Skip to content

พลิกปฐพี 975

ตอนที่ 975

ตอนพิเศษ 16

บทนำราชินีเจียง

ภายในหานชุ่น ผืนป่าสีเขียวปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ก็ยังห่างอยู่อีกระยะหนึ่ง

ปราณของมู่เทียนอินไล่ตามมาติดๆ ดูเหมือนจงใจคิดจะเล่นสนุกกับพวกเขา

ทันใดนั้น เจียงหลีก็หยุดลงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากเป็น เช่นนี้ต่อไป พวกเราคงไม่มีใครหนีรอด พวกเจ้ารีบพาชิงเกอหนีไป ข้าจะถ่วงเวลาเขาไว้เอง!”

“ไม่ได้นะแม่นางเจียง!” มู่เฉินเอ่ยห้าม

ในแววตาของโห่วก็ปรากฎร่องรอยไม่เห็นด้วย

แต่ว่า เจียงหลีกลับยืนกราน “อย่าได้ลังเลอีกเลย หากยังชักช้าอีกจะต้องตายกันทั้งหมด!”

พูดแล้วนางก็หันกายพุ่งออกไป ในมือกุมจูเสียที่มู่ชิงเกอหลอมให้นางไว้อย่างเหนียวแน่น

เกรงว่า หลังจากที่หันกายอย่างเด็ดขาด เจียงหลีก็รู้แล้วว่านี่คือการบอกลาครั้งสุดท้ายกับมู่ชิงเกอในชาตินี้…

ท่ามกลางมหาสมทุรดวงดาวที่ว่างเปล่า มีสสารที่ถูกเรียกว่า ‘ที่ว่าง’ ชนิดหนึ่งอาศัยอยู่

มันมาจากที่ใด เหตุใดถึงมีอยู่ ไม่มีใครรู้ พูดได้ว่า คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในจักรวาล ล้วนไม่มีทางรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน

คนที่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันเพียงหนึ่งเดียว มีเพียงคนประเภทหนึ่ง

นั่นก็คือ…คนกึ่งตาย!

นอกจากนี้ ยังต้องเป็นคนกึ่งตายที่ถูกเนรเทศไว้ในมหาสมุทรดวงดาวจึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของที่ว่าง

คนกึ่งตายหมายถึงอะไร

ที่เรียกว่าคนกึ่งตาย หมายถึงคนที่ร่างกายถูกความว่างเปล่ากลืนกินแล้ว มีเพียงวิญญาณที่เหลืออยู่เหล่านั้น พวกเขาบ้างก็ร่อนเร่อยู่ในความว่างเปล่านานเกินไป อ่อนแอลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็ถูกที่ว่างกลืนกินจนตาย ส่วนบางกลุ่ม ในระหว่างที่ร่อนเร่อยู่ก็สามารถกลืนกินที่ว่างกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดใหม่

เจียงหสีไม่รู้ว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่ามานานเพียงใดแล้ว ภาพความทรงจำในสมองนาง แผ่นดินแตกระแหง ภูเขา แม่นํ้าถล่มทลาย นางมองเห็นท้องฟ้าแตกออกเป็นแผ่น ร่วงลงมาทีละ แผ่นๆ…

นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่ง ตอนที่พลังฝ่ามือนั้นของมู่เทียนอินตกลงบนร่างนาง นางรู้สึกว่าวิญญาณของตนล้วนถูกดูดออกมาจากร่างกาย สายเลือดเก่าแก่ในร่างกายก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทรมาน

มู่เทียนอิน เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดที่นางเคยเห็นในชีวิตนี้จริงๆ

ทว่า ยังดี…นางไม่เป็นไร

ท่ามกลางมทาสมุทรดวงดาว ร่างกายของเจียงหสีสูญสลายจนหมดสิ้นนานแล้ว มีเพียงวิญญาณที่ยังคงล่องลอยอยู่ในโลกแต่ละใบต่อไม่มีจุดมุ่งหมาย

