงเกอกำลังนำคนก้าวขาเข้าจวนตระกูลมู่ พระราชโองการของอาณาจักรเซิ่งหยวนก็ส่งมาถึงพระราชวังแต่ละแว่นแคว้นแล้ว
ดังนั้น มู่ชิงเกอจึงเปลี่ยนทิศทางไปพระราชวังแคว้นฉินทันที
องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนายเปิดทางตอนที่มู่ชิงเกอปรากฎตัวบนถนนเมืองลั่วตูราวกับตกลงมาจากฟ้า ประชาชนเมืองลั่วตูต่างก็คิดว่าตนตาฝาด ตกตะลึงอยู่กับที่
“คุณชาย! คุณชายกลับมาแล้ว!”
“เป็นคุณชายจริงๆ ด้วย!”
“คุณชายของพวกเรากลับมาแล้ว!”
“เฮ้อ! คุณชายยังคงสง่างามโดดเด่นเช่นนี้ แต่ข้ากลับแก่เฒ่าแล้ว!
“เหล่าทหารคนสนิทของคุณชายมีวาสนาจริงๆ! ติดตามคุณชายไปสู้รบสี่ทิศ ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว พวกเขายังเหมือนเดิม ไม่แก่ลงแม้แต่นิดเดียว”
“ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เสียงร้องอุทานติดตามมู่ชิงเกอมาจนถึงนอกพระราชวัง
เมื่อแม่ทัพผู้คุ้มกันพระราชวังเห็นมู่ชิงเกอแล้วก็สั่งให้เปิดประตูวังทันที นำทหารทั้งหมดคุกเข่าต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับคุณชายกลับแคว้น!” แม่ทัพผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงก้องกังวาน
“ยินดีต้อนรับคุณชายกลับแคว้น!”
ทหารแคว้นฉินนับพันคุกเข่าอยู่สองข้างทางด้วยความเคารพมากเป็นพิเศษ มู่ชิงเกอพาองครักษ์เขี้ยวมังกรเข้าสู่พระราชวังแคว้นฉินอย่างง่ายดายไร้การขัดขวาง
ไม่มีคนขวาง ซํ้าใครจะกล้าขวาง
มู่ชิงเกอไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว ตรงเข้าสู่พระราชวังในทันที
ในพระราชวังฉิน มู่ซง มู่เหลียนเฉิง มู่อี้เฉินสามคนถูกเรียกเข้าวังก่อน พร้อมขุนนางกำลังถกเถียงถึงพระราชโองการที่มาจากอาณาจักรเซิ่งหยวน
พระราชโองการฉบบนี้ เป็นพระราชโองการที่ประกาศต่อใต้หล้า และเป็นเอกสารที่แจ้งต่อแคว้นต่างๆ
ในพระราชโองการเอ่ยถึงเรื่องใหญ่อย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง
ฉินจิ่นเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์อันทรงเกียรติ สายตาที่แยกแยะผิดถูกชัดเจน ตกลงบนร่างคนตระภูลมู่ทั้งสาม “ท่านแม่ทัพ อาณาจักรเซิ่งหยวนกล่าวว่ามีคนใหญ่คนโตลงมาที่หลินชวนของพวกเราแล้ว พวกเขาต้องการหาที่แห่งหนึ่ง ให้แต่ละแคว้นช่วยเหลือเต็มแรง เรื่องนี้ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”
แม้ว่ามู่ซงจะไม่ถามไถ่ถึงเรื่องราวในกองทัพมานานแล้ว แต่คนทุกระดับชั้นในแคว้นฉินก็ยังเคารพเขาเช่นเคย
ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่สองฝั่งต่างถกเถียงกันเซ็งแซ่ ต่างคนต่างกระซิบกระซาบข้างหู
ครอบครัวตระกูลมู่สามคนยืนอยู่ข้างหน้าสุด สบสายตากับฉินจิ่นเฉิน
มู่ซงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าว “ในเมื่ออาณาจักรเซิ่งหยวน พูดเช่นนี้แล้ว แคว้นฉินของพวกเราทำตามก็สิ้นเรื่อง เพียงแต่…”
เขากล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “กลุ่มอำนาจจากนอกเขตมาเยือนกะทันทัน เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น อีกทั้งผู้ที่เข้ามาจะควบคุมอย่างไรไม่ให้กระทบความเป็นระเบียบเรียบร้อยของแคว้นฉิน จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด นอกจากนี้ ฝ่าบาทจะปลอบขวัญประชาชนไม่ให้พวกเขาตกอยู่ในความตื่นตระหนก อย่างไร”
คำพูดของเขาทำให้ขุนนางทั้งหมดพากันพยักหน้า
ฉินจิ่นเฉินเองก็เห็นด้วยอย่างถึงที่สุด แต่ว่า เขาอ่านพระราชโองการอีกครั้ง กล่าวด้วยแววตาที่แน่นิ่ง “เพียงแต่ ถ้อยคำในพระราชโองการฉบับนี้ไม่ละเอียด มักจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีเล็กน้อย”
“หากฝ่าบาทเป็นกังวลก็สามารถถามอาณาจักรเซิ่งหยวนโดยตรงได้พ่ะย่ะค่ะ” มู่เหลียนเฉิงเสนอ
“เกรงว่าอาณาจักรเซิ่งหยวนจะไม่สะดวกพูด ขอเพียงมีคนจากนอกเขตเข้ามา พวกเราก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ พวกเราทั้งหลายในสายตายอดฝีมือเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่มดปลวก” ในท้องพระโรง มีขุนนางอาวุโสผู้หนึ่งกล่าวอย่างเป็นกังวล
คนตระกูลเล่อสามคนในตอนนั้นก็แทบจะทำลายแคว้นฉินได้ทั้งแคว้น
“ไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวายที่หลินชวนทั้งนั้น” ในขณะที่ทุกคนเป็นทุกข์ เสียงสตรีที่ดังแผ่วเฉยชาเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามาทันที ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกล้าหาญเด็ดขาด