Skip to content

พลิกปฐพี 97-3

ตอนที่ 97-3

บดขยี้แคว้นถูแล้ว คุณชายท่านเท่มาก

มู่ชิงเกอเงียบฟัง หรี่ตาทั้งสองข้างจนเป็นเส้นตรง ความเย็นเยียบและความเยาะเย้ยในแววตาดูคลุมเครือ

ไม่มีผู้ใดทราบว่า นางไม่ได้ไปที่ราบลั่วรื่อ แต่ทว่า พาองครักษ์เขี้ยวมังกร แอบแฝงตัวเข้าสู่หวังถิงจากทางลัด ผู้ที่นำกองทหารไปที่ลั่วรื่อ คือ เหล่ารองแม่ทัพของมู่ซง และผู้รักษาการแทนชั่วคราวก็คือรองผู้บังคับบัญชาซ่งผู้ ที่พ่ายแพ้ต่อมู่ชิงเกอในตอนนั้น

วันนี้ เป็นคืนที่สามที่นางพาองครักษ์เขี้ยวมังกรเข้าสู่หวังถิง

ตามกำหนดการของกองทหาร กองทัพทหารที่รองผู้บังคับบัญชาซ่งนำทัพก็คงจะถึงที่ราบลั่วรื่อในวันนี้และเผชิญหน้ากับรัชทายาทแคว้นถูผู้เย่อหยิ่ง

ทั้งสองฝ่ายจะทำสงครามกันหรือไม่ ผลจะเป็นอย่างไร มู่ชิงเกอไม่สนใจ

ในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นคือข่าวดีจากองครักษ์เขี้ยวมังกร

“ดูเหมือนว่า ครั้งนี้เรายังโชคดี” หลังจากที่ฟังข่าวจนจบ มู่ชิงเกอก็ผุดรอยยิ้มจางๆ

“มั่วหยาง” มู่ชิงเกอเรียกขึ้นอย่างกะทันหัน

มั่วหยางเดินเข้ามาจากข้างหลัง พลันยืนก้มหน้า

“ทางกองทัพพันเพลิงเป็นอย่างไรบ้าง’’ มู่ชิงเกอถาม ครั้งนี้นางได้ใช้กองทัพที่ท่านปู่แอบซ่องสุมเอาไว้

ที่ใช้กองทหารพันเพลิง มีเหตุผลอยู่สองประการ

ประการแรก ตระกูลมู่ไม่จำเป็นต้องมีไพ่ใบสุดท้ายและไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเป็นกำลังเสริมอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป

อีกประการหนึ่งนั้น นางอยากจะเห็นว่ากองทัพทหารที่ท่านปู่ของตนเองเลือกและฝึกด้วยตนเองนี้จะมีทักษะการรบอย่างไรบ้าง

มั่วหยางตอบกลับว่า “กองทัพพันเพลิงได้กระจายและแฝงตัวเข้าสู่เมืองสำคัญหลายเมืองและหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดรอโอกาสจู่โจมตามคำสั่งของคุณชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ”

“ดีมาก” มู่ชิงเกอถือว่าพอใจกับความว่องไวของกองทัพพันเพลิง

มู่ชิงเกอลุกขึ้นยืนพร้อมกับชุดสีแดงเจิดจ้า นางยกมือขึ้นจัดชายเสื้อของตนเอง พลันเดินเอามือไพล่หลังออกจากห้องไปและพูดกับองครักษ์เขี้ยวมังกรที่รอคำสั่งมานานว่า “1 เค่อหลังจากนี้เริ่มปฏิบัติตามแผนการที่ได้วางเอาไว้ แยกย้ายกันไปตามเป้าหมายของตนเอง”

“ขอรับ! คุณชาย!”

องครักษ์เขี้ยวมังกรตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงนั้นดังอยู่ในตัวเรือนโดยไม่รั่วไหลออกไปเลยแม้แต่น้อย

“วังหลวงแคว้นถู….ข้าจะเข้าไปดูด้วยตนเอง” มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มตรงมุมปากที่ฉายแววความขบคิด ในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยไอสังหารอันเย็นเยียบ

1 เค่อผ่านไป ในเรือนก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ

รวมทั้งร่องรอยเดิมจากการใช้งานก็ถูกทำลายไปด้วย ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านเรือนธรรมดาๆ ที่ร้างคนอาศัยอยู่มานานปี