นางกลายเป็นเงาร่างโปร่งแสงสีฟ้าอ่อนที่มีแสงดาวส่องสว่าง รูปโฉมที่งดงามสง่ายังคงเห็นชัด แต่กลับดูเหมือนนอนหลับอยู่ มุมปากยกยิ้มเบาๆ เต็มไปด้วยความสบายใจชนิดหนึ่ง

‘…ชิงเกอ มู่ชิงเกอ…เขามาแล้ว เจ้าก็ปลอดภัยแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่อาจร่วมรบเคียงบ่าเจ้าได้อีก ไม่อาจชื่นชมภูเขาลำธารกับเจ้าได้อีก แต่ข้าก็ไม่เสียดาย เพราะข้ารู้ว่าหากเปลี่ยนเป็นเจ้าก็จะเลือกทางเลือกนี้ เหมือนกัน ใครๆ ก็บอกว่าชีวิตคนยากจะเจอคนรู้ใจ ชีวิตนี้ข้าเจียงหลีได้รู้จักกับเจ้าก็เพียงพอแล้ว ขอให้เจ้าจะสุขสบายชั่วนิจนิรันดร์…’

ความคิดสุดท้าย กลายเป็นคำอวยพรตลอดกาล แผ่ขยายออกไป ท่ามกลางจักรวาลอย่างต่อเนื่อง ราวกับระลอกคลื่น ปกคลุมอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลทั้งหมด

จูเสียชิ้นนั้นกลับคืนสู่ภาวะพักผ่อนนานแล้ว มันสวมอยู่บนข้อมือของเจียงหลี กำลังกะพริบแสงริบหรี่

มันพลิ้วไหวไร้ที่พึ่งไปตามเจียงหลี ปราณของมันเองก็ถูกทั้งไว้ในโลกทุกแห่งที่ผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว มันยิ่งไม่รู้ว่า การเคลื่อนไหวที่ไม่รู้ตัวนี้ สร้างอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการตามหาเจียงหลีของมู่ชิงเกอในภายหลัง

ในมหาสมุทรดวงดาวอันว่างเปล่า มีลมพัดผ่านน้อยอย่างยิ่ง แต่กระแสอากาศที่มองไม่เห็น กลับส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เงียบๆ

เจียงหลีไม่รู้ว่าล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าของมหาสมทุรดวงดาวมานานเพียงใดแล้ว ที่นี่ไม่มีแนวคิดเรื่องเวลา เวลาชั่วพริบตาก็เท่ากับชั่วนิรันดร์ แสงดาวรอบกายนางค่อยๆ อ่อนลง ถูกความมืดสลัวที่มากยิ่งกว่าปกคลุม

ที่ว่างตัวหนึ่งค่อยๆ ปรากฎตัวอยู่แถวๆ นาง เห็นวิญญาณโปร่งแสงสีฟ้าอ่อนที่กะพริบแสงสีเงินของนางก็ราวกับมองเห็นอาหารรสเลิศ ทำให้มันอดใจไม่ไหว

หลังจากเฝ้าติดตามอยู่ในความเงียบมาเนิ่นนาน ที่ว่างตัวนี้ก็เขยิบเข้าไปใกล้เจียงหลีช้าๆ ขอเพียงแค่กลืนกินนาง มันก็สามารถพัฒนากลายเป็นที่ว่างที่แข็งแกร่งขึ้นได้อีก

ในที่สุด มันก็มาอยู่ข้างกายเจียงหลี

เรือนร่างว่างเปล่าของกลุ่มธาตุอากาศค่อยๆ วิวัฒนาการเป็นปากมหึมา ในปากเต็มไปด้วยเขี้ยวฟันแหลมคม กัดคำใหญ่เข้ามาหาเจียงหลีอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น เจียงหลีที่สงบนิ่งมาโดยตลอดก็พลันเปิดตาทั้งคู่

แสงทองสองสายยิงออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของนาง ยิงตรงขึ้นไปบนฟ้าราวกับแสงทองสองช่อ การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้ที่ว่างที่เตรียมจะลอบโจมตีหยุดชะงักลง

