Skip to content

พลิกปฐพี 969

ตอนที่ 969

ตอนพิเศษ 10

มู่เกอยังไม่ตายหรือ

‘นั้นสิ มู่เกอก็ไม่อยู่แล้ว จะมีใครมาช่วยฉันได้อีก’ จู่ๆ หลี่ซิวหยวนก็มีสีหน้าอ้างว้าง

เพียงแค่ชั่วพริบตาในสมองของเขาก็ปรากฎภาพช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับมู่เกอ

‘นี่ไม่เป็นไรแล้ว’

เคยจำได้ว่า เงาร่างที่ผึ่งผายของวีรสตรีคนนั้น หลังจากที่อัดโจรเรียกค่าไถ่จนสลบแล้วก็ยืนตัวตรงตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา หันหลังให้แสง ในรอยยิ้มที่ยกขึ้นบางๆ นั้น มีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างถึงที่สุด รวมถึงความเหยียดหยันอีกเล็กน้อย

แต่ความเหยียดหยันนั้นไม่ได้ทำให้คนนึกรำคาญแต่อย่างใด

ตอนนั้น เขารู้สึกแค่เพียงคนที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขาทำให้เขามีความรู้สึกตาพร่าชนิดหนึ่ง

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มีเป้าหมายจะเป็นเพื่อนกับเธอ ไม่ต้องถามเขาว่าเพราะอะไร…คุณชายรักสนุกอย่างเขาจะทำอะไร จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ

“นี่ไม่เป็นไรแล้ว”

ชั่วขณะที่หลี่ซิวหยวนใจลอยก็พลาดฉากที่มีเงาคนแวบผ่านราวกับสายฟ้า โจรเรียกค่าไถ่ทั้งหมดสูญเสียการรับรู้ ล้มเกลื่อนบนพื้น

ข้างหู พลันมีคำพูดที่คุ้นเคยดังเข้ามา

นํ้าเสียงที่คุ้นเคยจนถึงกระดูกดำชนิดนั้นทำให้เขายากจะลืมเลือน

หลี่ซิวหยวนเงยหน้าขึ้นตามจิตใต้สำนึก ในดวงตาปรากฎความตกใจ ตะโกนเสียงหลง “มู่เกอ! ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอยังไม่…” คำว่า ‘ตาย’ คำสุดท้ายนั้น ยังไม่ทันได้ออกจากปากก็ติดอยู่ในลำคอเขา

คนที่อยู่ตรงหน้า ยืนหันหลังให้แสงเช่นเดียวกัน

แสงไฟในในโกดังส่องออกมาจากข้างหลังของเธอ โครงร่างของเธอเลือนราง เครื่องหน้าทั้งห้าก็ถูกปกคลุมอยู่ในเงามืด ชัดเจนว่ามองเห็นไม่ชัด แต่เขาก็ยังรู้ว่า คนคนนี้ไม่ใช่คนคนนั้นที่เขารู้จัก

อย่างไรเสียรูปร่างก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมือนกัน แต่กลับคุ้นตาแปลกๆ

จู่ๆ หลี่ซิวหยวนก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกนั้นทำให้เขาไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

จนกระทั่ง ความรู้สึกชนิดนี้ทำให้เขาพลันเห็นโจรเรียกค่าไถ่ที่ล้มอยู่บนพื้นเหล่านั้น

“คุณคือ…ใคร” หลี่ซิวหยวนอัดอั้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็กลํ้ากลืน พ่นคำสามคำออกมา เขากำลังเฝ้ารอ อีกทั้งยังหวาดกลัวเล็กน้อย

การตอบสนองของหลี่ชิวหยวน มู่ชิงเกอมองเห็นทั้งหมด มุมปากของนาง ยกองศาที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เมื่อรอยยิ้มนี้ปรากฎชั่วขณะก็ทำให้หลี่ซิวหยวนใจสั่น

‘เอ๋!’

