Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 271

ตอนที่ 271

ขอให้ชาติหน้าท่านอายุยืน

ตำหนักที่ประทับของลู่เจี้ยอยู่ห่างไกลและเงียบสงบมาก

โดยปกติแล้วจะไม่มีใครมารบกวน และคนรับใช้ในตำหนักแห่งนี้ก็มีจำนวนน้อยมาก พวกเขาทั้งหมด ล้วนเป็นคนเก่าแก่ที่เคยรับใช้ตระกูลลู่มาก่อน

เจียงหลีเดินเข้าไปในตำหนักตามลำพัง

ตำหนักที่ว่างเปล่าและของใช้ที่เรียบง่ายราวกับเป็นเพียงที่พักชั่วคราว โดยปราศจากความอบอุ่นของ บ้านไป

ข้าวของเครื่องใช้ของลู่เจี้ยที่อยู่ภายในตำหนักถูกจัดเก็บไว้ในหีบอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอเผา

ส่วนบนโต๊ะทำงานที่ลู่เจี้ยว่าราชการก็มีกล่องสองกล่องวางไว้ และบนกล่องมีจดหมายที่ยังไม่ถูกเปิด วางไว้รวมอยู่ด้วย

เจียงหลีเดินไปที่โต๊ะ โดยเดินอ้อมหน้าโต๊ะและนั่งลงตรงที่นั่งประจำของลู่เจี้ย นางหยิบจดหมายขึ้นมาและหน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า ถึงหลีเอ๋อร์ผู้เป็นที่รักยิ่ง จดหมายฉบับนี้เขียนถึงนาง!

ลายมือที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาที่แห้งกร้านของเจียงหลีกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง นางกลีนความรู้สึกนี้ลงไป เม้มริมฝีปากและเปิดจดหมาย

หลีเอ๋อร์ ข้าไปก่อนนะ ความตายมีไว้เพื่อความลมบูรณ์และความสมบูรณ์จะทำให้มีชีวิตนิรันดร์ ข้าไม่รู้ ว่าข้าเข้าใจถูกหรือไม่ แต่ข้าคิดว่า เกรงว่าข้าต้องตายสักครั้ง และครั้งนี้เป็นระยะไกลที่สุดและเวลา ยาวนานที่สุดที่ข้าจะจากเจ้าไป ข้าหวังว่า หากชาติหน้ามีจริง ชาตินี้ข้าเป็นหนี้เจ้า จะชดใช้ทั้งหมดใน ชาติหน้า หลีเอ๋อร์ ข้าทั้งหวังให้เจ้าลืมข้าและทั้งกลัวว่าเจ้าจะลืมข้า หลีเอ๋อร์ ความผิดพลาดครั้ง ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือไม่รู้ว่าตัวเองจะตกหลุมรักเจ้า หากชาตินี้เราไม่ได้พบเจอกันคงจะดีไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นชีวิตที่มีสีสันสวยงามที่สุดของข้า หลีเอ๋อร์ รอข้า รอข้า รอข้า ไม่ว่ามันจะ ยากลำบากเพียงใด ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกแน่นอน…

จดหมายของลู่เจี้ยถูกเขียนขึ้นอย่างเข้าใจง่ายราวกับว่าเขากำลังกระซิบที่ข้างหูของเจียงหลี

หลังจากอ่านจดหมายฉบับนั้นจบ นํ้าตาของเจียงหลีก็ไหลรินออกมาอย่างเงียบๆ อีกครั้ง ดูเหมือน นางจะรับรู้ถึงความหดหู่และสับลนของลู่เจี้ย เขาข่มใจตัวเองไว้ลึกเกินไป ลึกเกินไป และกลํ้ากลืน ความทุกข์ทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง

“ลู่Iจี้ย! ไอ้คนบ้า!” เจียงหลีตะโกนทั้งนํ้าตา

ความเจ็บปวดที่เพิ่งบรรเทาลงได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจียงหลีควบคุมอารมณ์ของตน และหลังจากเก็บ ความเจ็บปวดไว้ได้แล้ว นางก็เก็บจดหมายไว้ข้างกายอย่างระมัดระวัง

เจียงหลีสุดหายใจเข้าและเปิดกล่องไม้หนึ่งในนั่น

โดยด้านบนมีข้อมูลของการวางแผนจัดการของลู่เจี้ยทั้งหมดอยู่ภายในกล่อง

หลังจากอ่านการวางแผนเหล่านี้แล้ว การคาดเดาของเจียงหลีก็ได้รับการยืนยัน เพราะสิ่งที่ลู่เจี้ย ต้องการคือดินแดนซีฮวงทั้งหมด

