Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 104

บทที่ 104

ต้องการอะไรกันแน่?

เว้นแต่เพียงองค์รัชทายาทผู้นี้จะมีตาวิเศษ สามารถมองทะลุการปลอมแปลงของเธอจนมองเห็นโฉมหน้าจริงของเธอได้องค์รัชทายาทผู้นี้คงไม่มีนัยน์ตามองทะลุเช่นนี้กระมัง?!

ตามหลักแล้วไม่น่าจะจำเธอได้

แต่ยังไงซะ คืนนี้องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก็ดูชั่วร้ายอยู่บ้างจริงๆ หนนี้มีพี่สาวน้องสาวมากมายนั่งรายล้อมอยู่ ดั่งบุปผานานาพันธุ์บานสะพรั่งชูช่อล่อภมร จะหยิบพี่สาวน้องสาวคนไหนออกมาก็ล้วนงดงามกว่ากู้ซีจิ่วในตอนนี้มากทั้งนั้น แต่สายตาขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวกลับวนเวียนอยู่ที่ใบหน้าและร่างกายของเธออยู่บ่อยครั้ง ในดวงตาถึงขั้นฉายแววประเมินตัดสินด้วย รูปโฉมขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวนั้นโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าหล่อเหลาไร้เทียมทาน คิ้วตางามสง่า ทุกอิริยาบถจะมีรัศมีผู้สูงศักดิ์ชนิดหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย

องค์ชายหรงเหยียนเองก็เป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่ง โดดเด่น สง่างาม แต่พอเขานั่งอยู่ที่เดียวกันกับองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว กลับดูเหมือนหิ่งห้อยที่ริเทียบท้าจันทราทรงกลดก็มิปานโดนกลบรัศมีไปมากมายในฉับพลัน!

บุตรสาวของกู้เซี่ยเทียนนับรวมกู้ซีจิ่วเข้าไปด้วยแล้วมีทั้งหมดแปดคน ที่นั่งอยู่ในยามนี้มีหกคน อีกสองคนที่เหลือเป็นเด็กน้อยอายุเพียงหกเจ็ดปี หลังจากถูกเหล่าอนุอุ้มมาถวายความเคารพไปเมื่อครู่ ก็โดนอุ้มกลับไปแล้ว คุณหนูสกุลกู้เหล่านี้นอกจากกู้ซีจิ่ว กู้เทียนฉิง กู้เทียนอีที่เคยพบหน้าองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวแล้ว อีกสามคนที่เหลือแค่เคยได้ยินชื่อเสียงขององค์รัชทายาท แต่ไม่เคยพบเขา

เคยได้ยินเพียงว่าเขาเป็นอันดับหนึ่งในสี่ยอดคุณชายแห่งเมืองหลวง ในยามนั้นยังคิดอยู่ว่าคงเห็นแก่ฐานะองค์รัชทายาทจึงเยินยอเขา แต่ตอนนี้เพียงได้เห็นแวบ

เดียวหัวใจของทุกคนก็แทบจะกระโดดโลดเต้นออกมา!

พวกนางคิดมาตลอดว่าองค์ชายแปดหรงเช่อคือบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในโลกนี้ทว่าบัดนี้เมื่อได้พบองค์รัชทายาทแล้ว ก็พลันรู้สึกว่าองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวนั้นหล่อจนสามารถประชันกับองค์ชายหรงเช่อได้เลย!

องค์ชายหรงเช่อนั้นรูปงามทรงเสน่ห์ประหนึ่งชนชั้นสูง ในยุคเว่ยจิ้น ดั่งเมฆหมอกที่ลอยตัวอยู่เหนือโลกโลกีย์ อากัปกริยาดูงามสง่าเป็นกันเอง

แต่องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวหล่อเหลาแบบสูงส่งเย็นชาประหนึ่งบุปผาบนยอดดอย[3] ทระนงองอาจอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นกันชัดเจนว่าเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดันได้ เป็นขัตติยะโดยกำเนิด ทำให้คนที่ได้เห็นไม่กล้าโงหัวขึ้นมา ได้แต่หมอบกราบบูชาอยู่ตรงแทบเท้าของเขา…

ขณะนี้องค์รัชทายาทผู้นี้นั่งอยู่ ณ ที่นั้นด้วยท่าทีเกียจคร้าน ท่าทางสบายๆ ยามกุมจอกสุราใบหนึ่งเอาไว้ช่างงดงามจนทำให้ผู้คนอยากกรีดร้องออกมา!

