Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1020

บทที่ 1020 ไม่อยากปิดบังอันใดกับท่านอีกต่อไป

หรงเจียหลัวเอ่ยอย่างจนปัญญา “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง อีกทั้งเป็นน้องชายของข้าด้วย ข้าย่อมมิอาจดูดายโดยไม่ช่วยเหลือได้ ถ้าช่วยได้ก็ต้องช่วยดู และความจริงก็ประจักษ์แล้วว่าการช่วยของข้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องยิ่งนัก ช่วยอัจฉริยะน้อยผู้ลํ้าเลิศได้หนึ่งคน แถมยังช่วยน้องชายแท้ๆ คนหนึ่งไว้ได้”

สายตาของหรงเช่อ ร่อนลงบนหน้าเขา ถอนหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว ชีวิตวัยแปดขวบในปีนั้นสำหรับข้าแล้วกล่าวได้ว่าเป็นทางแยกสายหนึ่ง เสด็จพี่ข้า ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าในช่วงก่อนแปดขวบกับหลังแปดขวบเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนกัน?”

หรงเจียหลัวกล่าวอย่างปลื้มใจ “อืม เจ้าในช่วงหลังแปดขวบในที่สุดก็ไม่เกกมะเหรกเกเรอีกต่อไป สุขุมรู้ความขึ้นไม่น้อย เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยจริงๆ นิสัยใจคอก็เปลี่ยนน่าชื่นชมกว่าเก่า ยามนั้นพี่ปลาบปลื้มนัก”

หรงเช่อยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “อันที่จริงแล้ว หากคนผู้หนึ่งลื่นล้มจนสลบไประยะหนึ่งนิสัยจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก สาเหตุที่นิสัยเปลี่ยนไปมาก นั่นเป็นเพราะสังขารนั้นได้เปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว…”

หรงเจียหลัวทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะ “อะไรนะ?”

หรงเช่อยิ้มนิดๆ มองดูเขาแล้วกล่าว “เสด็จพี่ท่านยังฟังไม่เข้าใจอีกหรือ?”

ใบหน้าหรงเจียหลัวซีดเผือด “ความหมายของเจ้าคือ? เจ้า…ความจริงแล้ว เจ้าเป็นดวงวิญญาณอื่นที่มาสิงสู่ร่างเจ้าแปดงั้นหรือ?”

หรงเช่อพยักหน้า “มิผิด! หากว่าในสังขารนี้ยังเป็นคนเดิมอยู่ ยามนั้นต่อให้ท่านช่วยเขาไว้ เขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่ซาบซึ้งตื้นตันท่านมากนักหรอก ยังคงเป็นอริกับท่านต่อไป เจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นเป็นหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง…เสด็จพี่ ในฐานะรัชทายาทแล้วท่านโอบอ้อมอารีเกินไปจริงๆ”

หรงเจียหลัวดั่งถูกฟ้าผ่าใส่ เขานิ่งค้างไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “เป็นไปไม่ได้! โลกนี้ไม่มีภูตผีที่สิงสู่ครอบครองตัวตนได้! เจ้าแปดเจ้าได้รับ ความสะเทือนใจอะไรหรือเปล่า? หรือว่าฝันอะไรมา?”

หรงเช่อยกยิ้มแวบหนึ่ง “เสด็จพี่ที่ท่านว่ามานั้นคือการถูกภูตผีดาษดื่นทั่วไปสิงสู่ ต่อให้สิงได้ร่างกายก็แข็งทื่อเสมือนผีดิบ แต่ถ้าหากในร่างนี้เดิมทีก็มีวิญญาณสองดวงอยู่แล้วล่ะ?”

หรงเจียหลัวตะลึงงัน “นั่นก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ว่ากันตามเหตุผลแล้ว วิญญาณสองดวงไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ นอกเสียจากวิญญาณอีกดวงหนึ่งจะทำพันธะจำนองวิญญาณยอมรับใช้ดวงวิญญาณหลัก…”

หรงเช่อยิ้มน้อยๆ “เสด็จพี่ทราบไม่น้อยเลยนี่ เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าสิงสู่ร่างนับตั้งแต่เขาถือกำเนิด ผูกพันธ์กับเขาถึงได้ถูกรับไว้ในร่าง แต่ดวงวิญญาณที่ทำพันธะไม่สามารถทรยศดวงวิญญาณหลักได้ เว้นแต่ดวงวิญญาณหลักจะถึงแก่กรรมด้วยสาเหตุบางอย่าง หากว่าไม่ลื่นล้มหัวฟาดตายไปในครั้งนั้น ข้าก็ยังเข้าแทนที่เขาไม่ได้…”

หรงเจียหลัวลองมาคิดๆ ดูแล้ว หรงเช่อในช่วงก่อนแปดขวบกำเริบเสิบสาน ซุกซนจนได้เรื่อง เคยจมนํ้า เคยหัวฟาด เคยตกลงมาจากสัตว์พาหนะ…ประสบเภทภัยมากมายอย่างยิ่ง ยามนั้นทุกคนในวังรู้สึกว่าองค์ชายแปดผู้นี้เชี่ยวชาญด้านการหาที่ตาย ยามนี้ไหนเลยจะทราบได้ว่าใช่การชี้นำของดวงวิญญาณพันธะดวงนี้หรือไม่?

หรงเจียหลัวจ้องมองหรงเช่อ “เจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้าในยามนี้มีเจตนาอะไร?”

หรงเช่อพูดจาจริงจังยิ่งว่า “เป็นเพราะข้าชอบเสด็จพี่มากจริงๆ ไม่อยากปิดบังอันใดกับท่านอีกต่อไป”

หรงเจียหลัวพูดไม่ออกแล้ว

อันที่จริงสำหรับหรงเช่อในช่วงก่อนแปดเขานั่นเขาค่อนข้างเอือมระอา แต่หรงเช่อในช่วงหลังแปดขวบน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง ซ้ำยังกลายเป็นแขนขาให้เขาด้วย ดังนั้นหรงเจียหลัวจึงไม่คิดจะล้างแค้นให้ ‘น้องชายร่วมสายเลือด’ แต่อย่างใด คนที่เขาคบหาสมาคมคือหรงเช่อคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ มิใช่คนในอดีตผู้นั้น…

เขาสูดลมหายใจแล้วเอ่ยออกมา “อาเช่อ ข้าไม่สนใจว่าในอดีตเจ้าเป็นอะไรมาก่อน สรุปคือเจ้าเป็นเจ้าของร่างนี้แล้ว เป็นน้องชายที่ดีของข้าเสมอมา ข้าไม่ถือสาอะไร แต่เรื่องนี้เจ้าอย่าได้แพร่งพรายต่อภายนอก คนนอกไม่แน่ว่าจะยอมรับได้ จะก่อให้เกิดข้อพิพาทมากมายขึ้นเปล่าๆ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version