ขณะที่ส่วนล่างสุดของกล่องไม้ มีขวดหยกที่นางคุ้นเคยวางอยู่ ซึ่งเป็นขวดหยกที่มู่ชิงเกอใช้เป็นประจำ โดยใช้สำหรับใส่โอสถยืดอายุที่นางหลอมขึ้น

เมื่อเห็นขวดหยกนี้ดวงตาของเจียงหลีเบิกกว้างทันที

นางคว้าขวดหยกขึ้นและมองเห็นจดหมายที่ถูกทับอยู่ใต้ขวดหยก

เจียงหลีหยิบจดหมายออกมาเปิดอย่างเร่งรีบและเผยให้เห็นลายมือของลู่เจี้ย

หลีเอ๋อร์มีโอสถยืดอายุหนึ่งเม็ดอยู่ในขวดหยก ซึ่งเพื่อนของเจ้าเป็นคนมอบให้ นางบอกว่าโอสถเม็ดนี้ สามารถช่วยชีวิตให้รอดได้ เจ้าเก็บมันไว้ให้ดี เพราะเจ้าชอบก่อเรื่อง บางทีเจ้าอาจต้องใช้มัน แน่นอน ช้าหวังว่าเจ้าจะไม่ต้องใช้มันไปตลอดกาล หลีเอ๋อร์ เดิมทีข้าต้องการมอบซีฮวงทั้งหมดให้กับเจ้า แต่ ข้ามีเวลาไม่มากพอ ที่เหลือคงต้องลำบากเจ้าแล้ว แต่ข้ารู้ว่าเจ้าขี้เกียจ ดังนั้น ข้าจึงจัดเตรียมคน จำนวนหนึ่งมาช่วยเจ้า ข้อมูลลับของคนเหล่านี้ ล้วนใส่ไว้ในกล่องด้านช้างแล้ว

เจียงหลีจ้องมองไปที่กล่องด้านข้าง นางไม่ได้เร่งเปิดกล่องนั้น แต่อ่านจดหมายของลู่เจี้ยให้จบก่อน ด้วยความรู้สึกที่ลับสน

โอสถยืดอายุถูกมอบให้ลู่เจี้ย ซึ่งหมายความว่าโอสถเม็ดนั้นมีประโยชน์กับเขาอย่างแน่นอน

แต่สุดท้ายเขากลับเลือกที่จะยอมแพ้และเก็บมันไว้ให้ตน

“เงา” จู่ๆ เจียงหลีก็เรียกขึ้น

เงาปรากฎตัวกะทันหันและรอคำสั่งจากนาง

เจียงหลีวางขวดหยกลงบนโต๊ะและมองเขาด้วยแววตาแหลมคม “เจ้ารู้อะไรมาบ้าง”

เงาเงยหน้าขึ้นมองขวดหยกนั้น แล้วลดสายตาลงและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นายน้อยเคยกล่าวว่า ‘มี อายุ 80 ปี สู้ช่วยชีวิตนางเพียงครั้งเดียวไม่ได้'”

ตูม!

สมองของเจียงหลี ดูเหมือนจะระเบิดภายในครั้งเดียว

เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว! โอสถนี้สำหรับลู่เจี้ยแล้วสามารถยืดอายุได้อีก 80 ปี แต่สำหรับคนอื่นแล้ว กลับ หมายถึงตายแล้วฟื้น!

แม้ว่าเขาจะล้มเลิกความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ยังต้องปกป้องนาง!

“นายน้อยกล่าวว่าแม้เขาจะมีชีวิตเพิ่มขึ้น 80 ปี แต่ก็ต้องจากไปอยู่ดี สู้ปล่อยมือวันนี้ บางทีครั้ง หน้าที่เขาปรากฎตัว จะเป็นคนที่มีดวงวิญญาณครบถ้วนก็เป็นได้” เงาลดสายตาลงกล่าว

เจียงหลีเงยหน้าขึ้นและกล้ำกลืนนํ้าตากลับไป

ข้าไม่อยากร้องไห้! ข้าไม่อยากร้องไห้อีกต่อไปแล้ว!

