Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1075

บทที่ 1075 จะหนีไปได้อย่างไร?

หลังจากมู่เหลยเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในชัดๆ กระเพาะก็ปั่นป่วนในทันใด!

ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่แช่อยู่ในนี้ล้วนเป็นอวัยวะส่วนต่างๆ ของมนุษย์!

ความจริงแล้วห้องหลอมโอสถแห่งนี้ของหลงซือเย่ก็คือห้องปฏิบัติการด้านสรีระวิทยาห้องหนึ่ง ในยุคปัจจุบัน ไม่นับว่าควรค่าให้กล่าวถึง แต่เมื่อมองผ่านสายของคนยุคโบราณที่ ‘ไม่เคยผ่านโลกมาก่อน’ นั้นค่อนข้างสยองขวัญอยู่บ้าง

เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาตกตะลึงกับเรื่องนี้ หลังจากเขาเข้ามาแล้ว ก็พบว่าหลงซือเย่และเย่หงเฟิงล้วนไม่ได้อยู่ในห้องหลอมโอสถแห่งนี้แล้ว!

ถึงแม้ห้องหลอมโอสถแห่งนี้จะกว้างขวาง แต่รูปแบบเรียบง่ายยิ่งนัก กล่าวได้ว่ามองแวบเดียวก็ทั่วแล้ว ในห้องนี้กลับไม่มีเงาร่างของสองคนนั้นอยู่เลย หายไปได้ยังไงกัน?!

ห้องหลอมโอสถแห่งนี้เป็นเรือนเดี่ยวหลังหนึ่ง ไม่เชื่อมต่อกับเรือนอื่นๆ มู่เหล่ยจับตามองอยู่ด้านนอกตลอด ต่อให้แมลงวันสักตัวบินออกไปจากห้องนี้เขาก็สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แล้วมนุษย์ตัวใหญ่อย่างสองคนนี้จะเล็ดรอดสายตาไปได้อย่างไร?

มู่เหล่ยเหลียวมองรอบห้อง “เป็นไปไม่ได้ที่จะหายไป?! จะหนีไปได้อย่างไร?!”

ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเขาทันที “ในห้องนี้น่าจะมีทางลับอยู่ หาดู!”

มู่เหล่ยราวกับตื่นจากความฝัน รีบค้นหาอย่างเอาจริงเอาจังทันที คลำไปทั่วห้องหลอมโอสถแห่งนี้อย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง ในที่สุดก็พบประตูลับที่ซุกซ่อนไว้ดียิ่งนักบนผนังด้านหนึ่ง เมื่อเปิดประตูบานนั้นออก ด้านในมีทางลับเส้นหนึ่งอยู่จริงๆ มืดมิดจนไม่ทราบเช่นกันว่าจะทะลุไปโผล่ไปที่ไหน

มู่เหล่ยกำหมัด “เจ้าสำนักหลงผู้นี้สร้างทางลับไว้ในห้องหลอมโอสถของตน เห็นทีว่ายามปกติเขาน่าจะรู้สึกหวาดระแวงยิ่งนักจริงๆ!”

ตี้ฝูอีไม่ปริปาก หย่อนกายลงไป มุ่งหน้าไปตามทางลับ

ทางลับสายนี้ไม่ยาวระยะทางเพียงสามสี่ลี้เท่านั้น พริบตาเดียวทั้งสองคนก็โผล่ออกมาจากทางลับแล้ว ด้านนอกกลับเป็นหน้าผาลาดชันแห่งหนึ่ง ทางออกของทางลับสายนี้คืออุโมงค์กลางหน้าผา ด้านบนไม่เชื่อมฟ้า ด้านล่างไม่แตะดิน รอบข้างมีวัชพืชและเถาไม้เลื้อยงอกยาว ซ่อนเร้นทางลับไว้อย่างมิดชิด ถ้าหากไม่ถอนต้นหญ้าที่อยู่ด้านหน้าออกก็จะมองไม่เห็นมันเลย ชัดเจนยิ่งนักว่าหลงซือเย่พาสังขารของเย่หงเฟิงหนีมาที่นี่!

สถานที่แห่งนี้ลึกลับยิ่งนัก อีกทั้งรอบข้างมีภูเขาสูงกั้นขวาง อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะขี่สัตว์พาหนะบินมาหรือว่าปีนหน้าผาขึ้นมาล้วนไม่มีผู้ใดมองเห็น…

หลงซือเย่กับเย่หงเฟิงเข้ามาในห้องหลอมโอสถนั้นสามชั่วยามแล้ว หากว่ายามนั้นพวกเขาหลบหนีผ่านทางลับเส้นนี้ สามชั่วยามก็เพียงพอให้พวกเขาหนีไปที่อื่นแล้ว!

ลมภูเขาเขาครวญหวีดหวิว พัดอาภรณ์ตี้ฝูอีที่ยืนอยู่ตรงนั้นจนเกิดเสียงเสียดสี เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ฝืนข่มจิตใจสับสนว้าวุ่นลงไป บังคับให้ตัวเองเยือกเย็นลง ถึงแม้ว่าเขาจะร้อนใจดั่งไฟลน แต่ไม่สามารถกระทำการบุ่มบ่ามได้ มิเช่นนั้นจะตามนางกลับมาไม่ได้…

เขากลับเข้าไปในทางลับ ตรวจสอบด้านในรอบหนึ่ง จุดยิบย่อยเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยผ่าน

ทางลับเส้นนี้สร้างขึ้นอย่างลวกๆ ดูจากผนังอุโมงค์ที่ตอรากไม้ยังดูใหม่อยู่ บอกได้ว่าทางลับเส้นนี้สร้างขึ้นยังไม่ถึงครึ่งปีเลย

หลงซือเย่กระทำการค่อนข้างมีระเบียบแบบแผน ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนทำอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอกัน

ตีฝู้อีเคยไปล้อมจับสัตว์กับเขา เคยเห็นเขาผ่าฟืนก่อกองไฟมากับตา ท่อนไม้ที่เดิมทีระเกะระกะถูกเขาผ่าจนมีขนาดสั้นยาวเสมอกัน เมื่อก่อกองไฟก็สุมขึ้นประหนึ่งพีระมิด ค่อนข้างงดงาม

คนเช่นนี้หากว่าจะสร้างทางลับไว้ในห้องหลอมโอสถของตน ต้องสร้างอย่างเรียบร้อยหมดจดแน่นอน ไม่เป็นเช่นยามนี้ ผนังอุโมงค์เหมือนถูกสุนัขแทะ ระยะของทางลับก็เดี๋ยวกว้างเดี๋ยวแคบ ทำลวกๆ ปานโพรงสุนัข

เมื่อมองจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่บนผนังอุโมงค์ ราวกับงมสร้างออกมาโดยคนที่ใช้เวทวิชาธาตุไม้ได้ไม่คล่องนัก…

ผู้ที่สามารถเข้าไปในห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่ได้ อีกทั้งฝึกฝนเวทวิชาธาตุไม้ได้ไม่คล่องนักมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเย่หงเฟิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version