Skip to content

พลิกปฐพี 99-1

ตอนที่ 99-1

เจ้าสองคนนี้ เป็นบ้าหรือไร?

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

เสียงร้องขอชีวิตที่แฝงความตื่นตระหนก รวมทั้งเสียงกรีดร้องจากหญิงสาว ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

องครักษ์เขี้ยวมังกรเตรียมปกป้องมู่ชิงเกอและทั้งสองสาวจากทั้งซ้ายและขวา เพื่อเป็นเกราะป้องกันอย่างหนาแน่นให้กับพวกนาง ไอสังหารค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ทั้งโย่วเหอและฮวาเยวี่ยก็ทิ้งความขี้เล่นดั่งที่เคย ต่างก็จ้องทิศทางของเสียงนั้นอย่างเคร่งขรึม

ทันใดนั้น แผ่นดินก็ได้สั่นสะเทือนไม่หยุด ราวกับยืนอยู่บนเรือที่โคลงเคลงไปมา

การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรต่างถอยหลังสองก้าว ทำให้วงของการปกป้องแคบลง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิด

เมื่อเทียบกับความเตรียมพร้อมและความเคร่งขรึมของพวกเขาแล้ว มู่ชิงเกอกลับดูนิ่งเป็นอย่างมาก ในตอนนี้นางห่างจากสายม่วงเพียงเอื้อมมือ นางมั่นใจว่า ในผืนป่าลั่วรื่อที่เต็มไปด้วยร่องรอยการเดินทางของมนุษย์แห่งนี้ คนหรือสัตว์ที่จะสามารถทำร้ายนางได้นั้นไม่มี

และตอนนี้ เป็นเพียงความตื่นตระหนกที่เกิดจากคนอื่น เกี่ยวอะไรกับนาง?

นางยังคงท่าทางไม่สนใจใคร ดูมั่นคงเป็นพิเศษ

นางคิดไว้แล้วว่า หากสถานการณ์สงบลงแล้ว นางจะพาทุกคนออกไป

 

แต่ทว่า ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ มู่ชิงเกอไม่มีกะจิตกะใจจะไปยุ่งเรื่องของผูอื่น แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังอยู่นั้น ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เรื่อยๆ แรงสั่นสะเทือนของพื้นดินก็มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีทหารและม้าจำนวนนับพันวิ่งอยู่

“ช่วยด้วยยย—!”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่แหลมจนแก้วหูแทบจะแตก ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วอย่างทนไม่ได้

ทันใดนั้น เงาร่างสองร่างที่ไล่ตามกันมา ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหน้า ทั้งสองก็รีบวิ่งปรี่เข้าหาพวกเขา ความเร็วนั้นมากกว่าตอนแรกหลายเท่า

“คุณชาย” องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ พลันเอ่ยเรียกอย่างเคร่งขรึม

ราวกับว่า เพียงคำสั่งเดียวของมู่ชิงเกอ พวกเขาก็พร้อมจะยกดาบในมือขึ้น เพื่อป้องกันการเข้าใกล้ของคนทั้งสอง

สายตาอันสว่างและสดใสของมู่ชิงเกอจ้องทั้งสองที่เข้ามาใกล้พอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงรู้ว่าเป็นหญิงและชายคู่หนึ่งที่อายุไม่มากนักและข้างหลังพวกเขา มีใบไม้ร่วงหล่นลงอย่างไม่ขาดสาย เสียงฝีเท้าแปรเปลี่ยนจากความไม่ชัดเจนเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีเสียง สวบ สวบ ดังอยู่อีกด้วย

ทันใดนั้น เงาสีแดงเข้มจำนวนมากก็พลันปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน เนื้อที่แน่นจนเบียดและเรียงตัวกันเป็นปล้องๆ ราวกับลูกบอลที่สามารถกลิ้งไปมาได้ในตอนนี้ กำลังไล่ตามทั้งสองคนก่อนหน้านี้

มู่ชิงเกอกวาดสายตามอง สิ่งที่กำลังวิ่งไล่สองคนนั้นอยู่นั้น มีจำนวนทั้งหมดเกือบหมื่น!

“คุณชาย นั่นมันหนูหูแดง!” องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งที่รู้จักลูกบอลสีแดงกลมๆจำนวนหลายพันตัวรีบบอกมู่ชิงเกอ

หนูหูแดงอย่างนั้นหรือ ?

