Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 198

ตอนที่ 198

ความผิดของฮ่องเต้

ตอนที่เจียงหลีกลับไป นางผ่อนปรนและยอมตอบรับแผนการของลู่เจี้ย กลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลลู่ และในที่สุดก็หลุดพ้นจากฐานะทาส กลับกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

“ลู่เจี้ย แท้จริงแล้วเจ่าวางแผนอะไรอยู่กันแน่” เจียงหลีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ที่สวยงาม ปรากฏอยู่ตรงหน้าลู่เจี้ย ซักถามเขาด้วยสายตาดุดัน

ลู่เจี้ยยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบสงบ ดวงตาแวววาวที่มองไม่ทะลุปรุโปร่งคู่นั้นจ้อง มองนางที่ถูกสาวใช้แต่งตัวให้นางอย่างละเมียดละไมด้วยท่าทางเหมือนเคย อมยิ้ม เล็กน้อยอยูตลอด “เจ้าเชื่อเถอะว่าข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า แค่นี้ก็พอแล้ว”

นางกลับไม่ต้องการคำตอบของเขา

แววตาของเจียงหลีเคร่งขรึมขึ้นมา ขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน สบตากันอย่างดุเดือด

เป็นเวลานานมากเจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยนํ้าเสียงที่เย็นชาว่า “ดี ข้าจะเชื่อเจ้าอีกครั้งหนึ่ง แต่เจ้าจำไว้ว่าถ้าหากแผนการของเจ้า ไม่ได้ดั่งใจข้า อย่ามาหาว่าข้าใจร้าย ข้อตกลงของเจ้ากับข้าก่อนหน้านี้ถือเป็นโมฆะ”

นํ้าเสียงข่มขู่ ไม่ทำให้ลู่เจี้ยโกรธเลย ยังคงอมยิ้มแล้วมองนาง

สีหน้านี้ของเขา ทำให้เจียงหลีโมโห เดินพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าลู่เจี้ย แววตาดุดันมาก นางยกมือขึ้นมาจับที่คางของเขา ทำให้ผิวที่ขาวดั่งกระเบื้องขอังเขาแดงขึ้นมา “แล้วก็ ถ้าหากมาล้อเล่นกับข้า ตระกูลลู่ก็จะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า”

ลู่เจี้ยเผชิญหน้ากับสายตาที่แหลมคมดั่งมีดของนาง ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “หลีเอ๋อร์คง ไม่รอให้ถึงวันนั้น”

หลีเอ๋อร์?

เจียงหลียิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความหยอกล้อและความประชดประชัน “เรียก ข้าว่าท่านอา”

ด้วยคำพูดยั่วยุของสาวน้อย ลู่เจี้ยหลุบตาลง แต่กลับยังคงพูดตามที่นางบอก “ขอรับ ท่านอา”

การที่เขายอมทำตาม ยิ่งทำให้เจียงหลีโกรธเข้าไปอีก

ลึกๆ ก็กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วทำร้ายเขา เจียงหลีแสดงความไม่พอใจออกมา ใช้แรงสะบัดคางของเขาทิ้ง แล้วหันตัวเดินออกไปจากห้องนอนของเขาอย่างเร็ว

จ้องมองด้านหลังของนาง ดวงตาที่กลอกไปมาของลู่เจี้ยค่อยๆ กลับมาสงบนิ่ง

ในห้องเงียบมาก

ทันใดนั้นร่างเงาก็ปรากฏออกมายืนอยู่ด้านหลังของลู่เจี้ย มองเจ้าของตัวเองด้วยความ สับสน “นายน้อย ทำไมถึงได้เป็นทุกข์เช่นนี้”

ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย ยังมองมองงไปทางที่เจียงหลีจากไป พูดเบาๆ ว่า “นางต้องมีฐานะที่สูงกว่าคนอื่นระดับหนึ่ง”

เงาเงียบไป ได้แต่ลอบถอนหายใจ

……………………………….

เจียงหลีกลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของนายท่านตระกูลลู่แล้วหรือ

ถ้าเรื่องนี้แพร่สะบัดออกจากตระกูลลู่ไป ยังไม่ต้องรอให้ผู้คนสืบหาจุดประสงค์แอบแฝง อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่า ก็คือดึงดูดความสนใจของทุกคน

หลักฐานการวางแผนลอบสังหารของราชสำนักได้ปรากฏแล้ว!

