Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 270

ตอนที่ 270

เขาตายแล้วจริงๆ หรือ

ลูกทรงกลมขนาดเล็กที่รวบรวมความทรงจำไว้ กำลังส่องแสงสีฟ้าสว่างไสวประดุจอัญมณีลํ้าค่า

มันลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาสามารถทำลายความทรงจำในชาติก่อนด้วยการใช้นิ้ว ทั้งห้าบีบเบาๆ

แน่นอนว่าเขากำลังลังเล

รอยฟันบนกระถูกไหปลาร้านั้น ทำให้เขาสงลัยว่าใครเป็นคนทิ้งมันไว้

ซึ่งใครบังอาจทิ้งรอยฟันไว้บนร่างกายของเขาเช่นนี้

นับตั้งแต่ชายผู้สูงส่งนอนตื่น ก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด ทำให้ชายทั้งสองที่คุกเข่าอยู่แอบส่งสายตา พูดคุยกัน

องค์จักรพรรดิเป็นอะไรไปหรือ

ไม่รู้

การเกิดใหม่ครั้งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกว่าเดิมเล็กน้อย!

ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน

เป็นไปได้ไหมที่พลังจะควบคุมไม่ได้

เป็นไปไม่ได้! องค์จักรพรรดิทรงกดทับมันไว้ ไม่ว่าพลังนั้นจะมีอำนาจล้นฟ้าแค่ไหน ก็มิอาจพลิกฟ้าได้

องค์จักรพรรดิเป็น…

พวกเราทั้งสองรออย่างเงียบๆ เถอะ ใครจะบังอาจคาดเดาความคิดขององค์จักรพรรดิเล่า ทั้งสองหลบสายตาอย่างเงียบๆ และน้อมรอด้วยความเคารพ

ความสงสัยยังคงผุดขึ้นในใจ ขอเพียงแค่เขาอ่านความทรงจำในมือ เขาก็จะสามารถรู้สาเหตุและ ผลลัพธ์นั้น แต่ทว่าเสียงจากก้นบึ้งของหัวใจกลับห้ามปราบไม่ให้เขาอ่านมัน

ราวกับว่าหากเขาอ่านความทรงจำนี้ บางสิ่งบางอย่างอาจจะสูญเสียการควบคุม

ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างช้าๆ และแสงสว่างในดวงตาของเขาก็เพียงพอที่จะทำลายโลกได้แล้ว ซึ่งนี่ คือสัญญาณก่อนที่เขาจะระเบิดความโกรธออกมา

เขาจมปลักอยู่กับความทรงจำในชาติก่อนจริงหรือ

การบีบบังคับที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ได้แพร่กระจายออกจากตัวเขาไปยังทั่วสารทิศอย่างรวดเร็วประดุจ กระแสนํ้า ทำให้องครักษ์ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดกลัว และมองไปที่ชายผู้สูงส่งด้วยสี หน้าตื่นตระหนก

พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรที่ผิดเพี้ยนไป ถึงทำให้จักรพรรดิไม่พอใจเช่นนี้

แรงกดดันยังดำเนินต่อไปและแพร่กระจายออกไปยังด้านนอกของพระตำหนักไปถึงองครักษ์พิทักษ์ ดวงดาวที่รออยู่ด้านนอก พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดด้นนี้ ซึ่งองครักษ์พิทักษ์ดวงดาวผู้ภักดี ทั้งตื่นเต้น และหวาดกลัว!

ณ พระตำหนัก สายตาของชายผู้ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ยอมจำนนนั้นยังคงจับจ้องไปที่ความ ทรงจำลูกนั้น

นิ้วทั้งห้าที่เรียวยาวและสวยงามของเขาค่อยๆ กำแน่นราวกับตัดสินใจแล้วว่าจะทำลายความทรงจำนี้ทิ้ง แต่ขณะที่เขากำลังจะบีบมัน เขากลับคลายมือ

ไม่ดู แต่ก็ไม่ทำลาย

เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเขียวครามคู่นั้นราวกับโลกแห่งดวงดาวและเขาเป็นราชาของทุกสรรพสิ่ง!

