บทที่ 1013 โผเข้าใส่ตรงๆ จนเขาจนล้มหงาย
กู้ซีจิ่วมองมุมปากที่ยิ้มคล้ายมิยิ้มของเขา รูปปากของเขาน่ามองยิ่งนัก
ในวัยผู้ใหญ่ยามที่มุมปากของเขายกโค้งขึ้นจะแฝงเสน่ห์เย้ายวนอย่างหนึ่งไว้ แต่เมื่ออยู่ในสภาพเด็กน้อยอายุราวแปดเก้าขวบเช่นยามนี้
เมื่อเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาอีกครั้ง กู้ซีจิ่วกลับปรารถนา…
ปรารถนาจะจูบเขาสักครายิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้ ร่างเธอจึงพุ่งไปด้านหน้า โผเข้าใส่ตรงๆ จนเขาจนล้มหงาย แล้วกดไว้ใต้ร่างอีกครา
ดูเหมือนตี้ฝูอีจะนึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้าหาญชาญชัยปานนี้ จึงแข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่กลับปล่อยให้เธอทับไว้อย่างว่าง่ายไม่ต่อต้าน เพียงแต่นัยน์ตาฉายแววลํ้าลึกแวบหนึ่ง ‘นี่เจ้า…จะทำอะไร?’
‘จูบเจ้า!’ กู้ซีจิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยเหตุนี้เธอจึงก้มลงไปจุมพิต จุมพิตวงคิ้วเขา แพขนตาเขา ปลายจมูกเขา สุดท้ายถึงร่อนลงบนริมฝีปากเขา จูบกลีบปากที่อ่อนนุ่มปานเต้าหู้ของเขาอย่างดุดัน ถึงได้พอใจแล้วเอ่ยขึ้นริมหูเขาอย่างจริงใจ ‘บางความคิดก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ตอนกลางวัน ข้าล้วนบังคับให้ตัวเองสงบเยือกเย็นฝึกฝนร่วมกับเหล่าสหาย เนื่องจากข้าต้องขยันหมั่นเพียรเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถยืนเคียงข้างท่านอย่างแท้จริงได้ ข้าไม่อยากเป็นกาฝากที่เอาแต่พึ่งพาอาศัยท่าน สามีภรรยาสมควรจับมือก้าวไปด้วยกันมิใช่หรือ? ตอนกลางวันข้าพากเพียรยิ่งนักอยู่ตลอด แต่ตอนกลางคืนกลับคิดถึงท่านมาก ทุกวันจะต้องมองกำไลวงนี้หลายร้อยรอบ ด้วยเกรงว่ามันจะแตกหักเสียหาย…’
พูดมาถึงตรงนี้ก็คับข้องหมองใจอีกครั้ง ‘ท่านบอกว่าอีกหนึ่งปีให้หลังจะมาพบข้า แต่ท่านกลับไม่มาเลย ทุกครั้งที่ข้าออกไปข้างนอก ล้วนต้องหาวิธีไปสอบถามข่าวคราวของท่านที่หอรวมสารในพื้นที่เสมอ ผลคือสอบถามอะไรจากผู้ใดไม่ได้เลย ไหนเลยจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วท่านซ่อนอยู่ข้างกายข้า ซํ้ายังปลอมเป็นคนอื่นมาปั่นหัวข้าอีก ไม่เคยเอะใจเลย…ท่านไม่เชื่อใจข้าหรือ? เกรงว่าข้าจะนอกใจท่านใช่ไหม? ด้วยเหตุนี้ถึงได้ลองใจข้าอยู่เรื่อยๆ สินะ? ท่านรู้ไหมว่าท่านทำเช่นนี้แล้วคล้ายบุรุษเลวทรามผู้หนึ่งยิ่งนัก? ท่านนึกว่าท่านเป็นเซวียผิงกุ้ยแล้วข้าคือหวังเป่าช่วง[1]หรือไง? บุรุษสารเลวคนนั้นจากครอบครัวไปสิบแปดปี ไปแต่งโฉมงามอยู่ด้านนอก ผ่านไปสิบแปดปี เขาค่อยนึกถึงภรรยาเก่าจับเจ่าเดียวดายอยู่สิบแปดปีขึ้นมา ยังเกรงว่าภรรยาจะสวมหมวกเขียวให้เขา จึงปลอมเป็นชายอื่นมาแทะโลมเกี้ยวพานาง…’
ยามที่ตี้ฝูอีถูกนางรุกเข้ามาจูบก่อน ร่างกายก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ รู้สึกว่าวันนี้สาวน้อยผู้นี้คงไปกินดีเสือมาจริงๆ รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วยังกล้ามาจูบเขาประหนึ่งหยอกเด็กน้อยเช่นนี้อีก แต่ยามที่นางจุมพิตผ่านคิ้ว และปลายจมูกเขา สามารถสัมผัสถึงความร้อนใจและความชอบของนางที่มีต่อเขาได้…
ก่อนที่เขาได้พบกับกู้ซีจิ่ว ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ใดเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการถูกผู้อื่นกดไว้เช่นนี้เลย แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าความรู้สึกที่ถูกกดไว้เช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ยอดเยี่ยมจนทำให้หัวใจของเขาหวานชื่นปานถูกอาบด้วยนํ้าผึ้ง โดยหลังเฉพาะหลังจากนางสารภาพความในใจมากมาย
ออกมา เขารู้สึกว่าความหวานชื่นในหัวใจดวงนั้นแทบจะล้นปรี่ออกมาแล้ว เขาปรารถนาให้ช่วงเวลาเช่นนี้คงอยู่ต่อไปจวบจนฟ้าสิ้นดินมลาย!
แน่นอน หากว่ายามนี้เขากลับสู่ร่างเดิมได้จะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม เขาจะทำให้ความหวานชื่นนี้ทวีขึ้นอีกหลายเท่าแน่นอน!
ความในใจเหล่านั้นของนางเขาชอบยิ่งนัก แต่ในใจก็ค่อนข้างชาหนึบอยู่บ้างเช่นกัน เพียงได้ยินคำถามในช่วงสุดท้ายหลายประโยคของนาง เขารู้สึกว่าการยัดข้อหาเช่นนี้ค่อนข้างเลยเถิดไปหน่อย ‘ซีจิ่ว ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า ข้าเพียงทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจไปบ้างเท่านั้น อีกอย่างข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดและไม่เห็นว่าเจ้าจะคิดถึงข้าเลย นึกไปว่าเจ้าคงไม่แยแสข้ามากนัก ด้วยเหตุนี้จึงปิดบังตัวตนที่จริงมาตลอดจวบจนยามนี้…ไม่อาจนำข้า ไปเทียบกับเซวียผิงกุ้ยอันใดที่เจ้าว่ามาได้… ’
‘อืม ท่านยอดเยี่ยมกว่าเขามากนัก ท่านหายไปแค่ปีเดียว และไม่ได้พกพาโฉมงามกลับมาหาข้า…ดังนั้นจึงไม่นับว่าเลวทรามจนเกินไป’ กู้ซีจิ่วเห็นด้วยกับเขา