หลังจากลู่ซิ่งเฉาและภรรยาถูกประหารไป 42 วัน ราชวงศ์โฮ่วจิ้นตกอยู่สถานการณ์คับขัน วันที่ 42 ทุกที่ลุกเป็นไฟ ตระกูลลู่ที่อยู่เขตซูหนานในแดนไกล หลักฐานการทำผิดของลู่อ๋องที่มู่เจิ้นเฟิงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้นและต้าฉินสมคบคิดกันใส่ร้าย ได้ถูกตระกูลลู่นำมาเปิดเผย

จดหมายที่ตอบกลับกันไปๆ มาๆ แผนการร้ายในแต่ละครั้ง ข้อตกลงเบื้องหลัง ความไม่ พอใจของราชวงศ์ที่มีต่อตระกูลลู่

จนกระทั่ง ผู้นำเป่ยฝางที่นำเหล่าเทียนเจียวมากมายไปในตอนแรก รวมทั้งคนที่ช่วย เหลืออยู่ในนั้นสองสามคน ล้วนแต่ถูกจับกุมหมด ในตอนที่หลักฐานที่แสดงว่าการกระทำผิดได้ถูกเปิดเผยออกไป คำสารภาพของพวกเขาก็ถูกเขียนคัดลอกไว้มากมายหลายชุด ถูกโปรยไปทั่วทุกเขตการปกครองในโฮ่วจิ้น

ในตอนที่หลักฐานปรากฏ หลังจากที่ข่าวลือกลายเป็นเรื่องจริง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดัง ไปทั่วทั้งโฮ่วจิ้น

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ของตัวเอง กษัตริย์ของตัวเองจะสมคบคิดกันกับประเทศศัตรู ใส่ร้ายขุนนางที่จงรักภักดี และทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ชั่วร้าย

ราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะพังทลายลงแล้ว

ตระกูลลู่แห่งเมืองซูหนานกลายเป็นแบบอย่างแห่งความเป็นธรรม เป็นแบบอย่างของการใช้กำลังทหารเข้าปราบ เป็นแบบอย่างของการล้างแค้น การชูธงในเมืองซูหนาน ก็ สามารถนำกองกำลังสนับสนุนมาได้จากทุกทิศทาง

เป็นรูปแบบที่มีแนวโน้มไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เริ่มต้น

7 วันต่อมา เป็นวันครบรอบวันตาย 49 วันของลู่ซิ่งเฉาและภรรยา ซั่งตูได้กลายเป็นเมืองที่โดดเดี่ยวไร้การสนับสนุน เหลือเพียงผู้ภักดีในราชวงศ์บางคนเท่านั้นที่ยังดื้อดึง ต่อต้าน

ในวันนี้ ในฐานะที่ลู่เจี้ยเป็นลูกชายคนโตของลู่ซิ่งเฉาและเป็นนายน้อยตระกูลลู่ จึงได้ขึ้นหอคอยที่สูงที่สุดในเมืองซูหนาน

ด้านล่างหอคอย มีกองกำลังปฏิวัติยืนอยู่แน่นไปหมด

และในวันนี้คนทั้งใต้หล้าถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่สง่าผ่าเผยที่สุดในใต้หล้าแท้จริง แล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร

สง่าผ่าเผย! สง่าผ่าเผยจริงๆ!

ในวินาทีที่ลู่เจี้ยเดินออกไป ทั่วทั้งผืนแผ่นดินเงียบลง

ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งเพื่อเขา

เจียงหลีเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลลู่ ขณะนี้ยืนอยู่ข้างๆ ลู่วั่งชวน เจียงเฮ่าก็อยู่ตัว ติดอย่างกับองครักษ์อย่างไรอย่างนั้น ยืนปกป้องอยู่ด้านหลังของนาง

นางเงยหน้ามองไปที่ชายผู้นั้นด้วยสายตาแวววาว ลีหน้าดูสลับซับซ้อน นางเดาแผนการ ร้ายของราชวงศ์โฮ่วจิ้นออกแล้ว และก็เดาใจที่ทรยศของตระกูลลู่ออก และยิ่งเดาจุดจบ ของโฮ่วจิ้นได้ แต่อย่างเดียวที่เดาไม่ออกก็คือใจของลู่เจี้ย

นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่อยากจะเชื่อ นางรับรู้ได้ว่าลู่เจี้ยกำลังจัดการงานศพ กำลังจัดการ ทุกอย่าง…

“ขอคารวะนายน้อยลู่!”

“ขอคารวะนายน้อยลู่!”