“เสินอวี่ อวี้ฉี” เขาเอ่ย โดยเรียกชื่อขององครักษ์ทั้งสองอย่างน่าเกรงขาม

คนทั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นตกใจหลังจากไต้ยินชื่อเรียกของตนและโน้มตัวด้วยความเคารพ… “องค์จักรพรรดิ เสิ่นอวี่อยู่นี่พะย่ะค่ะ”

“องค์จักรพรรดิ อวี้ฉีอยู่ที่นี่พะย่ะค่ะ”

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินขึ้นบันไดไปทีละก้าวเพื่อเดินไปหาพวกเขา “นี่มันกี่ชาติแล้ว”

“กราบทูลองค์จักรพรรดิ หากนับชาติที่เพิ่งจบไปด้วยแล้วคือ 9,997 ชาติพะย่ะค่ะ” อวี้ฉีชายผู้สง่างามที่มีใบหน้าประดุจหยกขาวและผิวพรรณขาวผ่องตอบทันที

ชายผู้ทรงอำนาจและน่าเกรงขามกระซิบว่า “ยังเหลืออีก 3 ชาติ”

ทั้งสองคนเม้มริมฝีปากแน่นและไม่กล้าแม้จะหายใจ

“เรียกคนเข้ามาปรนนิบัติข้าที ข้าต้องการอาบนํ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า” จู่ๆ ชายผู้นั้นก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้น “พะย่ะค่ะ” เสินอวี่ถอยหลังออกไปจัดเตรียมทันที

…………………….

ยามราตรีก็ไม่อาจบดบังความงดงามของทิวทัศน์บนหน้าผาไว้ได้และท่ามกลางกลีบบุปผาปลิวไสวนั้น หญิงสาวชุดดำกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วมองดูแสงดาวที่ค่อยๆ ลอยห่างออกไป และตะโกนเพื่อระเบิดความเจ็บปวดในใจออกมา “ไม่…!”

“ไม่…!”

ณ สระนํ้าหยก จู่ๆ องค์ราชาที่เปลือยกายอยู่ได้ลืมตาขึ้นทันที และภาพในดวงตาสีเขียวครามก็แตก ออกเป็นเสี่ยงๆ

ไอร้อนเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และปกคลุมรอบตัวเขา รวมถึงทำให้ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของเขามองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งบนกระดูกไหปลาร้าอันสวยงามของเขามีรอยฟันที่เด่นชัดปรากฏอยู่ แม้จะรู้สึกเจ็บปวด เพียงเล็กน้อยก็ตาม

เขาขมวดคิ้วและแววตาที่ปกติไร้ซึ่งความรู้สึกกลับปรากฏความไม่พอใจ

ตูม!

นํ้าแตกกระจายเสียงดังลั่น เขายกมือขึ้นเช็ดกระดูกไหปลาร้ารอยฟันรอยนั้นค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกพอใจ

แน่นอนว่าไม่รอให้ความพึงพอใจของเขาถึงจุดสูงสุดก่อน รอยฟันนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งและสลัก ชัดเจนบนกระดูกไหปลาร้าของเขา

เหตุการณ์นี้ทำให้หว่างคิ้วของเขาบีบแน่นและปรากฏความโกรธในดวงตาของเขา

………………….

อาณาบริเวณจิ่วฮวง ดินแดนซีฮวง อาณาจักรจยาเซียน และเขาฝูถูซาน

ท้องฟ้ายามราตรีอันไร้ที่สิ้นสุด มีเพึยงดวงดาวที่สว่างไสวและดวงจันทร์เท่านั้นลอยอยู่บนท้องฟ้า

กลีบบุปผาที่สั่นสะท้านด้วยพลังวิญญาณกระเซ็นตกลงในโคลนและกลายเป็นโคลนดอกไม้ เหลือ เพียงกิ่งก้านเหล่านั้นที่แกว่งไปมาในสายลมยามราตรี

เจียงหลีทิ้งตัวลงท่ามกลางซากเศษเหล่านี้และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่หัวใจ ของนางกลับว่างเปล่า

การจากไปของลู่เจี้ย ก็ได้นำหัวใจของนางไปด้วย

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ยอมทิ้งกายไว้ให้คลายคิดถึงด้วย” เจียงหลีพึมพำกับ ตัวเองขณะที่นางนั่งอยู่บนหน้าผาด้วยความสิ้นหวัง