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเบาๆ

สำหรับหนูหูแดง นางรู้จักดี ในตำราเกี่ยวกับสัตว์ป่าและสัตว์วิญญาณที่อยู่ในห้องหนังสือตระกูลมู่ นางเคยเห็นสิ่งนี้ เหตุผลที่นางขมวดคิ้ว นั้นเป็นเพราะทั้งชีวิตของหนูหูแดงสามารถเป็นได้เพียงสัตว์ที่มีพลังอยู่ได้เพียงแค่สายแดงขั้นต้น อย่าว่าแต่กับคนที่มีพลังเวทเลย เพราะแม้จะเป็นคนที่ไม่มีพลังเวท ก็ไม่ได้กลัวมัน

และฉากที่อยู่ตรงหน้า…ด้วยความว่องไวของทั้งสองคนนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่ คนธรรมดาและพลังเวทก็ไม่ได้อยู่ในระดับตํ่าเป็นแน่ แต่กลับถูกหนูหูแดงที่ไม่มีพิษภัยอันใดเลยทำให้ตื่นตระหนกจนวิ่งหนีไปทั่วป่า

ทันทีที่เห็นคนไล่ล่าแล้ว มู่ชิงเกอพลันรู้สึกว่าภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นดูน่าขบขัน

มนุษย์ทั้งสองที่มีพลังเวท กลับถูกหนูหูแดงที่กินพืชและไม่มีพิษภัยเหล่านี้ทำให้กลัวจนอกสั่นขวัญหนี พลางหนีพลางกระโดด ราวกับสิ่งที่ไล่ตามพวกเขามาไม่ใช่หนูหูแดง แต่เป็นสัตว์ร้าย

“หนูหูแดงมารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้ พวกเขาไปแหย่รังหนูหรืออย่างไรกัน” ในขณะที่โย่วเหอพูด ก็พลางขยับตัวเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอ

ฮวาเยวี่ยเองก็เช่นกัน ติดหนีบอยู่ข้างตัวมู่ชิงเกอ กลืนนํ้าลายหลายทีและพูดว่า “จริงๆแล้ว หากเจอกับหนูหูแดงจำนวนมากมายมหาศาลเพียงนี้ มันก็ทำให้ขนลุกไปทั้งตัวได้จริงๆ”

ในขณะที่ทั้งสองพูด อีกสองคนที่กำลังวิ่งหนีไปทั่วป่าด้วยความตื่นตระหนกก็ได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขา

หลังจากที่เห็นจำนวนของพวกเขาแล้ว ทั้งสองก็หยุดสายตาลงบนร่างที่สวมชุดสีแดง ไม่มีการกล่าวทักทาย ทั้งสองเพียง ‘ฟิ้ว’ ก็หลบไปอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอ แอบซ่อนตัว

การเคลื่อนไหวของพวกเขาว่องไวมาก ราวกับสายลมที่พัดผ่าน ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรยังไม่มีโอกาสได้ห้าม พวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังมู่ชิงเกอและแย่งพื้นที่ตรงแผ่นหลังของมู่ชิงเกอเป็นที่หลบ

ราวกับว่า หากมู่ชิงเกอคอยบังอยู่ข้างหน้า ก็จะสามารถหนีจากหนูหูแดงได้

การกระทำของทั้งสองทำให้สีหน้าขององครักษ์เปลี่ยนไปในทันที และต่างก็ช่วยกันยื่นมือออกไปลากตัวทั้งสองคนออกมา

แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับยื่นมือออกไปห้าม และหยิบผงยาออกมาถุงหนึ่ง พลันสั่งทุกคนว่า “สาดนี่ไปด้านหน้า”

องครักษ์เขียวมังกรนายหนึ่งรีบวิ่งขึ้นมารับ เพียงเสี้ยวสายตาก็ไปอยู่บริเวณด้านหน้าที่ห่างจากมู่ชิงเกอและทุกคนประมาณสิบก้าว และรีบแกะถุงผงยา นำผงยาที่ อยู่ในถุงออกมาสาดไปตรงหน้า

ในขณะที่เขาทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว หนูหูแดงก็พลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา

ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ สายตาของเขาพลันเย็นเยียบขึ้นมาและกำลังจะยื่นมือออกไปผลักหนูหูแดงออก แต่กลับพบว่าฝูงหนูหูแดงที่พุ่งตัวขึ้นมาหยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันราวกับเจอผี กรงเล็บเล็กๆ รีบตะกายโคลนบนพื้นเพื่อพยุงตนเองและกรีดร้องคำหนึ่ง ก่อนจะวิ่งหนีไป