เขาร้องอุทานในใจหนึ่งครา กล่าวพึมพำ “ทำไมถึงมีท่าทางที่คล้ายขนาดนั้น เป็นไปได้ยังไง”

“หลี่ซิวหยวน” มู่ชิงเกอตะโกนเรียกชื่อของเขา ก้าวขาออกมา เดินเข้าไปใกล้เขาหลายก้าว

แสงที่ย้อนค่อยๆ หายไป เงาร่างของนางค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาในสายตาของหลี่ซิวหยวน ลูกตาของเขาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น แววตาที่ตกตะลึงเริ่มปรากฎ

ทว่า ตอนที่เขาเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ความตกใจและการรอคอยในดวงตาของเขากลับริบหรี่ลงฉับพลัน เปลี่ยนเป็นความผิดหวัง “คุณ ไม่ใช่เธอ”

ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึง สีหน้าที่เหมือนกัน แต่กลับเป็นคนสองคนที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

อันที่จริง หญิงสาวที่ปรากฎตัวตรงหน้า มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างยิ่ง หน้าตาก็งดงามกว่าผู้หญิงสวยทั้งหมดที่เขาเคยเจอมา แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนคนนั้นที่เขาคาดหวังในใจ

หลังจากยอมรับความจริงนี้ในใจ หลี่ซิวหยวนจึงสนใจความเป็นจริงที่โจรเรียกค่าไถ่ล้มเกลื่อนอยู่บนพื้นเหล่านั้น

“คุณฆ่าพวกเขา!” เขากล่าวอย่างตกตะลึง

มู่ชิงเกอหลุดหัวเราะส่ายหน้า “พวกเขาจะตายหรือไม่ตาย กฎหมายจะตัดสินเอง”

ประโยคนี้…

หลี่ซิวหยวนตะลึงงันท่าทางงุนงงบนสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นตกตะลึง คำพูดนี้เขาคุ้นเคยอย่างถึงที่สุด

เพราะว่า ตอนที่เขาพบมู่ชิงเกอครั้งแรก เขาเองก็เคยถามคำถามที่เหมือนกัน ส่วนมู่เกอก็ตอบคำตอบที่เหมือนกัน

คำถามเมื่อครู่นี้ เขาถามออกไปตามจิตใต้สำนึก

และคำตอบของผู้หญิงตรงหน้าก็ทำให้เขาเริ่มชัดเจนขึ้นมาในความรู้สึกที่คล้ายหลุดเข้าไปในความฝัน

“คุณเป็นใครกันแน่” เขากล่าวถามเสียงหลง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า เสียงของตัวเอง จะมีวันที่เปลี่ยนเป็นไม่น่าฟังแบบนี้

“หลี่ซิวหยวน นายจำฉันไม่ได้จริงๆ หรือ” สายตามู่ชิงเกอคลุมเครือ ยากจะเข้าใจภายใต้เงามืด นางเดินไปใกล้เขาอีกหลายก้าว

ทั้งสองคน อยู่ใกล้กันอย่างถึงที่สุด

ระยะห่างระหว่างพวกเขา เพียงแค่หนึ่งถึงสองเมตร สายตาของมู่ชิงเกอ ละจากสีหน้าที่ตกใจบนหน้าเขา ตกลงบนแขนทั้งคู่ที่ถูกมัดของเขา

ทันใดนั้น หลี่ซิวหยวนรู้สึกแค่เพียงแขนทั้งสองที่ถูกมัดคลายลงฉับพลัน เชือกที่มัดเขาเส้นนั้น ตกลงบนพื้นอย่างเงียบๆ แขนทั้งคู่ก็ตกลงจากพนักพิง

‘ซี้ด!’

