บทที่ 1017 ยากนักที่เธอจะมาขอความช่วยเหลือจากตนถึงที่…
ตี้ฝูอีอดไม่ได้ที่จะนึกขำ “บิดาเจ้าเป็นคนของฝ่ายหรงฉู่ ถ้าหรงฉู่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ตระกูลกู้ของเจ้าจะได้รับผลประโยชน์ที่สุด”
กู้ซีจิ่วถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง “ท่านคิดจะหลอกปั่นข้าหรือไง? ข้า ได้ยินข่าวมานานแล้วว่าตอนนี้แม่ทัพกู้อยู่ฝ่ายองค์รัชทายาทแล้ว ที่ท่านพูดน่ะเป็นข้อมูลเก่า”
“ดูเหมือนเจ้าจะทราบเรื่องราวของโลกภายนอกไม่น้อยเลยนะ” ตี้ฝูอีชมเชยเธอ
มุมปากกู้ซีจิ่วหยักยิ้มบางๆ “แน่นอนอยู่แล้ว!”
อันที่จริงเธออยากถามตี้ฝูอีมากว่า ใต้หล้านี้ผู้ใดกันแน่ที่จะได้กำหนดอนาคตอันไม่แน่นอนของอาณาจักรเฟยซิง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทพโลกใบนี้ น่าจะทราบกระมัง แต่ถ้าหากลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้ เขาเปิดเผยออกมาล่วงหน้า ย่อมไม่ดีต่อตัวเขา
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนตี้ฝูอีจะเดาความคิดเธอได้ พลันตบมือเธอเบาๆ “วางใจเถอะ!”
เพียงเขาเอ่ยสามคำนี้ออกมา กู้ซีจิ่วก็กระจ่างแจ้งในทันใด ดวงตาส่องประกายเล็กน้อย!
ในที่สุดก็สงบใจลงได้ เธอเงยหน้าขึ้น พบว่าหลงซือเย่ยืนอยู่ตรงมุมกำแพงกำลังมองพวกเขาอยู่ เสื้อคลุมโบกพลิ้วราวกับแฝงความอ้างว้างที่ยากจะ
เอื้อนเอ่ยเอาไว้ ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ในที่สุดหลงซือเย่ก็เปิดปากเอ่ย “ซีจิ่ว เจ้ามาหาข้าน่าจะมีธุระเหมือนกันสินะ เรื่องอะไรล่ะ?”
กู้ซีจิ่วรีบจูงมือตี้ฝูอีก้าวเข้าไปหาทันที “ข้าก็มาขอให้ท่านช่วยรักษาเหมือนกัน พวกเราเข้าไปคุยกันในห้องเถอะ!”
….
“เจ้าว่ายังไงนะ? เขาหวนคืนสู่วัยเยาว์?! ที่แท้เขาอายุสิบห้าแล้ว?!” สีหน้าหลงซือเย่ไม่น่ามองยิ่งนัก มองอิงเหยียนนั่วที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่เป็นมิตร
ถ้าหากเขาเป็นเด็กจริงๆ ก็แล้วไปเถอะ ทว่าความจริงแล้วเขาคือเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับกู้ซีจิ่ว!
เขาทำตัวน่ารักเหมือนเด็กอายุแปดเก้าขวบเช่นนั้น!
เขาไม่ละอายบ้างหรือไง?!
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อคืนเขานอนร่วมห้องกับกู้ซีจิ่ว!
หากหลงซือเย่รู้แต่แรกว่าเจ้าเด็กนี่โตขนาดนี้แล้ว เมื่อคืนจะต้องทางแยกพวกเขาออกจากกันให้ได้แน่นอน!
เขามองกู้ซีจิ่วอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ซีจิ่ว ในเมื่อเขาโตขนาดนี้แล้ว แล้วเมื่อคืนเจ้าทำไม…”
กู้ซีจิ่วตอบด้วยสุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแส “เขายังเด็กอยู่นะ และเมื่อคืนข้าก็มีเรื่องต้องคุยกับเขา ดังนั้นถึงให้เขานอนห้องเดียวกับข้า”
หลงซือเย่กระอึกกระอักอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ว่า…”
เขาลอบสูดหายใจคราหนึ่ง “เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นจะหึงหวงจนมีโทสะหรือ?”
กู้ซีจิ่วเอ่ยว่า “เขาไม่โกรธหรอก เหยียนนั่ว…เป็นลูกน้องในสังกัดของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”
ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านข้างแย้มยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนแวบหนึ่ง “ถ้าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีโทสะนั่นก็เป็นเรื่องของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เจ้าสำนักหลงเป็นกังวลเกินไปแล้ว”
หลงซือเย่ยังคิดจะพูดอะไรอยู่ กู้ซีจิ่วไม่อยากให้เขาถามต่อแล้ว อันที่จริงเธอไม่อยากโกหกหลงซือเย่เลย แต่เพื่อความปลอดภัยของตี้ฝูอีจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงแจ้งชื่อแซ่และฐานะปลอมของตี้ฝูอี แก่หลงซือเย่…
การโกหกจะต้องเสกสรรปั้นแต่งถ้อยคำมากมายให้กลมกลืนกัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงเบี่ยงหัวข้อไปเสียดื้อๆ เลย “ครูฝึกหลง ท่านช่วยตรวจให้หน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ มีทางรักษาหรือเปล่า?”
หลงซือเย่เหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ยิ่งมองยิ่งเห็นเจ้าเด็กนี่ขัดหูขัดตา แถมกู้ซีจิ่วยังปกป้องเขาเป็นพิเศษอีก ดูเหมือนจะชอบตี้ฝูอีสุดหัวใจจริงๆ แม้แต่ลูกน้องของตี้ฝูอีก็ยังดีด้วยถึงเพียงนี้!
ที่แท้บทว่าสตรีจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนได้ว่องไวถึงเพียงนี้!
โทสะในใจหลงซือเย่คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง อยากสะบัดแขนเสื้อจากไปยิ่งนัก แต่พอเห็นนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นของกู้ซีจิ่ว เขาก็ทำใจแข็งไม่ลงอีกแล้ว ยากนักที่เธอจะมาขอความช่วยเหลือจากตนถึงที่…
เขาลอบสูดหายใจลึกๆ สองครา สะกดเพลิงชั่วร้ายนั้นลงไป กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าตรวจอาการให้เขาได้ แต่ยังไม่แน่ว่าจะมีวิธี อย่างไรเสียข้าก็เพิ่งเคยเห็นเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก เจ้าเข้ามาสิ ข้า จะช่วยจับชีพจรให้เจ้าก่อน”