บทที่ 1015 เจ้าย่อมไม่เย็นชาถึงเพียงนั้นกระมัง
ตี้ฝูอีชักจะหวั่นๆ แล้ว ‘…เจ้าย่อมไม่เย็นชาถึงเพียงนั้นกระมัง…’
กู้ซีจิ่วเอ่ยเนิบๆ ‘นี่ก็พูดยากนะ ดังนั้นท่านจะต้องห้ามตายต่อหน้าข้า มิเช่นนั้นข้าอาจทำให้ท่านโมโหจนต้องปีนออกจากหลุมมาบีบคอข้า…’
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ขมวดคิ้วมองเขา ‘จะว่าไป เหตุใดท่านต้องคุยหัวข้อที่ทำให้เสียบรรยากาศเช่นนี้กับข้าด้วย?’
ตี้ฝูอีจึงเอ่ยแย้ง ‘…เรื่องพวกนี้เจ้าเป็นผู้เล่าออกมาเองมิใช่หรือ?’
กู้ซีจิ่วพ่นลมหายใจเสียงดังฮึ ‘เป็นท่านที่แหย่ข้า…’
เธอรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าบทสนทนานี้ชักจะออกทะเลไปมากแล้ว จึงรีบดึงกลับมา ‘เอาเถอะ พวกเราไม่สนพวกเขาแล้ว ที่ข้าให้ท่านเข้ามามิใช่จะถกเรื่องตัวละครงิ้วกับท่าน ท่านบอกว่าร่างนี้ของท่านมีปัญหาจริงๆ ไม่มีหนทางฟื้นฟูใช่ไหม?’
‘ใช่’
‘หลังจากข้ามองออกว่าเป็นท่าน ยังนึกว่าท่านจะหลอกข้าเล่นอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถึงอาการของท่านกับหลงซือเย่อีก เห็นทีว่าพรุ่งนี้คงต้องให้เขาตรวจท่านดีๆ แล้ว’
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว นิดๆ ‘จะให้เขารู้ฐานะของข้าไม่ได้’
‘ท่านเกรงว่าเขาจะเอาคืนเพราะเรื่องความรักงั้นหรือ? ท่านคิดมากไปแล้วจริงๆ หลงซือเย่มิใช่คนเช่นนั้น คนผู้นี้เขาแบ่งแยกงานหลวงงานราษฏร์ชัดเจน ด้านการแพทย์เขาไม่ใช้บุญคุณความแค้นส่วนตัวมาเป็นเหตุผลหรอก…’
‘ข้ารู้ดี ข้าเองก็นับว่ารู้จักเขา แต่ซีจิ่ว ข้ารู้สึกว่าเขาค่อนข้างผิดปกติ’ ตี้ฝูอีกล่าวความเห็นของเขาออกมา
เขากับหลงซือเย่รู้จักกันมาเกือบร้อยปีแล้ว ย่อมเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี แต่พบหน้ากันหนนี้ เขารู้สึกได้รางๆ ว่าหลงซือเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าความรู้สึกนี้คือสัมผัสที่หก เขายังบอกไม่ได้ชัดเจนว่าสรุปแล้วอีกฝ่ายผิดปกติที่ตรงไหน
กู้ซีจิ่วกลับนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ‘ข้ากลับไม่รู้สึกเลย…อันที่จริง เดิมทีคนก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะคงอยู่ยืนยง ขอเพียงนิสัยหลักไม่เปลี่ยนแปลงไปก็พอแล้ว’
เอาเถอะ ตี้ฝูอีไม่พูดแล้ว
อันที่จริงเขามีชีวิตมานานกว่านางมาก พบเห็นเรื่องราวมาก็มาก บางเหตุผลเขาเข้าใจมากกว่านางเสียอีก
ทั้งสองล้วนเป็นคนรอบคอบระมัดระวัง อีกทั้งเนื้อหาทั้งหมดที่พูดคุยกันก็ค่อนข้างเป็นความลับ ดังนั้นต่อให้นอนซุกอยู่บนเตียงเดียวกัน ยามพูดคุยจึงเข้าใกล้จนแทบจะกินหูกัน บ้างส่งกระแสเสียงโดยตรงบ้าง เช่นนี้ต่อให้ด้านนอกมีคนแอบฟังก็จะไม่ได้ยินอะไรเลย
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าแยกจากกเขามานานกว่าหนึ่งปี ยามนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มานอนห่มผ้าสนทนากัน ศีรษะของเธอกับเขาแทบจะแนบติดกัน ร่างกายก็แนบชิดกัน ได้ยินเสียงลมหายใจของกันละกัน ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกว่าที่แท้การซุกอยู่ในผ้าห่มก็อบอุ่นถึงเพียงนี้ อบอุ่นตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงหัวใจ
แน่นอนว่าตอนนี้ยังมีอีกหลายคำถามที่ไม่ได้รับคำอธิบาย อย่างเช่นปัญหาที่เขาตัวหดเล็กลง อย่างเช่นหลงฟั่นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดผู้นั้น…
แต่วันนี้คืนนี้ เธอแค่อยากอิงแอบพูดคุยกับเขา กอดเขาบ้าง จูบเขาบ้าง เอาเปรียบเขานิดๆ หน่อยๆ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขายังอยู่ในร่างเด็กน้อย แต่สำหรับเธอแล้วยังคงเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจที่แข็งแกร่งอยู่ดี เสมือนอยู่เรือที่รอนแรมมานานในที่สุดก็หาท่าเรือเพื่อพักผ่อนได้เสียที
เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว กอดเขาไว้แล้วหลับใหลไป
ตี้ฝูอีนอนอยู่ในอ้อมแขนของนาง เขากล้าพนันได้เลยว่านางมองเขาเป็นตุ๊กตาผ้า ถึงได้เอามากอดไว้
เขาเคยนอนในสถานที่มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าเป็นครั้งแรกที่ได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเด็กสาวนางหนึ่ง หากว่าให้สี่ทูตมาเห็นเข้าคาดว่าพวกเขาคงต้องปรับเปลี่ยนมุมมองทั้งสามใหม่อีกครั้ง…
แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเช่นกัน ทว่ารู้สึกอบอุ่นเป็นสุขเหลือเกิน
ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกว่าถึงแม้ตนจะมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน ทว่าเมื่อก่อนกลับคล้ายว่าเป็นการใช้ชีวิตไปอย่างเสียเปล่า!
หลังจากพบนางถึงได้มีสีสันเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง รู้สึกว่าตนมีชีวิตเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง