Skip to content

พลิกปฐพี 99-2

ตอนที่ 99-2

เจ้าสองคนนี่ เป็นบ้าหรือไร?

ทั้งสองที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ๆ ก็พลันถูกขัดจังหวะ ทั้งสองจึงหันไปมองพร้อมกันที่ต้นกำเนิดเสียง

หลังจากที่เห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ทั้งท่าทางอันงามสง่าและใบหน้าของอีกฝ่ายที่เหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก จึงปรากฏความอึดอัดขึ้นมา

“เอ่อ พี่สาวท่านนี้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ต้องขอบคุณพวกท่านที่ช่วยพวกข้าไล่หนูหูแดงอันน่าขยะแขยงพวกนั้นออกไป” หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้พร้อมยิ้ม ฝืดๆ ท่าทางไม่ใส่ใจนั้น ไม่มีความรู้สึกอายเลยสักนิด ชายหนุ่มเองก็เดินเข้ามาใกล้เช่นกันและพูดกับโย่วเหอว่า “ใช่แล้ว พี่สาวท่านนี้หากไม่ใช่เพราะบังเอิญพบกับพวกท่าน ไม่รู้ว่าน้องสาวของข้าคนนี้ จะถูกทำให้ตกใจกลัวมากเท่าไหร่”

“ไอ้เว่ยฉีใครกันแน่ที่กลัว เจ้าเองก็กลัวจนฉี่ราดไม่ใช่หรือ” เสียงของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวแสดงความไม่พอใจในทันที

แก้มทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำขึ้นมาในทันที พลันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ข้าปกป้องเจ้าต่างหาก เจ้าเด็กบ้า!”

“หึ ปกป้องข้าอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงวิ่งไวกว่าข้าอีก” หญิงสาวอุทานอย่างเหยียดหยาม

ชายหนุ่มจึงพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้า!”

“ทั้งสองท่าน” หลังจากที่เห็นว่าทั้งสองกลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง โย่วเหอจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงขัดจังหวะอีก

“อา! ขายหน้าพี่สาวแล้ว” ชายหนุ่มได้สติขึ้นมาในทันที และยิ้มอย่างรู้สึกผิดกับโย่วเหอ ความจริงใจที่แฝงอยู่บนใบหน้านั้นไม่ได้เสแสร้ง

โย่วเหอยิ้มพลางส่ายหน้า มองมู่ชิงเกอด้วยหางตาอย่างแนบเนียนและพูดกับเขาว่า “หากไม่มีอะไรแล้ว ขอให้ทั้งสองกลับไปเถอะ เจ้านายของข้าจะพักผ่อนอยู่ที่นี่อีกครู่หนึ่ง”

“อา! ใช่สิ เรายังไม่ได้ขอบคุณเจ้านายของท่านเลย” ชายหนุ่มตบหัวตนเองเพราะเพิ่งจะได้สติ พลันดึงเสื้อตรงหัวไหล่ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ขึ้น แล้วเดินเข้า มา โดยมิได้สนใจใบหน้าที่ฉายแววอึดอัดของโย่วเหอเลย

นางเชิญให้ทั้งสองกลับไป แต่เหตุใดทั้งสองถึงได้หัวแข็งเพียงนี้นะ ?

“ไอ้เว่ยฉีข้าขอสั่งให้เจ้าปล่อยมือ! ไม่เช่นนั้นเจ้าได้จบเห่แน่!” ในขณะที่หญิงสาวกำลังต่อต้าน ทั้งสองก็ได้เดินมาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ

ในตอนที่พวกเขาหลบหนี พวกเขาเห็นเพียงคนในชุดที่แดงที่ถูกล้อมรอบท่ามกลางผู้คน และไม่คิดว่าจะไปหลบอยู่ข้างหลังของคนผู้นั้นได้ ยิ่งไม่ได้สังเก ตว่าเขาเป็นใคร

แต่ในตอนนี้ ทั้งสองได้ยืนอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ โดยไม่ได้สังเกตองครักษ์ที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กำลังจดจ้องมายังพวกเขาอยู่

แต่ทว่า ในขณะที่ใบหน้าน่าเย้ายวนสะท้อนเข้ามาในดวงตาของทั้งสองพวกเขาก็ได้ตะลึงอีกหน

สายตาของทั้งสองต่างก็ฉายแววความตื่นตาตื่นใจขึ้นมาในทันที

งดงามยิ่งนัก!

ตั้งแต่ทั้งสองเกิดมา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้กับคนคนหนึ่ง

ท่าทางของทั้งสองที่กำลังหลงใหลจนตกอยู่ในภวังค์ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเบาๆ

ท่าทางการขมวดคิ้วของคนงาม ทำให้ทั้งสองได้สติกลับคืนมาในทันที พลางลูบคางของตนเองทีหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับว่ามีอะไรไหลออกมาอย่างนั้น

ท่าทางนี้ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ราวกับว่าทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านางไม่ใช่มนุษย์เแต่เป็น หมาป่าโรคจิต !

“พี่สาวคนงาม”

ป้าบ——— !

