Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 315

ตอนที่ 315 อันธพาลครองเมือง!

ภูเขาฝูถูอย่างนั้นหรือ

ที่นั่น นับได้ว่าเป็นสถานที่ๆ พวกเขาบอกความในใจกัน และยังเป็นที่ๆ พวกเขาพรากจากกันด้วย เขามองไปที่นาง และเคลื่อนไหวเพราะสายตาเว้าวอนของนาง

ทันใดนั้น เจียงหลีรู้สึกดวงตาของนางหม่นแสง ได้ยินเสียงพัดผ่านของสายลมข้างหู จากนั้นไม่นาน ดวงตาของนางก็กลับมาเป็นปกติ แต่ขาของนางสั่นคลอนเล็กน้อย

“ถึงแล้วหรือ” ทิวทัศน์แห่งเขาฝูถู ทำให้เจียงหลีเปล่งเสียงประหลาดใจออกมา

นางมองไปที่หินก้อนนั้น นึกถึงวันวานแล้วก็รู้สึกปวดใจ

ความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางหายใจแรงและมองกลับไปทางชายหนุ่มที่ กำลังเงียบอยู่ “พวกเราไปนั่งพักตรงนั้นเถอะ”

พูดจบ นางไม่รอให้เขาตอบ เจียงหลีก็เดินไปตัวคนเดียวและนั่งลงพิงข้างหินก้อนนั้น

จักรพรรดิยังยืนอยู่ที่เดิม ในมือยังคงถือไหสุราที่เจียงหลีมอบให้อยู่

สถานที่แห่งนี้ เขารู้จักดี เป็นสถานที่ๆ ตายในชาติก่อน และยังเป็นสถานที่ๆ ปรากฏอยู่ในความ ทรงจำของเขาซ้ำๆ

แต่ทว่า

ที่นางยังคงคิดถึงสถานที่แห่งนี้อยู่นั้น เป็นเพราะลู่เจี้ยหรอกหรือ ในใจของนางมีเพียงลู่เจี้ยเท่านั้นใช่ หรือไม่ ใบหน้าขององค์จักรพรรดิค่อยๆ ตึงเครียด ดวงตาลึกซึ้ง

แต่ก่อนก็ลู่เจี้ย บัดนี้ก็หรงจิ่ง…

ทันใดนั้น ในใจองค์จักรพรรดิก็มีจิตลังหารปรากฏออกมา ทั้งยังมีความคิดที่อยากจะลักพาตัวหญิงสาว ที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ไปด้วย

เจียงหลีไม่ทันสังเกตถึงจิตใจที่ยู่ยุ่เหยิงของชายหนุ่ม

ขณะนี้ แผ่นหลังของนางกำลังพิงที่หินก้อนนั้น มองไปที่ทิวทัศน์อันสวยงามของเขาฝูถูพร้อมกับริน เหล้าให้ตัวเอง นางรู้สึกคิดถึงแคว้นกู่วู่แล้ว เมืองที่เรียบง่ายและสวยงามนั้น ช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงามนัก

แต่เสียดายที่นางคงไม่ได้กลับไปอีกนาน เป็นนางเองที่เลือกที่จะไม่กลับบ้านเกิดเอง แต่เลือกที่จะอยู่ที่นี่

แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดถึงก็เป็นเพียงความคิดชั่วขณะ การตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ข้างลู่เจี้ยนั้น นางไม่ เคยเสียใจเลยสักครั้ง

มองดูหญิงสาวที่นั่งรินเหล้าตัวคนเดียวอยู่นั้น ชายหนุ่มที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เวลานี้แทบจะไม่สามารถตั้ง คำถามได้เลย เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้นาง คิดแล้วคิด จากนั้นก็นั่งลงข้างนาง

เมื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวจากรอบข้าง เจียงหลีก็หันกลับมา พร้อมกับยิ้มให้กับเขา “ทำไมท่านไม่ ดื่มล่ะ”

นางพูดพลางยื่นมือไปคว้าไหสุราจากมือของเขา “ท่านไม่ดื่มข้าดื่มเอง อย่าทำให้เสียดายของ”

มองดูมือที่ว่างเปล่า จักรพรรดิก็ขมวดคิ้วทันที เขาสังเกตเห็นว่าช่วงนี้เขาขมวดคิ้วง่ายยิ่งนัก อีกทั้งยัง คิดมากด้วย

