Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1019

บทที่ 1019 ข้ายังคงไม่อาจหักใจมองท่านทุกข์ทรมานได้

หรงเจียหลัวนิ่วหน้าน้อยๆ นั่งพิงรถม้า หลังจากเขาอาการดีขึ้น ในสมองมักจะมีภาพเลือนรางบางอย่างแวบเข้าผ่าน แต่พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเลย

หรงเช่อมองสีหน้าของเขา เอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย “เสด็จพี่ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

หรงเจียหลัวส่ายหน้านิดๆ “สบายดี”

หรงเช่อถอนหายใจเบาๆ “หนนี้โชคดีที่ได้แม่นางกู้ช่วยไว้ มิเช่นนั้นชีวิตของเสด็จพี่คงต้องมอบไว้ที่นี่แล้ว”

หรงเจียหลัวถอนหายใจพลางกล่าว “ใช่แล้ว โชคดีที่มีนางอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าจะตายอย่างไรยังไม่รู้เลย…วันหน้าพี่จะต้องตอบแทนนางอย่างดี”

เขาติดหนี้เด็กสาวคนนั้นมากมายเหลือเกิน

หรงเช่อยิ้มแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ไม่ต้องกังวลพระทัย วันหน้าน้องจะตอบแทนนางอย่างดีแทนเสด็จพี่เอง”

หรงเจียหลัวตะลึงงัน ขมวดคิ้วเชิดหน้าขึ้น “พี่ตอบแทนด้วยตัวเองได้ ไยต้องให้เจ้ามาตอบแทน…”

หรงเช่อถอนหายใจเล็กน้อย เบี่ยงหัวข้อสนทนา “เสด็จพี่ ท่านชังข้าใช่หรือไม่?”

หรงเจียหลัวเลิกคิ้ว “ชังเจ้า? จะชังเจ้าไปทำไม? น้องแปด เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?”

หรงเช่อเป็นดั่งแขนขาของเขามาโดยตลอด ช่วยจัดการเรื่องราวให้เขาไม่น้อย และปกป้องพี่ชายอย่างเขาอยู่เสมอ อีกทั้งในการนำทัพออกศึกครั้งนี้เขาก็เป็นทัพหน้าด้วย ทำให้เขามีความดีความชอบด้านการศึก ความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสองดีกว่าความสัมพันธ์พี่น้องคนอื่นๆ มากนัก และหรงเจียหลัวก็ไว้เนื้อเชื่อใจเขา สองพี่น้องแทบไม่ต้องพูดอะไรกันเลย

ล้วนกล่าวกันว่าในราชวงศ์ ไร้ซึ่งความสัมพันธ์ของครอบครัว มีเพียงความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ หรงเจียหลัวรู้สึกโชคดีมาโดยตลอดที่มีน้องชายร่วมสายเลือดที่กล่าวได้ว่าสนิทสนมรู้ใจกันถึงเพียงนี้

ยามนี้จู่ๆ หรงเช่อก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา ทำให้หรงเจียหลัวค่อนข้างสับสนอยู่บ้าง เขาใคร่ครวญเล็กน้อย คล้ายจะเข้าใจอะไรแล้ว “เจ้าพูดถึงเรื่องหนนี้ที่ข้าถูกพิษจนกลายเป็นผีดิบแล้วเกือบถูกเจ้าสังหารใช่ไหม? วางใจเถอะ ข้าไม่ชังเจ้า ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่รู้ว่าข้ามีสติอยู่ นึกว่าข้ากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วจริงๆ ทำเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็อาจจะทำเช่นนี้เหมือนกันก็ได้”

หรงเช่อทอดถอนใจพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ข้าไม่รู้จริงนั่นแหละว่าท่านยังมีสติอยู่ ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันมานานหลายปี ข้ายังคงไม่อาจหักใจมองท่านทุกข์ทรมานได้”

หรงเจียหลัวรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูค่อนข้างพิกล แต่เป็นพี่น้องกันมานาน เขาจึงไม่ได้คิดมาก แถมยังยื่นมือไปตบไหล่หรงเช่อด้วย “เอาล่ะ อย่าคิดมากเลย พี่ไม่โทษเจ้าหรอก”

วันนี้หรงเช่อดูเหมือนจะช่างพูดนัก “เสด็จพี่ ท่านยังจำเรื่องราวก่อนที่ข้าจะอายุแปดขวบได้ไหม?”

หรงเจียหลัวตอบยิ้มๆ “เหตุใดจะจำไม่ได้เล่า? ก่อนเจ้าจะอายุแปดขวบก็คือตัวแสบผู้หนึ่งโดยแท้ ดั่งอันธพาลน้อย คิดจะเป็นอริกับทุกคน พบเจอพี่ชายอย่างข้า เจ้ายังไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย ยามนั้นเจ้าชมชอบเพียงติดตามอยู่ด้านหลังหรงฉู่…”

พูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักไป

หรงเช่อก็ยิ้มเช่นกัน “ใช่แล้ว ข้าในยามนั้นไม่รู้ความ สร้างความลำบากให้ท่านผู้เป็นพี่ชายไว้ไม่น้อย เนื่องจากยามนั้นเสด็จแม่ของข้าพูดกรอกหูสั่งสอนข้าอยู่ทุกวัน บอกว่าหรงฉู่สิถึงจะเป็นผู้กุมอำนาจในภายภาคหน้า การติดตามรัชทายาทผู้ไร้กำลังไร้อำนาจอย่างท่านจะไม่มีอนาคต อันที่จริง เด็กน้อยในยามนั้นก็รู้จักเลือกที่รักมักที่ชังแล้วเช่นกัน”

หรงเจียหลัวอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เคราะห์ดีที่พอเจ้าอายุแปดขวบก็รู้ความขึ้นมาอีกขั้น เริ่ม ติดตามข้าราวกับหางน้อยๆ ก็มิปาน ไล่ก็ไม่ไป”

หรงเช่อทอดถอนใจ “ใช่แล้ว ยามนั้นข้าบาดเจ็บหนัก สลบไปสามวันเต็มๆ เนื่องจากตอนที่ท่านไปเดินเล่นในสวนข้าคิดจะปองร้ายท่าน แต่กลับ ก้าวพลาดศีรษะกระแทกเข้ากับโขดหินก้อนหนึ่งสลบอยู่ตรงหน้าท่านพอดี ยามนั้นท่านไม่สนความบาดหมางครั้งเก่าก่อนช่วยข้าเอาไว้ ซํ้ายังคอยเฝ้าข้าอยู่สามวัน ครานั้นข้าศีรษะกระแทกหนักเกินไป แม้แต่หมอหลวงก็ล้วนกล่าวว่าไม่มีประโยชน์แล้ว เสด็จแม่ของข้าก็ยอมแพ้แล้วเช่นกัน แต่ท่านผู้เป็นพี่ชายกลับไม่ยอมแพ้ ใช้พลังวิญญาณประคับประคองลมหายใจของข้าไว้ตลอด…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version