เสียงของฝ่ามือที่เสียงดังและฟังชัดขัดจังหวะการพูดของชายหนุ่ม ต่อจากนั้นก็เป็นเสียงหัวเราะเยาะของหญิงสาว “ตาข้างไหนของเจ้ากันที่เห็นเป็นพี่สาว นี่มันพี่ชายคนงามชัดๆ”

“นี่! เว่ยกว่านกว่าน ข้าว่าเจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ!” ชายหนุ่มนวดศีรษะที่กำลังปวดแสบพลางจ้องเพื่อเตือน

หญิงสาวกลับกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ พลางหันไปมองมู่ชิงเกอ เปลี่ยนสีหน้าเป็นประจบประแจง “พี่ชายคนงาม ข้าชื่อกว่านกว่านขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้ เมื่อครู่นี้ ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่”

หญิงสาวกว้านกว่านกุมมือทั้งสองแนบอกเอาไว้ในดวงตาโตที่เป็นประกาย เต็มไปด้วยความหวัง

มู่ชิงเกอเม้มปาก และยังคงขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น กว้านกว่านก็ถูกผลักออก ซึ่งคนที่เข้ามาอยู่ในสายตาแทนที่นางคือชายหนุ่มที่ทำท่าทางราวกับคิดว่าตนเองมีเสน่ห์เหลือล้น พลันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่สาวคนงาม ข้าชื่อเว่ยฉี เป็นพี่ชายของยัยเด็กนี่ สิ่งที่น้องสาวของข้าล่วงเกินเมื่อครู่นี้ ข้าขออภัยแทนนางด้วย มิทราบว่าเว่ยฉี พอจะมีเกียรติมากพอที่จะขออนุญาตทราบชื่อของท่านได้หรือไม่”

“เว่ยฉีข้าบอกแล้วไงว่าเขาเป็นผู้ชาย!” กว่านกว่านที่ถูกผลักออกระเบิดโทสะออกมาอีกครั้ง

เว่ยซีเองก็ตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “คนที่งดงามมากเพียงนี้ ต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ!”

“ผู้ชาย!”

“ผู้หญิง!”

“ผู้ชาย!”

“ผู้หญิง!”

ทั้งสองพูดกับราวกับเป็นไก่ชนที่โก่งคอแล้วตะโกนใส่กัน จนหน้าแดงกํ่า

มู่ชิงเกอยิ่งถูกทั้งสองก่อกวนจนแทบจะทนไหว สีหน้าดูแย่ลงเรื่อยๆ ในที่สุด นางก็หมดความอดทนและสั่งองครักษ์เขี้ยวมังกรอย่างเคร่งขรึมว่า “เอาตัวพวกเขา ออกไป”

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ถูกเสียงนั่นรบกวนจนปวดหัว ในที่สุดก็ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย จึงรีบเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล จับตัวพวกเขาและโยนออกไป

ถึงขนาดว่า พวกเขาโยนทั้งสองออกไปคนละที่อย่างรู้งาน เพื่อหยุดการทะเลาะกันของพวกเขา

“อ๊า——— !”

เสียงร้องที่เจ็บปวด ดังขึ้นจากสองฝั่งของผืนป่า ทำให้นกกาต่างบินหนีออกจากรัง

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่จัดการกับทั้งสองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับไปหามู่ชิงเกอในทันที เพื่อรอคอยคำสั่งต่อไปจากนาง

“ออกเดินทางต่อได้” ถูกทั้งสองก่อกวน มู่ชิงเกอเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะพักผ่อนต่อแล้ว เพียงออกคำสั่งและขบวนก็เตรียมเดินทางต่อในทันที

ก่อนเดินทาง ทุกคนยังจงใจเลือกทางที่ไกลกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้พบสองคนนั้นอีก

ระหว่างทาง มู่ชิงเกอดูเงียบเป็นพิเศษ

เพราะนางอารมณ์ไม่ดี ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรและสองสาวใช้เองต่างก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง กระทั่งพวกเขาต่างพากันโทษสองพี่น้องอย่างเว่ยฉีและกว่านกว่าน

ความไม่สบอารมณ์ของนางแน่นอนว่าเกิดขึ้นเพราะสองคนนั้น

เพราะว่า การทะเลาะวิวาทของทั่งสองทำให้นางรู้สึกว่าการปลอมตัวของตนเองมีปัญหา พลังการตบตาของเครื่องมือมายาเสื่อมลงแล้วหรือ

จึงทำให้ไม่หญิงไม่ชายเหมือนตอนเพิ่งเกิดใหม่

หรือบางที อาจจะเพราะความสามารถของทั้งสอง สามารถมองทะลุจนรู้ว่านางปลอมตัว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนาง

โชคดีที่ว่า หลังจากที่สังเกตการถกเถียงของทั้งคู่ มู่ชิงเกอจึงพบว่า ทังสองมิได้รู้ว่านางปลอมตัว เพียงแค่เพราะใบหน้าของนาง ทำให้ต่างคนต่างเกิดความเห็นที่ต่างกัน

ผลสรุปเช่นนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ นางไม่หวังให้ตนเองกลายเป็นคู่ชายรักชาย

เพียงแต่ ราวกับฟ้าไม่เป็นใจ เพราะยิ่งนางอยากจะหลีกหนีจากทั้งสองที่สติปัญญาไม่สมประกอบคู่นั้น ข้างหลังก็มีเสียงร้องเรียกที่ต่อเนื่องและค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังขึ้นมา

“รอด้วย———– รอพวกเราด้วย————– ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version