แขนทั้งคู่ถูกมัดมานาน ชาอยู่นานแล้ว จู่ๆ ก็ถูกปล่อยออก ความไม่คุ้นชินบนข้อต่อทำให้เขาสูดลมเย็นเยียบอย่างอดไม่ได้

หลี่ชิวหยวนออกแรงยกมือขึ้น นวดบ่าของตน เหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน

สายตาทั้งสองสบกันกลางอากาศ แววตาที่คุ้นเคยเช่นนั้น รวมถึงการหยอกล้อที่แฝงอยู่ในดวงตา ทำให้หลี่ซิวหยวนจำใจต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง

“มู่เกอ เธอโดนระเบิดตายแล้วไปศัลยกรรมมาเหรอ”

เหอะๆ

มุมปากมู่ชิงเกอกระตุกอย่างแรง ตำหนิในใจหนึ่งประโยค ‘คนชั่วนี่!’

เห็นมู่ชิงเกอ ‘นิ่งเงียบ’ หลี่ซิวหยวนก็ยิ่งมั่นใจว่าการคาดเดาของตนถูกต้อง ความผิดหวังในแววตาของเขาถูกความดีใจและประหลาดใจเข้ามาแทนที่ ทั้งยังมีความสบายใจที่ฝังลึกอยู่อีกเล็กน้อย “ไม่เลวเลย ศัลยกรรมได้สวยกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า”

มู่ชิงเกอถลึงตามองเขา มีความรู้สึกพูดไม่ออกชนิดหนึ่ง

“ฮ่าๆ! ฉันรู้อยู่แล้ว เธอยังไม่วางใจเรื่องฉัน ขอเพียงแค่เกิดเรื่องขึ้นกับฉัน เธอก็จะต้องมาช่วยฉันแน่นอน” หลี่ซิวหยวนกล่าวอย่างภูมิใจ

ราวกับว่าการที่เขาถูกเรียกค่าไถ่ เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การโอ้อวดอย่างยิ่ง

เสมือนพูดกับคนอื่นว่า ‘เฮอะ! ใครให้บ้านฉันมีเงินขนาดนั้นล่ะ’

“แต่ว่า…” หลังจากนั้นไม่รอให้มู่ชิงเกอพูด รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็หายไป สีหน้าเคร่งขรึม จริงจังมากเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอ กลอกตามองซ้ายมองขวา จากนั้นจึงกล่าวอย่างระแวดระวัง “ไม่นึกว่า เธอจะใช้วิธีระเบิดตัวตายหนีไป เห็นได้ชัดว่าเธอเบื่องานนั้นมากจริงๆ แม้ว่า ตอนนี้เธอจะศัลยกรรมจนฉันจำไม่ได้ แต่เธอมาช่วยฉันโดยไม่ห่วงตัวเองแบบนี้จะเป็นการเปิดเผยตัวตนเธอหรือเปล่า”

พูดจบ ในแววตาเขาก็เผยความซาบซึ้งออกมา

“นายเลิกคิดฟังซ่านได้แล้ว ฉันตายไปแล้วจริงๆ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างจนใจ

นางตัดสินใจมาพบหลี่ซิวหยวนก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องราวที่ผ่านมาของตนให้เขาฟัง เหมือนกับที่พูดกับซือมั่ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพื่อนที่ตนยอมรับในโลกใบนี้

เพื่อนของนางมีไม่มาก นอกจากเพื่อนร่วมรบแล้ว เพื่อนที่เหลืออยู่ก็นับนิ้วได้

และหลี่ซิวหยวนก็เป็นมิตรที่นางไว้ใจที่สุดในจำนวนเพื่อนอันน้อยนิด

ด้วยคำพูดที่เขาพูดหน้าหลุมศพของนาง รวมถึงดอกเบญจมาศสีขาวแต่ละช่อนั้น นางก็ไม่อาจปิดบังเขาไปพลางอาศัยอยู่ในบ้านที่แท้จริงแล้วเป็นของเขาไปพลาง เสพสุขกับความรู้สึกที่ได้กลับ ‘บ้านเก่า’ อย่างสบายอกสบายใจได้