“นายน้อยยังกล่าวอีกว่าท่านเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดินี เขาจึงมอบดินแดนซีฮวงและสถาปนาท่านเป็น ฮ่องเต้!” เงาพูดจบและหยิบพระราชโองการออกมาอย่างเงียบๆ

เจียงหลีลดศีรษะลงช้าๆ และมองไปที่พระราชโองการที่แวววาวในมือของเงา

เงาเดินอย่างช้าๆ และวางพระราชโองการลงบนโต๊ะเบาๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วถอยหลังไปสอง สามก้าว “นี่คือพระราชโองการขึ้นครองราชย์อันศักดิ์สิทธิ์ และจะประกาศให้ทั่วราชอาณาจักรทราบ ภายในสามวัน”

เจียงหลีจ้องมองพระราชโองการโดยไม่ได้เปิดและพูดอะไรออกมา

เงาถอยหลังอย่างเงียบๆ

นางเปิดกล่องไม้อีกกล่อง ซึ่งด้านในมีสมุดพับวางทับกันเป็นชั้นๆ เจียงหลีเปิดสมุดพับอ่านเนื้อหาที ละเล่มอย่างละเอียด โดยแต่ละเล่มเขียนชื่อของคนหนึ่งไว้

เมื่อนางดูจนถึงเล่มสุดท้าย หน้าปกที่เขียนชื่อของ ‘หรงจิ่ง, ปรากฏตรงหน้านาง

หรงจิ่ง!

เจียงหลีหรี่ตาหยิบสมุดพับออกมาจากกล่อง และค่อยๆ เปิดหลังจากอ่านเนื้อหาเสร็จแล้ว ดวงตาของ นางเต็มไปด้วยความตกใจ

นางคาดไม่ถึงว่าท่านชายจิ่งผู้เป็นที่รู้จักของผู้คนก็ถูกลู่เจี้ยหลอกใช้ด้วยเช่นกัน

จากนั้นนางได้โยนสมุดพับเหล่านี้เข้าไปในเตาไฟทีละเล่ม และปล่อยให้เผาไหม้อย่างช้าๆ เพราะนาง ได้จดจำเนื้อหาทั้งหมดไว้หมดแล้ว และสมุดเหล่านี้เผาทิ้งไปจะดีเสียกว่า

หลังจากอ่านทุกสิ่งที่ลู่เจี้ยทิ้งไว้และรู้ถึงการวางแผนจัดการทั้งหมดของเขาแล้ว เจียงหลีก็หยิบพระ ราชโองการไว้ในมือและลูบปลายนิ้วอย่างช้าๆ

“จักรพรรดินี…คาดไม่ถึงว่าถูกแผดเผาไปรอบใหญ่แล้ว ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นจักรพรรดินี” มุมปากของ เจียงหลีโค้งขึ้นยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นกลับคาดเดาไม่ออก

ทันใดนั้น ดวงตาคู่นั้นของนางก็ปรากฏความแหลมคมขึ้น นางถือพระราชโองการและลุกขึ้นยืน และ มือทั้งสองจับโต๊ะไว้ “จักรพรรดินีก็จักรพรรดินี ข้าคือฮ่องเต้ที่ทุกคนต้องยอมจำนน!”

นางต้องการเป็นฮ่องเต้! ปกครองใต้หล้า อาณาบริเวณของนางใหญ่ขึ้นเพียงใด ก็จะมีโอกาสพบเจอลู่ เจี้ยมากขึ้นเท่านั้น!

เป้าหมายที่ชัดเจนทำให้หัวใจของนางค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น

นางเดินออกจากตำหนัก โดยตำหนักแห่งนี้เป็นของลู่เจี้ย ในเมื่อเขาจากไปแล้ว ก็จะไม่อนุญาตให้คน เข้าออกอีกต่อไป

เจียงหลียืนอยู่นอกตำหนักและหันหลังกลับไปมองป้ายแขวนของตำหนักแห่งนั้น

นี่คือมรดกตกทอดจากราชวงศ์ก่อน แม้ว่าลู่เจี้ยจะย้ายเข้ามาพักอาศัย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อนั้นไป ราว กับเขารู้ตัวว่าจะมีชีวิตอยู่ไก้ไม่นาน จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

“ใครก็ได้มานี่ที” เจียงหลีตะโกนเรียก
องครักษ์ทั้งสองข้างรีบเดินเข้าไปและโค้งคำนับทันที

“ไปเปลี่ยนป้ายแขวนชื่อนั่น นับแต่นี้ต่อไป ตำแหน่งแห่งนี้ชื่อตำหนักฉางเซิง” คำพูดของเจียงหลีมิ อาจขัดขืนได้

“พะย่ะค่ะ!

“พะย่ะค่ะ!”

องครักษ์รับคำสั่งและถอยออกไป

ตำหนักฉางเซิง…อายุยืน…อายุยืน…ผู้คนบนโลกนี้ใครบ้างที่ไม่อยากอายุยืนบ้าง

ขณะนั้นเกิดเสียงดังฉับพลันขึ้นจากระยะไกล

เจียงหลีหันหน้ามองชายชุดขาวเหนือโลกีย์และมีใบหน้าประดุจหยกที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version