ในตอนนี้เอง หน้าอกเจียงหลีก็มีงูเหลือมยักษ์มายาหนึ่งตัว ทะลวงออกมาอย่างรวดเร็ว แผดเสียงดุร้ายโผเข้าไปหาที่ว่างโชคร้ายตัว

‘อย่า!’ ที่ว่างถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว กว่ามันจะเติบโตมาถึงวันนี้ได้ ยังมีสติปัญญาของตนอีก จะตายเช่นนี้ได้อย่างไร

‘หญิงผู้นี้ตายแล้วยังน่ากลัวเพียงนั้นเลยหรือ’ ที่ว่างหนีไปพลางใช้สติปัญญาเพียงหนึ่งเดียวที่มันมีถอนหายใจไปพลาง

ทว่า มันอยากหนี กลับไม่ง่ายดายเพียงนั้น

งูเหลือมยักษ์ทะลวงออกมาจากร่างเจียงหลีอย่างรวดเร็ว ความยาวที่ไร้ขอบเขต ไล่ตามที่ว่างตัวนั้นไปติดๆ

ความเร็วของที่ว่างไม่ช้า แต่ความเร็วของงูเหลือมยักษ์เร็วยิ่งกว่า

เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ศีรษะที่ดุร้ายของงูเหลือมยักษ์ก็มาถึงหน้าที่ว่างแล้ว ร่างของมันพันรัดที่ว่างไว้ทันที ชั่วพริบตาก็ลากกลับมาหน้าเจียงหลี

ที่ว่างผู้น่าสงสารดิ้นพล่านสุดชีวิต เดิมมันก็มีรูปร่างที่ว่างเปล่าอยู่แล้ว แต่เมื่อเจองูเหลือมยักษ์ที่รูปร่างว่างเปล่ากับเจียงหลีพร้อมกัน ความสามารถในการหนีกลับไม่เหลืออยู่อีก

หลังจากที่จับที่ว่างกลับมา งูเหลือมยักษ์ก็เก็บงำประกายกลับ เข้าไปในร่างเจียงหลี

ส่วนเจียงหลีที่นอนอยู่อย่างสงบนิ่ง จู่ๆ กลับลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือจับที่ว่าง “เจ้าอยากกินข้าหรือ”

บนเครื่องหน้าทั้งห้าที่โปร่งแสง มุมปากยกยิ้มอย่างหยอกล้อ

ความสามารถในช่วงเวลาเป็นตาย บีบบังคับให้นางจำใจต้องตื่นมา

นางยังตามหามู่ชิงเกอไม่เจอแล้วจะตายได้อย่างไร ในเมื่อไม่ตาย นางก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หลังจากนั้นก็หาเส้นทางกลับบ้านให้เจอ

ที่ว่างผู้โชคร้ายตัวนั้น ดิ้นพล่านอย่างหวาดกลัว

น่าแปลกอย่างยิ่ง ที่ว่างไม่มีรูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีสีหน้าท่าทาง แต่เจียงหลีก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของมัน

รอยยิ้มมุมปากนางกว้างขึ้น ทันใดนั้น นางก็ยกที่ว่างเข้ามาใกล้ตนเองช้าๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ข้ากินเจ้าแทนแล้วกัน”

เจ้าอยากกินข้า ข้าก็จะกินเจ้า ยุติธรรมอย่างยิ่ง

‘ไว้ชีวิตข้าด้วย!’ ความพยายามอย่างสุดชีวิตของที่ว่างแสดงความรู้สึกของมันออกมา

แต่ว่า กลับไม่มีทางห้ามการกระทำของเจียงหลีได้

นางเงยหน้าขึ้น อ้าปากกว้าง ในตอนที่ที่ว่างซึ่งถูกนางยกขึ้นตัวนั้นเคลื่อนเข้าไปใกล้มุมปากนาง ก็พลันหดตัว ถูกนางดูดเข้าไปในร่างกาย