“อ๊า! ชื่นใจจริงๆ!” หญิงสาวตะโกนต่อเขาฝูถู มีเสียงสั่นคลอนจากไหสุราที่ถูกชูขึ้นสูงแว่วออกมา “เจ้าอารมณ์ไม่ดี” จักรพรรดิมองนางแล้วเอ่ยขึ้น

เจียงหลีกำลังจะพยักหน้า แต่ก็ถูกคำพูดต่อจากนั้นของเขาที่ทำเอาแทบจะแลบลิ้นออกมา “เป็นเพราะหรงจิ่งอย่างนั้นหรือหรือ”

เอ่อคือ…

เจียงหลีหันกลับไปมองที่ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชานี้และหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว ยื่นมือออกไปลูบแก้ม ของเขา แต่เมื่อมือเล็กๆ ของนางกำลังลูบไปที่แก้มของเขานั้น ชายหนุ่มก็ตกใจและเกร็งไปทั้งตัว

ผลักนางออก! พฤติกรรมที่จาบจ้วงเช่นนี้ สมควรต้องได้รับโทษ มีเสียงเตือนเขาเช่นนี้อยู่ในใจลึกๆ ตลอดเวลา

แต่ทว่า ร่างกายของเขานั้นไม่ยอมขยับแม้แต่นิด ปล่อยให้มือเล็กๆ นั้นลูบไล้แผ่วเบาบนแก้มของเขา

“ข้าเพียงแค่คิดว่า โชคชะตาเดิมของเขาไม่น่าเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะข้า เขาถึงได้เป็นเช่นนี้ได้” เจียง หลีพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา

นางรู้ดี ลู่เจี้ยที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงมีความทรงจำชาติก่อนอยู่ เพราะเช่นนี้ เขาสามารถเข้าใจในสิ่งที่นาง พูดเป็นแน่

“นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลแทนเขาหรอก” จักรพรรดิพูดด้วยสีหน้าเย็นชา เจียงหลีหยุดพร้อมกับเก็บมือของนางที่เดิมและมองเขาด้วยแววตาขี้เล่น “ท่านกำลังหึง”

ครั้งที่สามแล้ว!

หากเป็นเช่นนี้ละก็ นางพูดเป็นครั้งที่สามแล้ว หึงมันคืออะไร เขาไม่เข้าใจ

“ข้าเปล่า” ใครบางคนปฏิเสธอย่างเย็นชา

“ท่านหึง!” เจียงหลีพูดอย่างหนักแน่น

“ข้าเปล่าจริงๆ” บางคนปฏิเสธอีกครั้ง

เจียงหลีมองเขาด้วยท่าทางที่แทบจะระเบิดออกมา แล้วเอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการตัดบท “เอาเถอะ ท่านว่า ไม่ก็ไม่”

นํ้าเสียงหลอกเด็กของนาง ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่นิด

“จักรพรรดินี ข้าจะไปหึงท่านทำไมเล่า” ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงได้พูดแก้ตัวแทนตัวเองเยี่ยงนั้น

เจียงหลีกะพริบตาใส่เขา ทันใดนั้นเองนางก็ยื่นมือทั้งสองออกมาแล้วคว้าคอของเขาไว้อย่างว่องไว “ถ้าหากท่านกล้าหึงหญิงอื่นละก็ ข้าบีบคอท่านตายแน่!”

หญิงสาวท่าทางดุดันและดุร้ายเช่นนี้ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้โกรธและไม่มีจิตสังหารต่อการกระทำอัน ไร้เหตุผลของนางเลยแม้แต่นิดเดียว

เจียงหลีปล่อยมือออกจากคอของเขาทันที นางเอนตัวพิงและอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วพูด ด้วยความเกียจคร้าน “สบายจังเลย”

ณ ขณะนี้ นางรู้สึกสงบปลอดภัยมากจริงๆ

“เพียงแค่ท่านอยู่เคียงข้างข้า ข้าย่อมสามารถลืมปัญหาและความขัดแย้งทั้งหมดได้” นางกล่าวด้วย ความจริงใจ

“เจียงหลี” เขาขานชื่อของนางออกมากะทันหัน

เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ ถ้าหากนางจำไม่ผิดล่ะก็ นอกจากครั้งที่เขาไม่มีสติ แล้วเรียก ‘หลีเอ๋อร์’ ออกมานั้น เขาก็มิเคยขานนามของนางออกมาเลย

