Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1091

บทที่ 1091 ถ้าโง่แล้วยังจะใช่นางอยู่หรือ?

ในที่สุดก็ซีจิ่วก็ยิ้มออกมาแล้ว เป็นรอยยิ้มที่ดูเสียดสีประชดประชันอย่างบอกไม่ถูก “คุณคิดว่าฉันคนนี้ความจำสั้นนักหรือไง ชาติก่อนถูกคุณควักหัวใจไปช่วยชีวิตคู่หมั้นคุณ ชาตินี้ยังจะชอบคุณโดยลืมสิ้นซึ่งความแค้นแต่หนหลังอีกหรือ? ฉันด้อยค่าขนาดนี้เชียวเหรอ?”

หลงซือเย่ถูกตอกกลับจนกระอักกระอ่วน ผ่านไปสักพักถึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ในอดีตฉันควักหัวใจของเธอเพราะมีเหตุผล และดีต่อตัวเธอด้วย…”

สายตาที่กู้ซีจิ่วมองเขาเสมือนมองคนบ้าคนหนึ่ง “คุณคงไม่คิดจะบอกว่าคุณควักหัวใจฉันไปเพราะอยากจะมอบหัวใจที่ดีกว่าให้ฉัน คงไม่คิดจะบอกว่ากับเย่หงเฟิงเป็นเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้นกับฉันสิถึงจะเป็นรักแท้ใช่ไหม? คุณเอาหัวใจของฉันไปชดใช้ความรู้สึกเธอ จากนั้นก็ฆ่าตัวตายเป็นเพื่อนฉัน รู้สึกว่าความรักนี้ช่างสะท้านฟ้าสะเทือนดินเหลือเกินสินะ? คุณพูดเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า? แต่งเรื่องอยู่หรือไง?”

เธอวนรอบตัวเขาหนึ่งรอบ “คุณรู้ไหมถ้าฉันเจอหลงซีเรื่องแรกที่ฉันจะทำคืออะไร?”

หลงซือเย่ตอบด้วยนํ้าเสียงฝาดเฝื่อน “ฆ่าฉัน?”

“โอเค ตอบถูกแล้ว! ในเมื่อคุณบอกว่าตัวเองคือเขา ถ้างั้นก็ตายซะเถอะ!” ฝ่ามือส่องประกายเยียบเย็นแวบหนึ่ง แทงไปที่ด้านหลังเขา!

หลงซือเย่ย่อมไม่ปล่อยให้เธอแทงได้ เรือนกายไหววูบ “ซีจิ่วเธอฟังฉันพูดหน่อย!”

“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว! ถ้าหากคุณคือเขาจริงๆ ในเมื่อรู้สึกผิดกับฉัน ถ้างั้นก็ให้ฉันแทงระบายแค้นก่อนสักสองแผลเถอะ!” ร่างของกู้ซีจิ่วว่องไวปานสายฟ้าแลบ วนเวียนโจมตีหลงซือเย่ไม่หยุด ถึงแม้เธอจะไม่มีพลังวิญญาณ หรือพูดอีกอย่างคือใช้พลังวิญญาณไม่เป็น แต่ทักษะวรยุทธ์ก็ยังน่าตะลึงนัก ผนวกกับวิชาเคลื่อนย้ายของเธอ เมื่อต่อสู้ในห้องจึงโฉบไปโฉบมาปานสายลมบีบให้หลงซือเย่ต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ…

กระบวนท่าของเธอเป็นกระบวนท่าของนักฆ่า ลงมืออย่าไร้ความปราณี หลงซือเย่ทำได้เพียงหลบหลีกจึงเชื่องช้าเล็กน้อย แทบจะเคราะห์ร้ายถูกแหกอกแล้ว!

และเห็นได้ชัดว่าหงซือเย่ไม่อยากสู้กับเธอ หลังจากหลบเลี่ยงอย่างถึงที่สุดแล้ว ถึงเปิดประตูแล้วทะยานออกไป…

….

ในห้องสังเกตการณ์ที่อยู่ห่างออกไป ทุกอย่างที่หลงซือเย่ประสบพบเจอปรากฏอยู่บนจอแก้วอย่างชัดเจน เมื่อเห็นหลงซือเย่ถูกกู้ซีจิ่วโจมตีอยู่หลายครั้งหลบหนีไป หลงฟั่นก็เหลือบมองท่านเจ้าผมเงินที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง “ยามนี้ท่านเจ้าวางใจแล้วกระมัง? ท่านทดสอบซํ้าไปซํ้ามาเช่นนี้ เดิมทีนางไม่มีความทรงจำของชาตินี้ แต่ถ้าถูกกระตุ้นซ้ำๆ แบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจทำให้นางนึกขึ้นมาได้!”

ทว่าท่านเจ้าผมเงินกลับดูคล้ายจะไตร่ตรองอยู่ “แต่ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่านางแปลกอยู่บ้าง”

หลงฟั่นก็ไม่ได้อารมณ์เสีย “เกรงว่าในใจของท่านเจ้าคงไม่มีผู้ใดไม่แปลกกระมัง? เมื่อก่อนท่านเจ้าก็รู้สึกว่าข้าน้อยแปลกเช่นกัน”

ทั้งสองคนน่าจะรู้จักคบค้ากันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นในเวลาที่อยู่กันตามลำพังบางครั้งหลงฟั่นก็ปฏิบัติต่อท่านเจ้าผู้นี้อย่างไม่มีใหญ่มีเล็ก

ท่านเจ้าผมเงินแย้มยิ้มแล้ว “ลูกน้องของข้า หากว่าไม่มีฝีมือหรือนิสัยที่แปลกพิสดารกว่าผู้อื่น ข้ายังจะให้ค่าอยู่หรือ เพียงแต่ที่ข้าบอกว่ากู้ซีจิ่วแปลกมิใช่นิสัยของนาง อันที่จริงข้าชอบนิสัยของนางยิ่งนัก ข้าเพียงรู้สึกว่าพฤติกรรมของนางค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมื่อนางตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในร่างโคลนนิ่ง สมควรจะรู้สึกสับสนจนเสียอาการมิใช่หรือ? อย่างน้อยก็ต้องสำรวจดูรอบข้างบ้าง”

สีหน้าหลงฟั่นราบเรียบไร้อารมณ์ “เด็กคนนี้สุขุมเยือกเย็นเสมอมา ข้ายังไม่เคยเห็นนางสับสนจนเสียอาการเลย ไม่ว่านางจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ล้วนสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวเองได้ดี ยามนี้นางเป็นเช่นนี้ก็ไม่นับว่าผิดปกติเลย”

ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจ “ดูเหมือนนางจะฉลาดเกินไปหน่อย อันที่จริงข้ารู้สึกว่าหากทำให้นางโง่ลงอีกสักนิดได้ก็คงดี”

หลงฟั่นอับจนวาจา “ถ้าโง่แล้วยังจะใช่นางอยู่หรือ?”

จู่ๆ ก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ทางด้านอู๋เหยียน(ไร้หน้า) เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? เหยียนนั่วผู้นั้นยังไม่พานางจากไปอีกหรือ?”

นํ้าเสียงท่านเจ้าผมเงินเย็นชา “อู๋เหยียนควบคุมร่างนั้นได้ไม่ค่อยดี”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version