Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1063

บทที่ 1063 อืม ข้าโตเกินวัยน่ะ

กู้ซีจิ่วยังคงเชื่อฟังนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ขยับต่อแล้วจริงๆ สายตามองที่เขา “ท่านมาได้ยังไง? ข้านึกว่าเขา…เขาก็ปองร้ายท่านเช่นกัน…”

ไม่รู้เหมือนกันว่าตี้ฝูอีหยิบนํ้าผสมนํ้าผึ้งชามหนึ่งมาจากไหน ป้อนให้เธอทีละช้อนๆ เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากน้อยๆ ที่แห้งผากปานกลีบดอกไม้เหี่ยวเฉา พลางเล่าเรื่องของตนไปด้วย

ก่อนหน้านี้ถึงแม้ร่างกายของตี้ฝูอีจะหดเล็กลง แต่พลังวิญญาณในร่างกลับเพิ่มพูนขึ้นมาโดยตลอด เริ่มจากเช้าวันนี้เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังวิญญาณไหลเวียนไปทั่วร่าง อย่างไรเสียตัวเขาเองก็เป็นหมอเทวดา เมื่อพบสถานการณ์เช่นนี้ ก็คาดคะเนได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ตนฟื้นฟูสู่สภาพเดิม แน่นอน เนื่องจากเคยมีบทเรียนจากการหดเล็กกว่าเดิมมาแล้ว เขาจึงเกรงว่าครั้งนี้อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ก็บัดซบลงกว่าเดิมดังนั้นจึงไม่ได้บอกกล่าวกู้ซีจิ่วไว้ เตรียมการไว้ว่ารอดูสถานการณ์หลังจากเข้าฌานเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที จะได้ไม่ให้ความหวังนางแล้วทำให้นางผิดหวังอีกครั้ง

ตอนที่กู้ซีจิ่วไปวนอยู่ในห้องเขารอบหนึ่งก่อนออกเดินทาง ถึงแม้เขาจะหลับตาอยู่ แต่ก็ยังจับสัมผัสได้ ทราบว่านางยังคงอยู่ข้างกาย ยามนั้นเขากำลังบำเพ็ญถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจนาง

หลังจากนางไปแล้วเดิมทีเขาควรจะนั่งสมาธิอย่างน้อยสามชั่วยาม แต่ครั้งนี้การเข้าฌานของเขาราบรื่นยิ่งนัก ผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่งเขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของตนแปลกไป เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ากลับสู่ช่วงสิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว…

แถมยังตัวสูงกว่าอิงเหยียนนั่วในตอนต้นตั้งครึ่งศีรษะด้วย!

ถึงแม้รูปร่างหน้าตาเขายังไม่ได้ฟื้้นฟูสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็โล่งอกอยู่ดี เขาพบหนทางในการกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ขอเพียงดำเนินการต่อไปอีกสามครั้ง เขาคงกลับสู่สภาพเดิมได้ พอถึงเวลานั้นเขาจะเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สง่าผ่าเผยอีกครั้ง ไม่ต้องใช้ใบหน้าเด็กน้อยขายความน่ารักต่อหน้านางอีก…

เขาปิติยินดีอยู่ในใจ กำลังวางแผนว่าจะไปหานางดีหรือรอให้นางมาหาด้วยตัวเองแล้วประหลาดใจดี ยังไม่ทันได้คำนวณผลลัพธ์ ก็มีคนพังประตูบุกเข้ามา!

ผู้ที่บุกเข้ามาคือโจรโพกหน้าสี่คน ทว่าไม่ได้เพื่อชิงทรัพย์แต่มาเอาชีวิต!

ยามสี่คนนี้ถีบประตูเข้ามาแล้วเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น ก็ตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด คนโพกหน้าผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าคือผู้ใด?!”

ตี้ฝูอีรู้สึกว่านี่ช่างน่าขันนัก คนเหล่านี้ถีบประตูบุกเข้ามาแสร้งว่าเป็นโจรมาปล้นสะดมแต่กลับ ถามว่าเจ้าของห้องเป็นใคร?

เป็นหมูล่ะมั้ง?

ยามนั้นเขาไม่พูดอะไร เพียงมองพวกเขาอย่างลึกลับซับซ้อน

คนโพกหน้าอีกคนกลับร้อนใจ “ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พวกเราก็ต้องปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายก็คือสังหารผู้ที่นั่งสมาธิอยู่ในห้องนี้! ลงมือ เถอะ!”

คนโพกหน้าคนที่สามยังลังเลอยู่บ้าง “แต่เป้าหมายภารกิจของพวกเราระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นเด็กน้อยอายุราวแปดเก้าขวบคนหนึ่ง…”

คนโพกหน้าคนที่สี่รอบคอบยิ่งนัก กวัดแกว่งกระบี่ที่ส่องประกายวาววามอยู่ตรงหน้าตี้ฝูอีสองสามครา “พูดมา! เด็กที่อยู่ที่นี่ล่ะ?!”

เมื่อตี้ฝูอีได้ยินก็กระจ่างแจ้งแล้ว เขาเลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน บอกพวกเขาอย่างมีนํ้าใจยิ่งนัก “เด็กที่พวกเจ้าต้องการหาตัวคนนั้นน่าจะเป็นข้าเอง เข้ามาเลย!”

“ไร้สาระ! คนที่พวกเราต้องการตัวคือเด็กอายุแปดเก้าขวบคนหนึ่ง! เจ้าไม่เหมือนเลยสักนิด!” โจรคนที่สองไม่ไว้หน้า

“อืม ข้าโตเกินวัยน่ะ” ตี้ฝูอีตอบไป พลางลุกขึ้นยืน “พวกเจ้าลงมือได้เลย”

โจรทั้งสี่รู้สึกว่าตนกำลังถูกเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กวนประสาทอยู่ ขุ่นเคืองยิ่งนัก สบตากันแวบหนึ่ง สื่อการกันผ่านสายตาเล็กน้อย ตัดสินใจว่าจะซักเด็กหนุ่มคนนี้ให้น่วมก่อนแล้วค่อยเค้นถามว่าเด็กที่เป็นเป้าหมายไปไหน

วรยุทธ์ของสี่คนนี้สูงนักระดับพลังวิญญาณที่สูงที่สุดคือขั้นหก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version