“ท่านต้องการจะเอ่ยสิ่งใดกับข้า”

ความเงียบต่อจากนี้ของเขา ทำให้เจียงหลีพูดอย่างรีบร้อน

พูดอะไรหรือ

จักรพรรดิลู่เจี้ยเพียงแค่รู้สึกว่าความคิดของตนเองยุ่งเหยิงวุ่นวายนัก เขาอยากจะถามเจียงหลีสักอย่าง แต่กลับมิรู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี

“เจ้ายังอ่อนแอเกินไป”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่เจียงหลีกำลังตั้งตาคอยอยู่นั้น เขาก็พูดประโยคนี้ออกมา

!

แววตาของเจียงหลีฉายแววสงสัย นางไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูดถึง

แต่ทว่า นี่เป็นเรื่องจริง

“ข้ารู้ว่าข้ายังอ่อนแอ เพราะเหตุนี้ข้าจะพยายามทำให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้” เจียงหลีมองเขาอย่างจริงจัง จักรพรรดิยิ้มอ่อน รอยยิ้มนั้น มิอาจเดาความหมายได้เลย

บรรยากาศที่หนาวเย็นอย่างเฉียบพลัน ทำให้เจียงหลีรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก นางกลัวว่า ชายคนนี้จะจากไปโดยไม่บอกลาและไม่กลับมาอีกเลย

นางอยากจะเก็บเขาไว้ข้างกาย มิให้เขาจากไปจากนางอีก

“โอ๊ย! เจ็บ!” ทันใดนั้นใบหน้าของเจียงหลีก็บิดเบี้ยวและล้มลงในอ้อมกอดของเขาด้วยสีหน้าอันเจ็บปวด “ลู่เจี้ย ข้าเจ็บ รีบบรรเทาความเจ็บปวดให้ข้าเร็ว”

นางอ้อนวอน แต่มือทั้งสองก็ปัดป่ายไปทั่วรอบตัวเขา แต่ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมากและดึงมือของนางออก จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “ข้าบอกแล้วว่าทักษะ การแสดงของเจ้านั้นไม่เนียนเอาชะเลย”

เจียงหลีที่ถูกจับได้แล้วแต่ก็ยังพูดอย่างหน้าด้านว่า “ข้าไม่ได้แสดง ข้าเจ็บจริงๆ โรคเก่าน่ะ เจ้าก็รู้ดีนี่นา”

เขามองกลับไปที่นางด้วยแววตาอันลึกซึ้ง “ที่เจ้าเป็นนั้นคือผลสืบเนื่องจากการรวมวิญญาณจักรพรรดิ แม้ว่าพลังนั้นจะสามารถบรรเทาลงได้ แต่ถ้าหากดูดมันมากเกินไปจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า หากบรรเทาความเจ็บปวดให้เจ้าซี้ซั้วมันจะเป็นการทำร้ายเจ้าได้”

“…” เจียงหลีมองเขาด้วยสีหน้างุนงง

วิญญาณจักรพรรดิหรอกหรือที่ทำร้ายนาง ผลที่ตามมาช่างหนักหนานัก

แต่ก่อนที่นางจะถามอย่างละเอียด นางก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าของนางมืดคล้อย เมื่อสายตากลับมาปกติ นางก็กลับเข้าไปที่ตำหนักจักรพรรดิแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิลู่เจี้ยนั้นหายไปที่ใดกัน

“อะไรเนี่ย เล่าขาดตอนครึ่งๆ กลางๆ!” เจียงหลีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ฝ่าบาท!”

ในขณะนั้น เสียงที่รีบร้อนของอวี้ซูก็ดังขึ้น

ดวงตาของเจียงหลีสั่นสะท้าน หากมิใช่เหตุด่วน อวี้ซูไม่เป็นเช่นนี้แน่

“เข้ามาสิ”

อวี้ซูริบเข้าไปในตำหนักและบอกข้อมูลให้นางทราบโดยไม่ทันได้เคารพตามมารยาท “ฝ่าบาท นักสืบ ซีเฉียนส่งข่าวกลับมาแล้วว่าสถานการณ์โรคระบาดในเมืองซีเฉียนได้สงบลงแล้ว แต่เพื่อปล้นเสบียง พวกมันคิดจะก่อขบวนการอันธพาลครองเมือง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version