นอกเรือน เสียงชนแก้วของชายหนุ่มและเสียงหัวเราะที่แฝงความคลุมเครือยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย คํ่าคืนที่ดูเหมือนจะสุดแสนธรรมดานี้ ถูกกำหนดให้เป็น คํ่าคืนแห่งฝันร้ายอันยากจะลืมเลือนของประชาชนแคว้นถูไปเสียแล้ว วังหลวงแคว้นถู มิได้หรูหราและสูงส่งดั่งวังหลวงแคว้นฉิน แต่แฝงไปด้วยกลิ่นไอความเคร่งขรึม ยิ่งไปกว่านั้น คือมีความหยาบคายและป่าเถื่อน สัญลักษณ์ของสัตว์ป่าที่เป็นที่บูชาของแคว้นถู ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ในทุกซอกทุกมุมภายในวังหลวง

จากแผนที่ที่ได้รับก่อนหน้านี้ มู่ชิงเกอสามารถเข้าไปภายในวังหลวงได้อย่างง่ายดาย

ท่ามกลางความมืดมน นางอำพรางกลิ่นของตนเองอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เจ้าปีศาจที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวงแคว้นถูรับรู้

การลงมือในครั้งนี้ของนาง เพื่อต้องการทำให้แคว้นถูตื่นกลัว หากมีใครมาพบเจอเข้าก็คงจะหมดสนุก

ในเมื่อแคว้นฉินมีปีศาจเฒ่าสายม่วงพวกนั้นคอยคํ้าจุน ถ้าเช่นนั้นนางก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าแคว้นถูก็คงต้องมีเช่นกัน

โชคดีที่เจ้าพวกปีศาจนั่นมักจะหลบซ่อนตนเองไว้เป็นอย่างดี หากมิได้มีเหตุอันตรายดั่งเช่นแคว้นล่มจมก็จะไม่ปรากฏตัวเป็นอันขาด หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ มู่ชิงเกอก็คงไม่คิดจะใช้แผนการนี้ และก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่เข้าสู่วังหลวงแคว้นถู มู่ชิงเกอก็รู้สึกถึงกลิ่นอายอันทรงพลังสองสายสาดลงบนยอดวังหลวงดั่งไฟฉาย

พลังสองสายนี้ ต่างก็เก่งกาจมากกว่านาง ทำให้นางประเมินได้อย่างง่ายดายว่า เป็นยอดฝีมือภายในวังหลวงแคว้นถู

ภายในวังหลวงแคว้นถู มีสายม่วงถึงสองคนเชียวหรือ

การค้นพบเรื่องนี้ช่างเป็นกำไรที่เหนือความคาดหมาย ในแต่ละแคว้นจำนวนยอดฝีมือภายในวังหลวงถือเป็นความลับสุดยอด พูดได้ว่า สายม่วงเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับวังหลวง ผู้ใดเล่าจะยอมเปิดเผยไพ่ใบสุดท้ายของตนเองอย่างง่ายดาย

ดังเช่นแคว้นถู สายม่วงที่เปิดเผยต่อสาธารณะมีเพียงคนเดียว แต่คืนนี้ มู่ชิงเกอกลับค้นพบว่า มีอย่างน้อยสองคน

และแคว้นฉินที่ตอนนี้มู่ซงได้ทะลวงสู่สายม่วงแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่จะเปิดเผยไม่ได้

หลบหนีจากการตรวจจับของยอดฝีมือ มู่ชิงเกออำพรางตัวอยู่ในที่มืดและเฝ้ารอคอยโอกาส นางไม่เชื่อว่ายอดฝีมือสายม่วงของแคว้นถู จะรักษาความสงบให้กับวังหลวงอยู่เช่นนี้ทั้งคืน

เพราะหากเป็นเช่นนี้ สายม่วงแคว้นถูก็คงตํ่าต้อยเกินไปแล้ว

และก็เป็นดั่งที่ได้คาดการณ์เอาไว้ มู่ชิงเกอรออยู่เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ไอสังหารอันโหดเหี้ยมจากสายม่วงก็ได้จางหายไป

อีกครู่หนึ่งหลังจากนั้น มู่ชิงเกอจึงออกจากที่มืด เดินมุ่งไปยังสถานที่ที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ แต่ทว่า ก่อนที่นางจะเข้าไป นางกลับแวะเข้าไปภายในตำหนักบรรทมของนางสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุดเป็นอันดับแรก

รอจนมู่ชิงเกอวนเข้าไปรอบหนึ่งและเข้าไปในตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั้น ขณะนั้นเอง ช่องว่างของนางก็พลันมีกระสอบทรายใบหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