“ฉันเข้าใจ เธออยู่ที่นั้น ถือว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว พวกเขาต่างก็สร้างหลุมศพให้เธอ ทั้งยังมอบสมญานามวีรสตรีผู้เสียสละให้อีก” หลี่ซิวหยวนเข้าใจคำพูดของนางผิด พยักหน้า กล่าวตามความเข้าใจของตัวเอง

เขากล่าวด้วยความสงสัย “แต่ว่า ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอปิดบังประเทศได้อย่างไร เหตุการณ์ระเบิดนี้ เธอวางแผนมานานแค่ไหน ไม่นึกเลยว่าจะปิดบังแม้แต่ฉัน แล้วยัง…”

ขณะที่พูด เขาก็ยื่นมือออกไป ลูบแก้มของมู่ชิงเกอ กล่าวพร้อมกัน “เธอไปหาหมอศัลยกรรมคนนี้จากไหน ไม่คิดว่าฝีมือจะดีขนาดนี้ เรียกได้ ว่าเป็นฝีมือของพระเจ้า”

เพี๊ยะ!

เสียงดังกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน

“โอ๊ย! เจ็บนะ!” หลี่ซิวหยวนชักมือที่ถูกมู่ชิงเกอตีกลับมาอย่างรวดเร็ว

บนข้อมือของเขาเป็นสีแดง โชคดีที่แดงอยู่เพียงแค่ชั่วพริบตาก็กลับมาเหมือนเดิม

หลังจากที่เห็นผิวบนข้อมือเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว สายตาของมู่ชิงเกอก็ละออกไปพร้อมหัวเราะเบาๆ แรงที่นางออก นางรู้อยู่แก่ใจ

หลี่ซิวหยวนสะบัดมือ มองนางอย่างเคืองๆ “ฉันรู้ว่าเป็นของปลอม ถ้าไม่ระวังก็อาจจะผิดรูป เธอวางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันเข้าใจดีใช้แรงมากไม่ได้”

“หลี่ซิวหยวน” มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างจนใจ

“ครับผม!” หลี่ซิวหยวนยืดอกเชิดหน้าทันที เครื่องหน้าทั้งห้าตึงกระชับมองนาง

นี่คือภาพที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างคนทั้งสอง

ทุกครั้ง มู่ชิงเกอจนใจกับความคิดสร้างสรรค์ของเขา หลังจากตะโกนชื่อเขาออกมาแล้ว เขาก็จะทำตัวประหลาดเช่นนี้เสมอ ราวกับว่านางคือแม่ทัพ เขาคือทหาร

“หลี่ซิวหยวน นายตั้งใจหน่อย ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง ฉันตายแล้ว จริงๆ ควรจะพูดว่า มู่เกอพลีชีพ ตายในระเบิดครั้งใหญ่จริงๆ” มู่ชิงเกอมองเขาอย่างจริงจัง กล่าวทีละคำทีละประโยค

ครั้งนี้ถึงตาที่หลี่ซิวหยวนพูดไม่ออกแล้ว

เขาเก็บสีหน้าที่มากเกินความจำเป็น เหลือเพียงสายตาที่จริงจัง มองประเมิณนางอย่างตั้งใจครู่ใหญ่ จากนั้นเขาจึงกล่าวเงียบๆ ‘‘เธอ หมายความว่า เธอเป็นผีเหรอ”

แววตาของขาละออกไปเบาๆ ตกลงบนเงาใต้เท้านาง พึมพำหนึ่งประโยค “ผีก็มีเงาด้วยเหรอ”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า เอ่ยปากหยุดยั้งไม่ให้จินตนาการของเขาไปไกลกว่านี้ “วิญญาณมีอยู่จริง หลังจากฉันที่อยู่ในร่างมู่เกอสละชีพ วิญญาณของฉันก็ล่องลอยอยู่ในช่องว่างความว่างเปล่า คืนชีพในโลกอีกใบ ฉันในตอนนี้ ชื่อมู่ชิงเกอ สองวันก่อน ฉันข้ามมหาสมทุรดวงดาวกลับมาจากโลกอื่น”