‘อุบ!’ เมื่อดูดที่ว่างเข้าไปในร่าง เจียงหลีก็แค่นเสียงอย่างอดไม่ได้

ความรู้สึกชนิดนั้น เหมือนภายในร่างกายถูกเคาะราวกับรัวกลอง สั่นสะท้านทั่วร่าง

ชั่วพริบตาผ่านไป เจียงหลีก้มหน้ามองมือทั้งคู่ของตน แม้ว่าจะยังมีลักษณะโปร่งแสงอยู่ แต่นางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนแข็งแรงยิ่งขึ้น

เงาว่างเปล่าของงูเหลือมยักษ์ปรากฎออกมาข้างหลังนางอีกครั้ง พันรอบหัวไหล่นาง

ศีรษะที่ดุร้ายยื่นลิ้นงูออกมาเลียลิ้มรส คล้ายเป็นรถชาติที่พอใจอย่างยิ่ง

แววตาของเจียงหลีที่นั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ค่อยๆ จ้องนิ่ง ในรอยยิ้มนางมีความโอหังอย่างผู้มีตำแหน่งสูงชนิดหนึ่ง “ในเมื่อของชิ้นนี้มีประโยชน์พวกเราก็ไปหามันมาอีกเถอะ”

นางคือราชินี ราชินีที่แคว้นกู่วู่ภาคภูมิใจที่สุดและองอาจที่สุด

นางมีความทะนงตนและยืนหยัดของนาง แม้จะไม่เกิดไม่ตาย แต่นางก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปด้วยมาดของราชินี

กาลเวลา ท่ามกลางความว่างเปล่า เป็นสิ่งไร้ประโยชน์ที่สุด

ระยะเวลาที่เจียงหลีฟื้นคืนสติ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ที่ว่างผืนนี้รู้เพียงแค่ว่า พวกมันมีศัตรูที่น่ากลัวเพิ่มมาหนึ่งคน

อีกทั้ง ศัตรูผู้นี้ยังหิวกระหายอย่างยิ่ง กินที่ว่างเช่นพวกมันเป็นอาหาร

เดิมที พวกมันจึงจะเป็นผู้ล่าในสุสานความว่างเปล่า แต่หลังจากที่นางปรากฎตัว ตำแหน่งดันกลับกัน

‘ให้ตายเถอะ! ใครบ้างจะเก็บสตรีที่น่ากลัวผู้นี้ไปได้’

นี่คือคำภาวนาอันจริงใจที่สุดที่ออกมาจากใจของที่ว่างผืนนี้

บางที สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาล ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงอาจได้ยินคำวิงวอนของพวกมันแล้ว หลังจากที่เจียงหลีออกล่าอีกครั้งเสร็จแล้ว ในที่สุดพวกมันก็เห็นความหวัง…

‘เอิ๊ก!’วิญญาณโปร่งแสงที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า เริ่มก่อรูปก่อร่างขึ้นเรื่อยๆ หลังกินอิ่มแล้ว เจียงหลีก็เรออย่างพอใจ

อย่างไรเสีย ที่นี่ก็มีนางเพียงผู้เดียว ไม่อาจมีใครเตือนนางให้ระวังภาพลักษณ์ของราชินีผู้สูงศักดิ์

“อย่างไรก็ดีวิญญาณก็คือวิญญาณ ต่อให้ก่อรูปเสมือนจริงก็ไม่ใช่ร่างกายจริงๆ” เจียงหลีมองประเมินร่างกายตัวเองครู่หนึ่ง แสยะปากไม่แยแสเล็กน้อย

ทันใดนั้น หัวใจนางก็บีบแน่น พลังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจต้านทานได้กลุ่มหนึ่ง ฉุดดึงนางออกไปไกลอย่างรวดเร็ว

‘บ้าเอ๊ย!’

