บทที่ 1014 สมมุติฐานข้อนี้ไม่มีทางเป็นไปได้!
ตี้ฝูอีมองเธอ ‘เจ้าบอกว่าไม่สนใจคำว่าตลอดไป สนใจเพียงว่าเคยได้ครองมิใช่หรือ? ขอเพียงเคยรักกันด้วยใจจริง ต่อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแค่วันเดียวก็ดีมากแล้วมิใช่หรือ? หวังเป่าช่วงกับเซวียผิงกุ้ยก็เคยรักกัน เช่นนั้นนางก็น่าจะเคยเป็นสุขแล้ว น่าจะไม่เสียใจภายหลังแล้วเช่นกัน ภายหลัง ต่อให้แยกจากกันไปสิบแปดปีก็ยังดีกว่าเขาสิ้นชีพอยู่ภายนอก…’
กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยึดติดกับสองคนนี้ จึงหัวเราะคิกๆ คราหนึ่ง ‘ที่เขาบอกว่าเขาเลวทรามมิใช่เลวทรามเพราะจากไปสิบแปดปี แต่เป็นเพราะเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากลับได้ตั้งนานแล้ว ทว่าไม่ยอมกลับมา แถมยังมีเล็กมีน้อยอยู่ภายนอก…’
‘เช่นนั้นหากเซวียผิงกุ้ยมิได้มีเล็กมีน้อยอันใด ในใจมีหวังเป่าช่วงเพียงคนเดียวมาโดยตลอด แต่สิ้นอยู่ภายนอกพลัดพรากกันไปตลอดกาลเล่า?’
‘เช่นนั้นก็ไม่นับว่าเลวทรามกระมัง…’ กู้ซีจิ่วเอ่ย
‘เช่นนั้นหวังเป่าช่วงจะไม่โศกเศร้าหรือ?’
‘เศร้าสิ ต้องเศร้าแน่ๆ! หากนางทราบว่าเขาตายไปนานแล้วอาจจะพลีชีพบูชารักก็ได้ ณ ฟากฟ้าขอเราสองเป็นปี่อี้[2] ณปฐพีขอเราเคียงคู่พฤกษา…’ กู้ซีจิ่วเริ่มเอ่ยออกมาโดยไม่พินิจพิเคราะห์แล้ว
‘ถ้าเช่นนั้นหากข้าตาย เจ้าจะสละชีพบูชารักด้วยหรือไม่?’
ดวงตาโตของตี้ฝูอีมองดูเธอ กู้ซีจิ่วนิ่งงันไปครู่หนึ่ง คู่รักปกติเขาสนทนาหัวข้อนี้กันเสียที่ไหน?!
เธอใคร่ครวญถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะตายอยู่ในใจครู่หนึ่ง
มารดามันเถอะ เขาเป็นเทพนะ ตายบ้าตายบออะไรกัน!
ถึงเธอตาย เขาก็ไม่ตายหรอก!
สมมุติฐานข้อนี้ไม่มีทางเป็นไปได้!
เธอจูบแก้มเขาทีหนึ่ง ‘ที่รัก สมมุติฐานข้อนี้ของท่านเป็นไปไม่ได้ ข้ารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ยิ่งนักที่เราสองคนจะตายตรงหน้ากัน มาเถอะ ท่านบอกข้าบ้าง หากข้าตายท่านจะสละชีพบูชารักไหม?’
ตี้ฝูอีส่ายหน้า ‘ไม่ทำ’
ชิ เธอรู้ อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้!
คนอย่างเขาสละชีวิตบูชารักเพื่อผู้หญิงได้ยังไง?
เพียงแต่เจ้าคนผู้นี้แม้แต่คำหวานก็ไม่พูด เขาจะเอ่ยวาจาทำนองว่า ‘หากเจ้าตาย ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ ใจข้ามีเจ้าเพียงคนเดียวไปชั่วนิรันดร์’ เช่นนี้หน่อยไม่ได้หรือไง?