หลี่ซิวหยวนปากอ้าตาค้างมองนาง นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน

ในแววตามู่ชิงเกอมีความจนใจแวบผ่าน นางรู้ว่าคำพูดของตน ยากแท้หยั่งถึง ทำให้คนยากจะเชื่ออย่างยิ่ง แต่ว่า นี่คือเรื่องจริง

“ถึงเธอจะโกหก ก็อย่าพูดจาที่แม้แต่เด็กสามขวบก็ดูถูกแบบนี้สิ หรือว่าเธอกำลังดูถูกความรู้ของฉันเหรอ” หลังจากที่หลีซิวหยวนนิ่งเงียบ ในที่สุดก็เอ่ยปาก

สีหน้าของเขาแปลกประหลาดเล็กน้อย มองมู่ชิงเกอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ไม่เชื่อคำพูดที่นางเอ่ยเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

เกือบจะถามไปแล้วว่า ‘เธอหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าที่ไหน’ หรือว่า…ทักทายเพื่อนว่า ‘สวัสดี! มนุษย์ต่างดาว’

“ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่ก็คือเรื่องจริง” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็ถอยไปข้างหลังหลายก้าว กล่าวกับหลี่ซิวหยวน “ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านหลังนั้นที่นายให้ฉัน คืนนี้ก็เท่านี้ก่อน นายจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้ว ถ้ารับคำพูดที่ฉันพูดเมื่อกี้ได้ พรุ่งนี้ก็มาหาฉันที่บ้าน”

พูดจบ เงาร่างนางก็เลือนราง หายไปต่อหน้าหลี่ซิวหยวนทันที

“เฮ้ย!” ภาพที่แปลกประหลาดภาพนี้ทำให้หลี่ซิวหยวนตกใจจนล้มลงไปข้างหลัง นั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกมัดก่อนหน้านี้พอดี

บนหน้าเขา เต็มไปด้วยสีหน้าที่สื่อว่า ‘โดนผีหลอก’

มู่ชิงเกอที่ออกมาจากโกดัง ตอนที่ปรากฎตัวอีกครั้งก็กลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว

นางตั้งใช้วิชาหายตัวต่อหน้าหลี่ซิวหยวนก็เพื่อให้เขาตั้งใจใคร่ครวญถึงคำพูดของนางก่อนหน้านี้ หากเขาไม่เชื่อ ต่อให้นางจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์

ในโกดัง หลี่ซิวหยวนนี้งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในสมองฉายภาพที่มู่ชิงเกอหายตัวซํ้าไปซํ้ามา

ไม่รู้ว่าฉายซํ้าอยู่กี่รอบ สติของเขาจึงจะค่อยๆ กลับมา

“นี่มันเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอะไรกันหรือว่าเป็นพลังเคลื่อนย้ายฟ้าดินในนิยายยุทธภพหรือไง ไม่ใช่สิ ต่อให้เป็นพลังเคลื่อนย้ายฟ้าดินก็ไม่ได้หายไปทั้งตัวนี่” หลังจากพึมพำกับตัวเองไม่หยุดแล้ว หลี่ซิวหยวนก็ค่อยๆ ตั้งสติได้

เขาวางเรื่องมู่ชิงเกอลงชั่วคราว มองโจรเรียกค่าไถ่เหล่านั้นที่นอนอยู่บนพื้น หาโทรศัพท์ของตัวเอง กดเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง…

“ฮัลโหล หัวหน้าอู๋ใช่ไหม ใช่ ผมเอง ใช่ ผมโดนจับเรียกค่าไถ่อีกแล้ว อืม…ช่วยรีบมาจัดการตามพิกัดในโทรศัพท์ด้วย อืมๆ…โอเค รบกวนน้องชายทั้งหลายด้วย ขอบคุณนะ หัวหน้าอู๋”

หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว หลี่ซิวหยวนก็มองโจรเรียกค่าไถ่เหล่านั้นอีกปราดหนึ่ง แค่นเสียงหนึ่งครา “พวกแกหาเรื่องผิดคนแล้ว หึ!”

