Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1074

บทที่ 1074 ความสุกเอาเผากินของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์

ราวกับเธอได้พบดาวช่วยชีวิต เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “เหยียนนั่ว สิ่งนี้…เจ็บปวดเกินไปแล้ว! มียาระงับความเจ็บปวดบ้างหรือไม่?”

เหยียนนั่วผู้นี้ย่อมเป็นมู่เตี่ยนที่แปลงโฉมมา เขาถูกตี้ฝูอีเรียกตัวกลับมาอย่างเร่งด่วนยิ่ง จากนั้นก็ถูกบังคับให้แปลงโฉมเป็น ‘เหยียนนั่ว’ ในยามนี้อีกครั้ง เข้ามาหลอกล่อกู้ซีจิ่วตัวปลอมผู้นี้…

ตี้ฝูอีรีบจากไปอย่างร้อนรนใจ เพียงแต่ก่อนจะจากไปได้เล่าเรื่องราวส่วนใหญ่กับมู่เฟิงแล้ว มู่เฟิงก็นำประเด็นสำคัญมาบอกแก่มู่เตี่ยนแล้ว ดังนั้นมู่เตี่ยนจึงทราบคร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

เขามองกู้ซีจิ่วตัวปลอมผู้นี้อย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับเรียบเฉย เลียนแบบกริยาท่าทางของเหยียนนั่วทุกกระเบียดนิ้ว ดังนั้นจึงเอ่ยปลอบด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนจริงใจ “ถึงแม้ยานี้จะเจ็บปวดไปบ้าง แต่มีประโยชน์ต่อบาดแผลเจ้าแน่นอน ทนต่อไปอีกหน่อยนะ”

เย่หงเฟิงพูดไม่ออกแล้ว

….

อาชาเวหาของตี้ฝูอีเป็นสัตว์พาหนะที่บินได้ว่องไวที่สุดในโลกนี้ ระยะทางหลายร้อยลี้เขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มาถึงแล้ว

ถึงแม้ค่ายกลป้องกันหุบเขาของเขาถามสวรรค์จะร้ายกาจยิ่งนัก แต่ไม่มีทางขัดขวางตี้ฝูอีผู้ชำนาญด้านค่ายกลได้ เขาเข้าไปในเขาถามสวรรค์แห่งนี้ประหนึ่งเข้าสวนหลังบ้านของตนก็มิปาน

เขามาถึงด้านนอกห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่อย่างรวดเร็วยิ่ง มู่เหล่ยรายงานให้เขาทราบหลังจากหลงซือเย่พาเย่หงเฟิงเข้าไปก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย น่าจะยังอยู่ด้านใน

ตี้ฝูอีพยักหน้า เขามองอาคมหวงหามด้านนอกห้องหลอมโอสถแห่งนี้ก่อน หาวิธีทำลายพบอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้มู่เหล่ยจึงติดตามเจ้านายของบ้านตนเลาะซ้ายป่ายขวาในอาคมหวงห้ามอยู่หลายรอบ เดินหน้า ถอยหลัง อยู่หลายก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ประตูใหญ่ของห้องหลอมโอสถก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!

ประตูบานนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นประตูกลไก มีจานหมุนเหล็กไหลอยู่อันหนึ่ง บนจานหมุนมีตัวเลขยิบย่อย จากหนึ่งถึงร้อย เรียงแถวกันเป็นยันต์แปดทิศ หนำซํ้าตัวเลขเหล่านี้ยังมีสีสันต่างกันไปอีกด้วย ดูลายพร้อยจนทำให้คนตาลาย

มู่เหล่ยไม่นึกเลยว่าหลงซือเย่ที่เย็นชาเสมอมาจะสร้างสิ่งของพิกลเช่นนี้ออกมา ประตูกลในใต้หล้านี้เขาพบเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว เพิ่งเคยเห็นประตูกลเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขามองเจ้านายของตน ตี้ฝูอีกลับสู่ร่างที่แท้จริงแล้ว สวมอาภรณ์ม่วงพราวระยับ หน้ากากเงินบนใบหน้าทอประกายเยียบเย็นอยู่ท่ามกลางราตรี

ถึงแม้วรยุทธ์ของเขาในยามนี้ยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ ร่างกายก็ยังไม่กลับสู่สภาพเดิมอย่างแท้จริง แต่เขาสามารถใช้วิชาแปลงกายได้แล้ว การแปลงกายให้เป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของตนนั้นเป็นเรื่องที่เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น เพียงการการใช้วิชาแปลงกายนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ หากไม่ถึงคราวจำเป็นเขาก็จะไม่ใช้

มู่เหล่ยติดตามอยู่ข้างกายตี้ฝูอีมานานหลายปี และเป็นมือดีด้านการแก้กลไก เขากำลังจะเข้าไปลองแก้ประตูกลบานนี้ดู ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นประตูกลเช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็มีประสบการณ์ยิ่งนัก ให้เวลาเขาสักครึ่งชั่วยามเขาน่าจะแก้แล้วเปิดได้

นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีที่มักจะคอยวางแผนสั่งการยู่เบื้องหลังเสมอมากลับโบกมือไปทางเขา ให้เขาหลบไปอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ใช้ลำแสงสีขาวที่ร้อนแรงสายหนึ่งผ่าเข้าไปโดยตรง!

มู่เหล่ยตกตะลึง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทำเรื่องราวอย่างสุกเอาเผากินแล้ว!

ลำแสงสีขาวสายนี้ของตี้ฝูอีทำลายได้ทุกสิ่ง หลอมละลายได้ทุกอย่าง ลำแสงสีขาววนเป็นวงอยู่บนประตูรอบหนึ่ง พริบตาเดียวก็เกิดรูที่พอให้คนตัวโตๆ ผู้หนึ่งมุดเข้าไปได้ขึ้น จากนั้นเรือนกายตี้ฝูอพลันไหววูบ มุดเข้าไปข้างในทันที

มู่เหล่ยก็รีบตามเข้าไปเช่นกัน หลังจากเข้ามาแล้ว เขาก็ตะลึงงัน

ห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่ขนาดไม่เล็กเลย ตรงกลางคือเตาหลอมโอสถใบหนึ่ง บนผนังรอบข้างมีชั้นวางรูปทรงประหลาดอยู่ บนชั้นวางมีอุปกรณ์บางอย่างที่เรียกชื่อไม่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แถมยังมีขวดโหลที่มีขนาดแตกต่างกันไปอยู่ด้วย ขวดโหลเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนโปร่ง ใส ด้านในบรรจุของเหลวหลากสีสันไว้ ในของเหลวเหล่านี้แช่บางสิ่งเอาไว้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version