เหล่าพี่น้องสกุลกู้ต่างสำรวมกริยายิ่งนัก จึงไม่ได้กรีดร้องออกมา ทว่าพวกนางมักจะเหลือบมององค์รัชทายาทด้วยสายตาหยาดเยิ้มอยู่บ่อยๆ หากได้สบตา กับองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว พวกนางก็จะรีบก้มศีรษะลง ใบหน้าแดงระเรื่อ เขินอายมากเสียจนทำอะไรไม่ถูก

เดิมทีกู้เซี่ยเทียนได้แอบกำชับกับพ่อบ้านว่าให้บุตรสาวเหล่านี้แต่งตัวให้เรียบง่ายหน่อยยามที่ออกมาจะได้ไม่ต้องถูกองค์รัชทายาทเลือกแล้วทำให้เขาต้องลำบากใจ

ทว่ายามที่บุตรีเหล่านี้ออกมา กลับพากันผัดแก้มเสียแดงชาด ทาปากแดง สวมชุดกระโปรงตัวที่งดงามที่สุด แสดงจุดเด่นของตัวเองออกมาอย่างเด่นชัด เมื่อมาถึง หน้าห้องโถงจึงถวายความเคารพแล้วนั่งลง

ทำให้กู้เซี่ยเทียนเดือดดาลนัก แต่ระบายโทสะออกมาไม่ได้

กู้เซี่ยเทียนทราบดีว่าบุตรสาวเหล่านี้ของตนล้วนแต่งดงาม โดยเฉพาะหลังจากที่ตั้งใจแต่งตัวอย่างดีก็ยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีก ดังนั้นตอนที่เขาอยู่ในงานเลี้ยงเลยอก สั่นขวัญผวาอยู่ตลอด หวั่นเกรงว่าองค์รัชทายาทจะต้องตาบุตรสาวคนใดสักคนของตนเข้า แล้วจะเป็นเรื่องขึ้นมา

แต่เมื่อเขาแอบจับตามองคอยเฝ้าระวังสังเกตอยู่นานสองนาน กลับพบว่าสีหน้าขององค์รัชทายาทผู้นี้เฉยชาอยู่ตลอด ไม่สนใจบุตรสาวทั้งห้าของเขาที่งดงามปาน หยกสะคราญโฉมประหนึ่งบุปผาเลยสักนิด แทบจะไม่เหลือบแลเลยด้วยซํ้า

แต่กลับมองกู้ซีจิ่วที่ทราบกันดีว่าหน้าตาอัปลักษณ์อยู่หลายครา…

แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ตอนจะเข้านั่งประจำที่ องค์รัชทายาทผู้นี้ก็เจาะจงเป็นพิเศษว่าให้กู้ซีจิ่วนั่งข้างๆ เขา ยามนั้นกู้เซี่ยเทียนยังคิดอยู่ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ช่างสง่า ผ่าเผยสมเกียรติ ไม่เจ้าชู้ประตูดิน แต่พอได้เห็นท่าทีขององค์รัชทายาทผู้นี้ในตอนนี้ เขาก็ชักไม่แน่ใจแล้ว

………………….

[1]ต้นหญ้าบนสันกำแพง หมายถึง คนที่ย้ายฝักย้ายฝ่ายได้ตลอดเวลา เหมือนต้นหญ้าบนกำแพงที่ไหวเอนไปมาตามแต่ทิศทางลม

[2]หมวกใบใหญ่ อุปมาถึง การยัดข้อหาให้

[3]บุปผาบนยอดดอย หมายถึง คนที่ยากจะเข้าถึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version