ลู่เจี้ยหายไปเช่นนี้ ราวกับว่าเขาไม่มีอยู่จริง และทุกอย่างเป็นเพียงความฝันที่นางจินตนาการไว้

ลมพัดโชยผมยาวของนางและผมนั้นปลิวไสวไปมากลางอากาศ แต่ขณะนี้นางไม่สนภาพลักษณ์ของ ตัวเองอีกต่อไป

เงาเดินเข้ามาทางด้านหลังนางอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นความเศร้าโศกของนางจากเงาด้านหลัง ท้นใดนั้น เขาก็ได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดด้วยนํ้าเสียงที่ทรงพลังทันที “เงา น้อมเคารพเจ้านายขอรับ”

เจ้านาย!

แววตาที่เหม่อลอยของเจียงหลีกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง นางมองกลับไปที่เงาด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

เงาก้มหน้าและตอบคำถามของนาง “ก่อนที่นายน้อยจะจากไป ท่านได้รับสั่งกับเงาว่าหลังจากที่เขา จากไป องค์หญิงจะเป็นเจ้านายใหม่ของเงา และเป็นผู้ที่เงาต้องถวายความจงรักภักดี”

เจียงหลียิ้มอย่างเศร้าหมอง และหันหลังกลับอย่างช้าๆ แล้วมองไปที่เงาซึ่งคุกเข่าอยู่และหัวเราะเยาะ ตัวเอง “เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”

เงานิ่งเงียบ

เขาไม่ตอบ เจียงหลีก็รู้ดีแก่ใจ

ตามนิสัยของลู่เจี้ยแล้ว หากเขายังมิได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เขาจะยอมจากไปได้อย่างไร

“กลับวัง” เจียงหลีลุกขึ้นยืนและออกคำสั่งแรกกับเงา

เงาลุกขึ้นและเดินตามเจียงหลีด้วยตัวเอง

เจียงหลีหันหลังและเหลือบมองไปที่ก้อนหินที่ลู่เจี้ยเคยพิงก่อนหน้านี้และพูดเสียงเบาว่า “จากนี้ไป ยอดเขาของเขาฝูถูซานจะไม่อนุญาตให้คนเข้า ผู้ขัดคำสั่ง ฆ่าไม่มีละเว้น”

นางไม่ยอม ไม่ยอมให้ใคร มาทำลายสถานที่สุดท้ายของลู่เจี้ยเด็ดขาด!

ดวงตาของเงาหรี่ลงเล็กน้อย แล้วลดสายตาตอบ “พะย่ะค่ะ”

เมื่อละลายตาแล้ว เจียงหลีก็ยืดร่างกายที่เจ็บปวดให้ตรงและเดินออกจากเขาฝูถูซานทีละก้าว ซึ่ง ขณะนี้นางเจ็บปวดมาก เจ็บปวดใจอย่างมาก ทำให้แขนขาของนางเจ็บปวดเหมือนจะขาดออกจากกัน

แต่ทว่า นางไม่อาจหลงระเริงเช่นนี้ต่อไป!

ลู่เจี้ยจากไปแล้ว ซึ่งเรื่องที่เขายังทำไม่เสร็จ นางจะเป็นผู้สานต่อเอง!

ดวงตาแดงก่ำของเจียงหลีค่อยๆ ฟื้นคืนความสดใส ข้าบอกแล้วว่าจะรอท่านกลับมา และจะรักษาทุก อย่างที่เป็นของเราไว้รอท่านกลับมาแต่งงานกับข้าและจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายมันเด็ดขาด!

……………………..

ขณะที่เจียงหลีกลับไปยังพระราชวังแห่งอาณาจักรจยาเซียนพร้อมกับเงา พระราชวังได้แขวนผ้าขาว ไว้หมดแล้ว และทุกคนต่างมีผ้าไว้ทุกข์ผูกไว้รอบเอว

ดูเหมือนว่าข่าวการเสียชีวิตของลู่เจี้ยได้ส่งกลับมายังพระราชวังแล้ว

เจียงหลีไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวทั้งหมด นางเดินมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักที่ประทับของลู่เจี้ย เพราะ ตำหนักแห่งนั้นมีของที่ลู่เจี้ยเก็บไว้ให้นาง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version