พูดจบ ด่าเบาๆ หนึ่งครา จากนั้นเขาก็หมุนตัวจากไป

เขาไม่ต้องสนใจเรื่องที่จะตามมาภายหลัง มีคนจัดการเรื่องทั้งหมดให้เอง อีกทั้งยังช่วยเขาปิดบังข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขา ไม่ปล่อยให้สื่อรู้ข่าวมาดักรอที่บริษัทของเขา ส่งปาปารัสซี่มาไล่ตามเขา ซักถามความรู้สึกในใจหลังถูกจับเรียกค่าไถ่อีก

คํ่าคืนนี้ หลี่ซิวหยวนพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ

ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ แต่เพราะมู่เกอ

คำพูดเหล่านั้นที่มู่ชิงเกอพูด ดังก้องอยู่ในสมองเขาไม่หยุด เหมือนแมวหนึ่งตัวที่คอยกวนใจเขาตลอด ทำให้เขาร้อนใจอยากให้ฟ้าสางเร็วๆ

เมื่อฟ้าสาง หลี่ซิวหยวนก็กระโดด ‘พรวด’ ขึ้นมาจากเตียง พุ่งตัวไปอาบนํ้าด้วยความรวดเร็ว สวมเสื้อกางเกงลำลอง จากนั้นก็โทรศัพท์หาเลขาของตน

“ฮัลโหล วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทนะ การจัดการทั้งหมด ที่ควรยกเลิกก็ยกเลิก ที่ควรเลื่อนก็เลื่อน แล้วก็ ถ้าฟ้าไม่ถล่ม อย่ารบกวนฉันเด็ดขาด”

หลังจากเสียงในโทรศัพท์ดัง ‘ตูดๆ’ เลขาของหลี่ซิวหยวนก็ยังคงกะพริบตาที่สะลืมสะลือคู่หนึ่งอยู่

เธอพยายามเบิกตาทั้งคู่ มองเวลาในโทรศัพท์

ให้ตายเถอะ! เพิ่งจะหกโมงห้าสิบเอง!

“เจ้านาย คุณอย่าทรมานพนักงานแบบนี้ได้นั้ยเนี่ย’’ โอดครวญหนึ่งครา เลขาผู้น่าสงสารก็มุดเข้าไปในกองผ้าห่มอีกครั้ง

ตอนที่หลี่ซิวหยวนขับรถมาถึงคฤหาสน์หลังนั้นของมู่ชิงเกอก็เพิ่งจะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง

บนที่นั่งข้างคนขับในรถคันนั้นของเขา ยังมีอาหารเช้าที่มีไอร้อนกรุ่นวางอยู่ด้วย

อาหารเช้าเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีน้ำเต้าหู้หนึ่งถุง ขนมปังถั่วแดงสองชิ้นนี่คืออาหารเช้าตอนที่มู่ชิงเกอยังเป็นมู่เกอทานเป็นประจำ

หลี่ซิวหยวนจอดรถ หิ้วอาหารเช้าเดินไปที่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์จัดปกเสื้อเล็กน้อย แล้วจึงกดกริ่งประตู

แม้ว่าในใจเขายังยากจะยอมรับข้อแก้ต่างของมู่ชิงเกอ แต่ตัวเขาเองก็รู้ดี เขาเชื่อคำพูดของเธอแล้ว ถึงได้มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังนำอาหารเช้าที่มู่เกอทานเป็นประจำมาด้วย

ติ๊งต่อง!

เสียงกริ่งประตูดังสองครา หลี่ซิวหยวนก็ได้ยินเสียงเปิดกลอนประตู

เขาเผยรอยยิ้มที่สว่างไสว เตรียมเผชิญหน้ากับคนที่มาเปิดประตู ทว่าชั่วพริบตาที่ประตูเปิด รอยยิ้มก็แข็งทื่อ

ที่ปรากฎออกมาจากช่องประตู คือใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้คนโกรธเคืองดวงหนึ่ง

อันที่จริงหลี่ซิวหยวนก็นับได้ว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หาได้ยากแล้ว ต่อให้เทียบกับหนุ่มน้อยไอดอลมาดเท่เหล่านั้นในวงการบันเทิงก็ยังไม่เป็นสองรองใคร

แต่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับหน้าใบนี้ ชั่วขณะเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็น ลูกเป็ดขี้เหร่ เป็นคางคกมาโดยตลอด

รอยยิ้มที่แข็งทื่อของคนนอกประตูทำให้ซือมั่วเลิกคิ้วด้วยความพอใจ

คนตรงหน้าไม่รู้จักเขา แต่เขากลับรู้จักคนผู้นี้ก็คือชายผู้นั้นที่ปรากฎตัวอยู่ที่สุสาน และยังเป็นเพื่อนสนิทในใจเสี่ยวเกอเอ๋อร์

แม้จะเป็นเพื่อนสนิท แต่ขอเพียงแค่เป็นเพศตรงข้าม…อืม ก็ต้องประกาศความเป็นเจ้าของเหมือนกัน

“คุณหลี่ สวัสดีครับ เสี่ยวเกอเอ๋อร์…อืม สำหรับคุณแล้ว ต้องพูดว่ามู่เกอ ผมคือสามีของมู่เกอ ผมชื่อซือมั่ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ซือมั่วพูดจบ ก็ยื่นมือของตัวเองออกไปอย่างสง่างาม

ท่าที น้ำเสียง รวมถึงการกระทำของเขา เหมือนผู้ดีที่เดินออกมาจากภาพสีน้ำมันในยุคปัจจุบัน

ไม่กี่วันสั้นๆ เขาก็ปรับตัวเข้ากับชีวิตบนดาวโลกอย่างหาที่ติไม่ได้แล้ว

“คุณบอกว่าคุณเป็นใครนะ” หลี่ซิวหยวนได้สติกลับมาจากใบหน้าของซือมั่ว กล่าวถามอย่างสงสัย

ซือมั่วยิ้มบางๆ กล่าวอีกครั้ง “สามีของมู่เกอครับ”

“ปะป๊า…คุณอาคนนี้คือใครเหรอ” ซือมู่ที่ถูกซือมั่วใช้ปัญญาเทวะเรียก แทรกใบหน้ารูปไข่อันน่ารักออกมาจากหลังประตูที่เปิดออกครึ่งหนึ่ง มองประเมินหลี่ซิวหยวนด้วยความสงสัย

มือใหญ่ๆ ของซือมั่วลูบลงบนศีรษะของซือมู่เบาๆ ด้วยความเอ็นดู อธิบายอย่างใจดีท่ามกลางสีหน้าที่ตกตะลึงของหลี่ซิวหยวน “นี่คือลูกชายของผมกับมู่เกอ ซือมู่ครับ”

ขณะที่พูด เขาก็มองปีศาจน้อย ยิ้มอย่างน่าหลงใหลมากเป็นพิเศษ “นี่คือเพื่อนสนิทของหม่าม๊าลูก ลูกต้องเรียกว่าคุณอาหลี่”

สามี! ลูก! คุณอา!