หลอกให้เธอดีใจสักนิดก็ยังดี หรือเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงก็มีช่วงเวลาที่อยากฟังถ้อยคำหวานๆ ได้ฟังคำหวานเสียหน่อย ในใจจะฟูฟ่องมีฟองสบู่สีชมพูผุดพราย
กู้ซีจิ่วพลิกตัวลงจากร่างเขา นอนเคียงเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หัวใจของเธออบอุ่นอยู่ตลอด เพียงได้นอนเคียงข้างเขาซุกผ้าห่มพูดคุยกัน เช่นนี้เธอก็รู้สึกว่าในใจตนมีฟองสบู่สีชมพูผุดออกมา งดงามอย่างยิ่ง
ตี้ฝูอีตะแคงศีรษะมองนาง เห็นพวงแก้มนางซับสีแดงอมชมพู ดวงตาของนางยังคงทอประกายอยู่ในความมืดดุจอัญมณี ‘เจ้าก็ไม่ทำเช่นกันใช่หรือไม่?’
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าเขาจะยึดติดกับหัวข้อนี้ จึงตอบไปส่งๆ ‘แน่นอนสิ ท่านไม่ใช่เหลียงซานป๋อ แล้วข้าก็มิใช่จูอิ้งไถ[3] จะได้มาเล่นฉากสละชีพเพื่อความรักอันใดนั่น หากท่านตาย ข้าจะลืมท่านทันที จากนั้นก็ไปคบหากับหนุ่มน้อยหน้ามนคนอื่นต่อ…’
ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย ‘…ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจได้เร็วไปหน่อยแล้ว! ข้าคิดว่าอย่างไรเสียเจ้าก็น่าจะโศกเศร้าไปสักพัก…’
กู้ซีจิ่วยิ้มขำ ‘นี่ก็พูดยากนะ ข้าคนนี้นิสัยเย็นชา หลงลืมผู้อื่นได้ง่ายๆ ใช่แล้ว ท่านเคยฟังเรื่องราวของจวงโจวหรือไม่? เขากับภรรยาของเขารักใคร่กลอมเกลียวกันมาก เสมือนเป็นคนๆ เดียวกัน ก็มิปาน วันหนึ่งเขาถามศรีภรรยาว่า ถ้าหากเขาตาย นางจะทำอย่างไร? นางผู้เป็นภรรยากร้องห่มร้องไห้กล่าวว่า หากท่านตายข้าก็จะตายตามท่าน จวงโจวซาบซึ้งยิ่งนักจึงบอกว่า เจ้าไม่ต้องตามข้าไปหรอก เจ้าแค่รอให้ดินบนหลุมฝังศพของข้า แห้งก่อน จากนั้นถ้ารักถ้าชอบใครก็แต่งให้คนผู้นั้้นเถิด ศรีภรรยาของเขายังเป็นเดือดเป็นร้อนกับเขาอยู่เลย…ภายหลังในที่สุด วันหนึ่งเขาก็สิ้นชีพไป ภรรยาเขาร้องไห้ฝังเขาเสียอกเสียใจยิ่งนัก ภรรยาเสียใจอยู่ไม่กี่วัน ก็ไปชอบพอหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่งเข้า เพื่อที่จะได้แต่งกับเขา นางจึงถือ พัดอัดเล็กๆ ไปพัดหลุมศพของสามีทุกวัน…’
——————————————————————
[1] เซวียผิงกุ้ยและหวังเป่าช่วง เป็นตัวละครพระนางจากบทงิ้วยอดนิยมเรื่องหนึ่ง
[2] ปี่อี้ คือ นกในตำนานของจีน เกิด มามีปีกเดียวต้องอยู่กันเป็นคู่ถึงจะโบยบินได้ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่งดงามและเป็นนิรันดร์
[3] เหลียงซานป๋อและจูอิ้งไถ เป็นตัวพระนางจากตำนานโศกนาฏกรรมรักอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งของจีน เนื้อหาเป็นโศกนาฏกรรมรักที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์จิ้น เพราะครอบครัวหมางใจกัน ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจครองรักกันได้ จึงตัดสินใจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย วิญญาณกลายเป็นผีเสื้อสองตัว โบยบินเคียงคู่กัน