เข้าไปภายในตำหนักฮ่องเต้อย่างไร้ร่องรอยราวกับวิญญาณ

ภายในตำหนัก มีเพียงเสียงกรนที่ดังดั่งฟ้าผ่า ดูเหมือนว่า ฮ่องเต้กำลังบรรทมสบาย

มู่ชิงเกอเดินไปบริเวณม่านเตียงอย่างเงียบๆ ค่อยๆ เปิดผ้าม่านออก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของฮ่องเต้

‘พระเจ้า!’ กลมกว่าเจ้าอ้วนเช่าอีก! มู่ชิงเกอขนลุก จนอยากจะอาเจียน เคลื่อนสายตาไปหยุดบนเรือนร่างอันงดงามของผู้ที่นอนอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้

ทันใดนั้น ก็พลันรู้สึกถึงคำว่า ‘บูชาผักกาดขาวให้กับหมู’

สายตาและมุมปากของมู่ชิงเกอฉายแววความเย็นเยียบ เมื่อนางยกมือขึ้น กลุ่มควันไร้สีกลุ่มหนึ่งก็พลันลอยออกจากฝ่ามือของนางและถูกฮ่องเต้แคว้นถูสูดดมเข้าไปในเสี้ยววินาที ฮ่องเต้แคว้นถูที่หลับสนิทอยู่แล้วในตอนนี้หลับลึกประหนึ่งหมูตาย หยิบกระสอบใบหนึ่งออกมากลางอากาศ มู่ชิงเกอใส่ ฮ่องเต้แคว้นถูเข้าไปในนั้น หลังจากที่มัดปากถุงแล้ว นางได้พิจารณาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเรียกกู่หยาออกมา

“เจ้าให้ข้าแบกหมูตัวนี้ออกไปอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าของกู่หยาดำคลํ้าและเติมไปด้วยความไม่จำยอม

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้ม พลันพูดต่ออย่างหน้าด้านว่า “งานใช้กำลังเช่นนี้ เจ้ายังจะมีหน้าให้ข้าทำอย่างนั้นหรือ”

ท่าทางอันเย่อหยิ่ง ทำให้กู่หยารู้สึกเศร้าใจ

เขาสามารถขัดต่อความต้องการของมู่ชิงเกอได้ แต่ทว่า กลับไม่สามารถขัดคำสั่งของซือมั่วได้

กู่หยาที่กำลังเศร้าใจ ทำได้เพียงยกกระสอบทรายที่มีฮ่องเต้แคว้นถูอยู่ขึ้นมาอย่างจำยอม และหายไปจากตรงหน้ามู่ชิงเกอด้วยใบหน้าอันมืดมน

“ฮือๆๆๆ หากเจอท่านประมุขในคราวหน้า ข้าจะยื่นใบขอลาปลดประจำการ ข้าจะไม่อยู่กับคุณหนูใหญ่ท่านนี้แล้ว นางรังแกกันเกินไปแล้ว! ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของข้าต้องรับความเจ็บปวด! ” กู่หยาจากไปพร้อม หัวใจอันเปราะบางและตัดสินใจอีกครั้งว่าจะไปให้ไกลจากแม่มดใจร้ายผู้นี้

คุณหนูใหญ่ท่านนี้ หากจะหาเรื่องใครขึ้นมา จะกัดไม่ปล่อย

เขารับใช้นางมาเป็นเวลานานและเห็นกับตาว่านางฝึกองครักษ์เขี้ยวมังกรให้เก่งกาจได้อย่างไร รวมทั้งเรื่องที่นางฆ่าราชวงคศ์แคว้นฉินไปทีละขั้นๆ

และสำหรับครั้งนี้เอง เขาเองก็ชื่นชมความกล้าของนางเป็นอย่างมาก

ไม่ยอมไปสู้รบที่ที่ราบลั่วรื่อ แต่กลับมาที่บ้านเมืองของเขาและยังลักพาตัวฮ่องเต้ของชาวบ้านอีก!

ไหวพริบและการไม่เล่นไปตามกฎกติกาเช่นนี้ ทำให้กู่หยารู้สึกได้ว่า อนาคตของท่านประมุขของตนเองนั้นช่างมืดมน

มีกู่หยาคอยช่วย มู่ชิงเกอก็สบายขึ้นมาก

ปัดมือทีหนึ่ง แล้วมู่ชิงเกอก็ออกจากวังหลวงแคว้นกูอย่างไร้ร่องรอย

ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นแล้ว

หวังถิงที่คึกคักมาตลอดทั้งคืนก็ได้เงียบสงบลง

เมื่อแสงแรกสาดส่องความสว่างลงบนพื้นดิน ทหารที่เตรียมพร้อมจะเปิดประตูแคว้น กลับต้องตื่นตระหนก เพราะเส้นผมมากมายที่ปลิวไปมาตามสายลม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version