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นไวมาก ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรนายนั้นยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่มือขวาก็ยังคงยกขึ้นคาอยู่ นท่าที่เตรียมจะลงมือ

หนูหูแดงมาไวและไปไวมาก

ทันใดนั้น ภายในผืนป่าแห่งนี้ก็กลับคืนสู่ความสงบ ไม่มีแม้กระทั่งเงาของหนูหูแดงอีกต่อไป

แต่ชายหนุ่มและหญิงสาวที่หลบอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอในตอนนี้ยังคงหลับตาทั้งสองข้างสนิท งอตัวและสั่นระริก ไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าหนูหูแดงได้หนีไปแล้ว

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ได้สติจากความมึนงง หันหลังและเดินกลับไปหามู่ชิงเกอ พร้อมกล่าวว่า “ท่าน หนูหูแดงหนีไปหมดแล้ว” การเปลี่ยนแปลงของคำสรรพนามนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เข้าสู่ผืนป่าลั่วรื่อ ซึ่งมู่ชิงเกอเป็นคนเสนอ

แต่หากมีคนนอกอยู่ด้วย คำสรรพนามที่ทุกคนใช้แทนนางถูกเปลี่ยนเป็น ‘ท่าน’ ไม่ใช่ ‘คุณชาย’

ไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอรู้ว่าตนเองมีชื่อเสียงมากแค่ไหน แต่เป็นเพราะว่าไม่อยากให้คำว่า ‘คุณชาย’ ก่อให้เกิดความเดือดร้อน เรียกนางว่า ‘ท่าน’ ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ว่า นางเป็น ‘คุณชาย’ จากตระกูลใด ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้จะดีกว่า รวมทั้งชื่อของนาง ก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อในชาติที่แล้ว

หลังจากที่ได้ยินว่าหนูหูแดงหนีไปแล้ว หญิงสาวและชายหนุ่มที่หลบอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอจึงหยุดสั่นและลืมตาขึ้นอย่างมึนงง พลันสบตากันแวบหนึ่ง

หญิงสาวใช้สายตาน่ากลัวจ้องมองแวบหนึ่ง จึงทำให้ชายหนุ่มต้องแอบมองไปข้างหน้าอย่างเสียไม่ได้

และเป็นความจริงที่ว่า ฝูงหนูหูแดงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว พลันทำให้พวกเขายืนหลังตรงได้อย่างผ่อนคลายในทันที ความตื่นกลัวบนใบหน้าหล่อเหลางดงามก็ค่อยๆ จางหายไป

“นี่ ไปแล้วจริงๆ ด้วย”เขาตบหัวหญิงสาวคนนั้นอย่างได้ใจทีหนึ่งและทำให้หญิงสาวตอบโต้ในทันที “ไอ้เจ้าเว่ยซี! กล้าดีอย่างไรมาตบหัวข้า ข้าจะเชือดเจ้า!”

“ใครว่าข้ากลัวเจ้าล่ะ ใครเชือดใครก็ยังไม่รู้เลยและอย่าลืมว่าข้าเป็นพี่ชายของเจ้า เคารพข้าหน่อย” ชายหนุ่มกอดอก พลางกระดิกขาข้างหนึ่งอย่างได้ใจ

หญิงสาวมองเขาพลางกัดฟันแน่น โดยไม่มีท่าทีที่จะยอมแพ้: “ท่านแม่เคยบอกแล้วว่า ตอนให้กำเนิดพวกเรานั้น ทุกอย่างตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายและท่านก็ ไม่รู้ว่าคลอดเจ้าหรือข้าก่อน ท่าทางโง่ๆ อย่างเจ้าก็ต้องเป็นน้องชายสิ!”

ชายหนุ่มจ้องเขม็งและตอบกลับในทันทีว่า “ใครโง่! เจ้านั้นแหละที่โง่ เป็นถึงสายเหลืองขั้นสูง แต่กลับตกใจจนขวัญเสียเพราะหนูหูแดงฝูงหนึ่ง!”

“เจ้าสิโง่ ! เจ้าเองก็กลัวจนไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบเทียบ วิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก” หญิงสาวเองก็ตอบกลับอย่างไม่ยอมด้อยกว่า

“เจ้าแหละโง่!”

“เจ้าแหละโง่!”

ทันใดนั้น การทะเลาะที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยก็เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ จนกระทั่งว่าทั้งสองได้ลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด ทั้งสองที่ดูขาดๆ เกินๆ ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรพูดอะไรไม่ออก

“อะแฮ่ม!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version