Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 313

ตอนที่ 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี

“ผิดแล้ว เป็นข้าเองที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้าง ความพินาศให้ตัวเอง!”

นํ้าเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียน เผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ฆ่ามันนน!”

เมื่อเจียงหลีออกคำสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง ฆ่ากันเองหรือ

นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำอย่างไรได้อีกเล่า

เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว

หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็น ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด

การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง

ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่ อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นท้าให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกำแพงอย่างเคร่งขรึม สี หน้าดูโดดเดี่ยว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดหยุดไว้

เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง

เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตำแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้

ในฐานะจักรพรรดิที่ทำงานเพื่อแว่นแคว้นและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนำแคว้นและ ประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!

เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคำสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คน ที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”

ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มี ใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน

การกบฏที่ไต่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ

มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจ ยาเซียน

เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนำคำสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลาย ฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี

เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไป

เมื่อนางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็ พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”

“ฝ่าบาท ยังไงพระองค์ท่านก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”

เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นาง ถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”

“ทุกอย่างยังสงบดีพะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ

เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไป ทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”

“เพคะ!”

“พะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองพยักหนำ

“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว

เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”

อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี

เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก

ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นขัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคำสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”

“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป

เจียงหลีมองไปที่ลู่จ้าน มุมปากของลู่จ้านโค้งขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยนํ้าเสียงทุ้มต่ำ “ส่วนข้าจะไปจัดการ เรื่องอื่น”

ภายในจวนตระกูลหรง หรงจิ่งยังอยู่ในเรือนของตน ใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย จวนตระกูลหรงเงียบสงัดทั้งคืน หลังจากฟ้าสางก็ไม่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสำนัก เขาดูไม่ สนใจเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไร้ซึ่งความกังวล

ความเฉยชาของเขาทำให้อาเฉวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“คุณชายจิ่งอยู่หรือไม่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงถามดังมาจากนอกเรือน

เสียงนี้ไม่คุ้นหูเลย อาเฉวียนสะดุ้งโหยงลนลานรีบเดินออกจากประตู หรงจิ่งได้ยินเสียงนี้ ก็วางของใน มือลงเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เข้ามาได้อย่างไร” เมื่ออาเฉวียนเห็นคนข้างนอกก็เอ่ยถามกระโชกโฮกฮาก

เซียวเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลังเขาคือกองทัพที่ตรวจยึดจวนตระกูลหรง ใบหน้าต่างนิ่งขรึมและ เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่ออาเฉวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว

เซียวเซียวหยิบจดหมายที่เจียงหลีเขียนออกมาแล้วกล่าวกับอาเฉวียนว่า “ฝ่าบาททรงมีจดหมายลาย พระหัตถ์ที่ต้องการมอบให้คุณชายจิ่ง ขอให้ท่านออกมารับด้วย”

“นี่มัน…” อาเฉวียนลังเลเล็กน้อย

“มอบให้อาเฉวียนเถอะ” เสียงหรงจิ่งด้งขึ้นมา

เซียวเซียวขมวดคิ้ว

อาเฉวียนยืดเอวขึ้นตรงทันทีแล้วพูดกับเซียวเซียวว่า “เอาจดหมายมาให้ข้า ข้าจะนำไปให้คุณชาย พวกเจ้า… พวกเจ้าจะบุกเข้ามาโดยพลกาลไม่ได้เด็ดขาด”

เซียวเซียวยิ้มเย็น “ก่อนที่ฝ่าบาทจะออกราชโองการ จวนตระกูลหรงถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นจดหมายในมือให้อาเฉวียน

อาเฉวียนรับมาแล้วรีบหันหลังเดินจากไป

หรงจิ่งรับจดหมายจากอาเฉวียน แล้วจึงให้อาเฉวียนถอยไปรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีเขียนจด หมายถึงเขา ตอนที่เขาแกะมันออก เขาดูระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดจดหมายดู มีเพียงสามคำเท่านั้น

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งหรี่ตาลงทันที เขาอ่านเนื้อหาจดหมายในใจ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาพึมพำกับ ตัวเองท่ามกลางสีหน้าฉงนสงสัยของอาเฉวียน “เจียงหลีนะเจียงหลี เจ้ากับลู่เจี้ยเกิดมาเป็นคู่ บุพเพสันนิวาสกันจริงๆ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะบีบบังคับข้า”

“คุณชายจิ่ง ฝ่าบาททรงให้ท่านตอบจดหมายกลับ” เสียงของเซียวเซียวด้งขึ้นอีกครั้ง

อาเฉวียนมองออกไปนอกเรือน ม่านตาของหรงจิ่งหดเล็กลงอีกครั้ง เขามองไปที่ตัวอักษรสามคำบน จดหมาย เขาจะทำลงได้อย่างไร เจียงหลีมอบชะตาลิขิตของตระกูลหรงให้กับเขา!

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งยื่มเจื่อนๆ ราวกับมีชีวิตมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากเข็นที่จะเลือกไม่ได้ เช่นนี้มาก่อน

ไม่ฆ่า…ตระกูลหรงจะรอดจากความตายจริงๆ หรือ

ส่วนคำตอบนางรู้ดีอยู่แล้วแต่ต้องการให้เขาเลือก

หรงจื่งยกมือขึ้นช้าๆ กัดปลายนิ้วตัวเองจนแตก

“คุณชาย!” อาเฉวียนมองเขาด้วยความตกใจ

แต่เห็นเพียงเขาใช้นิ้วที่เปื้อนเลือด ค่อยๆ ใช้แรงเขียนอีกสองสามขีดลงไปที่ไหนสักแห่งบนกระดาษ จดหมายนั้น

“อาเฉวียน” หรงจิ่งยัดกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในซองแล้วยื่นให้เขา “ส่งจดหมายกลับไปเถอะ” “ขอรับ” อาเฉวียนรับด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาอยากรู้ว่าคุณชายตอบอะไรในจดหมายนั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดดูอย่างถือวิสาสะ

หลังจากออกไป เขาส่งจดหมายคืนไปให้เซียวเซียวและกลับไปยังเรือนของหรงจิ่ง

ทหารที่ล้อมจวนตระกูลหรงไว้ไม่ได้ขยับ ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางสู้ที่เหลือในจวนตระกูลหรง ล้วนถูกควบคุมไว้รอการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย

ในเวลานี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาจะที่ขึ้นสู่บัลลังก์ของตระกูลหรงนั้นได้ล่มสลายไปเสียแล้ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version