เจียงหลีตกใจจนเบิกตาทั้งคู่โต

ใช้คำสถบที่เรียนมาจากมู่ชิงเกอในตอนนั้นตามจิตใต้สำนึก

‘ผีตัวไหนลอบโจมตีข้า!’ ความคิดไม่ดีความคิดหนึ่งจู่โจมหัวใจของเจียงหลีในชั่วพริบตา

ทว่า กลับไม่มีใครให้คำตอบนางได้

ต่อหน้าพลังกลุ่มนี้นางไม่มีทางต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง เหมือนหุ่นไม้หนึ่งตัวที่ทำได้เพียงปล่อยให้ถูกควบคุม

นางค่อยๆ ถูกพลังกลุ่มนั้นพาไปไกลเรื่อยๆ วิญญาณที่ถูกนางฝึกฝนจนแข็งแรงอย่างถึงที่สุด ก็ถูกพลังกลุ่มนั้นบิดจนเป็นก้อน กลายเป็นก้อนกลมสีฟ้าโปร่งแสงหนึ่งก้อน

ก้อนกลมสีฟ้าผ่าแยกความว่างเปล่า ทะลุมิติไปยังโลกใบแล้วใบเล่าไม่ขาดสาย

ในที่สุดก็พลันช้าลง

ทว่า เจียงหลีกลับรู้สึกว่าบนก้นตนถูกคนถีบอย่างแรง ถีบนางออกไปราวกับลูกบอล

‘ระยำ!’

เจียงหลีแผดเสียงโกรธเกรี้ยวหนึ่งครา

แต่ตนกลับตกลงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนที่ยิงออกไป

สตินางเลือนรางลงเรื่อยๆ ระหว่างที่กลิ้งตลบไม่หยุด ท้ายที่สุดก็หลับลึกอย่างสิ้นเชิง ตอนที่นางสูญเสียสติ เบื้องหน้าปรากฎกลุ่มดาวทะเลหมอกหนึ่งผืน

พื้นที่รกร้างเก้าผืน ล้อมรอบเป็นหนึ่งเดียว กระจายแสงสว่าง แวววับท่ามกลางมหาสมุทรดวงดาว

วิญญาณของเจียงหลีถูกโยนเข้าไปตรงกลางโลกใบนี้อย่างไม่อาจย้อนกลับ ไหลไปตามนํ้าด้วยสติที่เลอะเลือนในโลกใบนี้ คล้ายกำลังหาอะไรอยู่ ทั้งยังคล้ายกำลังรออะไรอยู่

เค้าโครงคูเมืองค่อยๆ ปรากฎอยู่ในเมฆหมอก แผ่นดินภูเขา สายนํ้าก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น พื้นที่ที่กระตือรือร้นไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายแห่งหนึ่ง ดึงดูดวิญญาณของเจียงหลีเข้าไป

สิ่งที่ดึงดูดนาง คือเรือนร่างที่ไม่มีพลังชีวิตแม้แต่นิดเดียวร่างหนึ่งตรงมุมกำแพง อ่อนแอไร้ที่พึ่ง

เหมือนกับตอนแรกที่พบที่ว่าง สัญชาตญาณที่ว่องไวชนิดหนึ่ง ทำให้นางใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด พุ่งไปยังร่างร่างนั้น

ทว่า ที่มุมอีกมุมหนึ่ง มีก้อนกลมโปร่งแสงอีกหนึ่งก่อน จับจ้องร่างร่างนี้อยู่เช่นกัน มันลอยเข้าไปที่ร่างด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากเจียงหลี

กลุ่มแสงสองก้อน มาจากคนละที่ แต่กลับมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน

สวบ สาบ

แทบจะในเวลาเดียวกันกลุ่มแสงที่คนทั่วไปมองไม่เห็นสองก้อนก็จมหายไปในร่างร่างนั้นและร่างกายที่เดิมไม่มีพลังชีวิตเหลือแล้วร่างนั้น ก็พลันบังเกิดพลังชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ลมหายใจที่หยุดลงเริ่มกลับคืนมา เช่นกัน…

จบภาค 3 ภาคดินแดนแห่งเทพมาร

อ่านภาคต่อไป “ราชินีพลิกสวรรค์”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version