หลี่ซิวหยวนรู้สึกว่าตัวเองถูกคำพูดไม่กี่ประโยคที่มีปรีมาณข้อมูลเยอะอย่างยิ่ง จู่โจมจนดวงวิญญาณหายไปสามในเจ็ด

ตอนนี้ เขาเพิ่งจะพบว่า พ่อลูกสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา คาดไม่ถึงว่ามีดวงตาสีอำพันที่งดงาม สามารถดึงดูดใจคนได้อย่างยิ่งหนึ่งคู่

“พวกนายสองคนหลีกไป” เสียงผู้หญิงที่เยือกเย็นดังขึ้นจากข้างหลัง ทำลายภาพตะลึงงันของหลี่ซิวหยวนแตกกระจาย

จุดมุ่งหมายสำเร็จแล้ว ซือมั่วยังคงรักษารอยยิ้มมารยาทไว้อยู่ ก้มตัวอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมอก หันข้างถอยไปอีกฝั่ง เผยให้เห็นมู่ชิงเกอที่เดินลงมาจากบันไดข้างหลัง

มู่ชิงเกอถลึงตามองซือมั่วปราดหนึ่ง แต่ในดวงตาซือมั่วกลับปรากฎความไร้เดียงสา

นางละสายตามองมาบนร่างหลี่ซิวหยวนนอกประตูเบาๆ ท้ายที่สุดก็ตกลงบนถุงอาหารเช้าที่เขาหิ้วไว้ในมือ

นางเดินไปข้างประตู ไม่ให้โอกาสหลี่ซิวหยวนเอ่ยปาก นางก็ชิงพูดก่อน “นํ้าเต้าหู้กับขนมปังถั่วแดงเหรอ’’

หลี่ชิวหยวนพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ ยกมือยื่นอาหารเช้าเข้าไป

มู่ชิงเกอมองอาหารเช้าที่ยื่นมาตรงหน้าตน ยิ้มน้อยๆ ยื่นมือรับมา

ดวงตาซือมั่วมืดครึม หยิกซือมู่น้อยในมุมมืดหนึ่งครา

“หม่าม๊า หนูอยากกิน!” ปีศาจน้อยให้ความร่วมมือแสดงทันที

มุมปากมู่ชิงเกอกระตุก มองหลี่ซิวหยวน

หลี่ชิวหยวนได้สติกลับมา ยิ้มเจื่อน “ให้เด็กกินเถอะ”

“ขอบคุณคุณอาหลี่สิ” มู่ชิงเกอกล่าวกับซือมู่น้อย

“ขอบคุณครับคุณอาหลี่” ซือมู่น้อยพูดตามอย่างเชื่อฟังทันที

“เด็กดี” หากว่ามีกระจก หลี่ซิวหยวนจะต้องเห็นว่ารอยยิ้มของตัวเองในตอนนี้น่าเกลียดเพียงใด

“เข้ามาเถอะ” มู่ชิงเกอยื่นอาหารเช้าให้ซือมู่น้อย หันข้างให้หลี่ซิวหยวนเข้ามา

ซือมั่วเห็นว่าสมควรพอแล้วก็พาซือมู่น้อยกับอาหารเช้าหมุนตัวจากไป

เมื่อหลี่ชิวหยวนเข้ามา มู่ชิงเกอก็ปิดประตูบ้านอยู่ข้างหลัง ได้ยินเขากล่าวอย่างอึดอัดเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันจะได้เอาอาหารเช้ามาสามที่”

“ไม่เป็นไร สำหรับฉันในตอนนี้แล้ว อาหารไม่ใช่ของจำเป็น” มู่ชิงเกออธิบายตามอำเภอใจหนึ่งประโยค

หลี่ซิวหยวนหันหลังกลับมองนาง มองประเมิณครั้งนี้ มีความรู้สึกที่ซับซ้อน คล้ายอยากมองมู่ชิงเกอให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เข้าใจทะลุปรุโปร่ง

มู่ชิงเกอถูกสายตาของเขามองประเมินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พาเขาเดินเข้าไปในบ้าน กล่าวเสียงตํ่า “นายอยากถามอะไร ฉันตอบได้หมด ดังนั้น ไม่ต้องรีบ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version