เสียงร้องเรียกดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง

คนทั้งหมดด้านล่างหอคอย ล้วนแต่คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง แล้วก้มหัวลงต่อหน้าลู่เจี้ย

“ทุกท่านโปรดยืนขึ้น” เสียงของลู่เจี้ยดังมาจากที่สูง

เสียงนี้เหมือนกับลมที่เย็นสบายอย่างไรอย่างนั้น แต่กลับเข้าไปถึงจิตใจทุกคน และ ในตอนนี้ ผู้คนก็ตกใจ เพิ่งรู้ว่านายน้อยผู้ร่างกายอ่อนแอในข่าวลือ เหมือนว่าจะไม่ใช่สวะเลย

นอกจากหน้าตาที่งดงาม ก็ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ งั้นหรือ

ลู่เจี้ยค่อยๆ คลี่จดหมายคำกล่าวอาลัยคนตายที่เขียนเสร็จแล้วในมือ อ่านเนื้อหาในนั้น

“ฮ่องเต้มีความผิด ประการแรกคือระแวงขุนนางอย่างไม่มีสาเหตุ ประการที่สองคืออาศัย ความระแวง วางแผนสังหารลู่อ๋อง ประการที่สามคือใส่ร้ายและฆ่าเทียนเจียวของแคว้นเรา ประการที่สี่คือไม่ไต่สวน แต่ลงโทษลู่อ๋องแห่งตระกูลลู่เลยทันที ประการที่ห้าคือ เหยียดหยามศพของลู่อ๋องและภรรยา เพื่อระบายความเกลียดแค้นในใจ ประการที่หก…”

ข้อเท็จจริงที่ได้กระทำผิด ถูกลู่เจี้ยพูดออกมาเป็นข้อๆ

ไม่มีใครคาดคิดว่าคำกล่าวอาลัยคนตายฉบับนี้ เป็นคำกล่าวประณาม!

เฮ่อเหลียนเฟิงผู้ที่เคยเป็นท่านเจ้าเมืองของเมืองซูหนานมาก่อน ก็ยืนอยู่ข้างล่าง เหมือนกัน เงยหนามองชายที่สง่างามราวกับเทพที่ถูกลงโทษให้มาอยู่บนโลกมนุษย์ อย่างไรอย่างนั้น ถอนหายใจในใจ ‘ราชวงศ์โฮ่วจี้นจบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทก่อกรรมไว้มาก ก็ ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้!’

“…เพราะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง จับกุมเทียนเจียวมากมายที่ไม่มีความผิด ประการที่เจ็ดคือ ฆ่าคนบริสุทธิ์ เพียงเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง ทำให้คนในโฮ่วจิ้นหวาดกลัว นี้ก็คือ ความผิดทั้งเจ็ดข้อ ฮ่องเต้ไร้ซึ่งคุณธรรม ไม่คู่ควรแก่การเป็นกษัตริย์! ข้า คนของตระกูล ลู่ ปฏิบัติตามลิขิตแห่งสวรรค์ ทำหน้าที่ประชาชนกล้าหาญที่จะปราบทรราช คืนท้องฟ้าที่สดใสให้แก่ประชาชน!”

ลู่เจี้ยไม่ได้อ่านคำกล่าวประณามนี้ตามตัวอักษรมากเกินไป คำพูดของเขาเข้าใจง่ายมาก เข้าใจง่ายจนชาวนา ผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีความรู้ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

ก็เป็นเพราะฟังออกนี้เอง คำกล่าวประณามนี้ถึงไม่ตกหล่นเลยสักคำ ด้วยความเร็วที่น่า หวาดกลัว ถ้อยคำเหล่านี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโฮ่วจิ้น

ในตอนที่เนื้อหาของคำกล่าวประณามไปถึงพระราชวังซั่งตู มู่เจี้งเฟิงโกรธจนเกือบจะพัง พระราชวัง

“ลู่เจี้ย!” มู่เจี้งเฟิงตะโกนเสียงดังตาแดงหน้าเขียว”ไอ้ตระกูลลู่! ไอ้เจ้าลู่อ๋อง! ไอ้เจ้าลู่ เจี้ย!”

จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะรู้ว่าศัตรูของเขาคือตระกูลลู่ เดิมไม่ใช่ลู่ซิ่งเฉา แต่เป็นนายน้อย คนนั้นที่ป่วยและอ่อนแอที่เขาดูถูก ศัตรูที่แท้จริงของเขาคือ ลู่เจี้ย!!!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version