Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1116

บทที่ 1116 เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุขึ้น

กู้ซีจิ่วอึ้งเล็กน้อย “นี่คือเหตุผลที่คุณสร้างมนุษย์โคลนนิ่งขึ้นเหรอ?”

“การโคลนนิ่งเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง ที่ฉันต้องการทำคือการปรับปรุงพันธุกรรม ทำให้คนฉลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจปล่อยให้คนชั้นตํ่าพวกนี้มีมากจนกลบคนฉลาดได้…”

เวรเอ้ย นี่มันตรรกะป่วย!

เหมือนตรรกะป่วยๆ ของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง!

ดูเหมือนคนผู้นี้ไม่ใช่แค่อยากเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ซะแล้ว แต่คิดจะเป็นพระเจ้าผู้สร้างมนุษย์!

ความคิดน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าฮิตเลอร์เสียอีก!

นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนั้นไม่น่ากลัว แต่นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ถูกแนวคิดของฮิตเลอร์ล้างสมองสิถึงจะน่ากลัว หากปล่อยให้เขาได้ครอบครองโลกใบนี้ แบบนั้นสิถึงจะเป็นโลกาวินาศของจริง!

บางทีโม่เจ้าผู้นั้นอาจไม่ใช่ตัวการหลัก ตัวการหลักที่แท้จริงน่าจะเป็นผู้อาวุโสหลงฟั่นคนนี้…

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา มองทิวทัศน์ด้านนอกไปเรื่อย

หลงฟั่นมองเงาร่างด้านข้างของเธอ แววตาสาดแสงเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็สำนึกเสียใจขึ้นมา เสียใจที่ไม่ได้ลบความทรงจำทั้งหมดของกู้ซีจิ่ว ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะเป็นเหมือนทารกแรกเกิด ยอมให้เขาอบรมสั่งสอนเติบโตแบบที่เขาคาดหวัง มิใช่มีดีมีชั่วของตัวเช่นนี้ และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขาเหมือนในยามนี้ บางทีหลังจากเขากลับไปแล้วอาจจะวิจัยตัวยาที่ลบความทรงจำไปอย่างสมบูรณ์ได้ ค่อยๆ ใช้กับเธอ…

เขาแอบวางแผนอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์

กู้ซีจิ่วกำลังมองด้านนอกไปเรื่อยเปื่อยยู่ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสถึงบางอย่าง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเหลือบมองส่งๆ แวบหนึ่ง เห็นว่าในห้องของอาคารที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารหลังนี้มีคนเข้าไปแล้ว ฝั่งนั้นมีม่านมุกโปร่งใสแขวนอยู่ ในรอยแยกของม่านมุก กู้ซีจิ่วมองเห็นคนสองคน คนที่คุ้นเคยสองคน…

เป็นอิงเหยียนนั่วที่สูงโปร่งกับ ‘กู้ซีจิ่ว’

จู่ๆ หลงฟั่นก็กุมข้อมือเธอไว้ ยิ้มน้อยๆ “ซีจิ่ว ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลยกระมัง?”

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร

สายตาของหลงฟั่นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอ ทันใดนั้นก็นึกเสียใจที่ให้เธอแปลงโฉม ตอนนี้เธอมีรอยตีนกายับย่น ต่อให้สีหน้าแปรเปลี่ยนก็มองไม่ออก

เขารู้ว่ายามปกติกู้ซีจิ่วจะทำการอย่างสุขุมเยือกเย็นนัก คิดจะทำให้เธอเสียกริยาน่าจะยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์ เพียงแต่ถ้าหากเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ด้วยความรู้สึกที่เธอมีต่อตี้ฝูอี พอพบเห็นเขา ต่อให้ทำเป็นเรียบเฉยไร้อารมณ์ อย่างน้อยหัวใจก็คงเต้นรัวบ้างกระมัง?

แต่ไม่มีเลย!

นํ้าเสียงเธอราบเรียบมั่นคง อัตราหัวใจก็ไม่เร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับแรงกระตุ้นอะไร ดูเหมือนความทรงจำของเธอจะไม่ได้ฟื้้นฟูกลับมาจริงๆ

เดี๋ยว ไม่ถูกสิ ตี้ฝูอีที่เป็นอิงเหยียนนั่วในยามนี้ กู้ซีจิ่วก็คงจะไม่รู้เหมือนกัน

ไม่ทราบเช่นกันว่าหลงฟั่นโล่งอกหรือว่าผิดหวังเล็กน้อย อันที่จริงเขายังคงชอบชมละครเป็นที่สุด หากทำให้กู้ซีจิ่วที่มีความทรงจำอยู่มาเห็นฉากนี้เข้า ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงกัน?

เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะตะโกนออกมา ดังนั้นขณะที่เขากุมข้อมือของกู้ซีจิ่วไว้ก็ถือโอกาสสกัดจุดใบ้เธอไปด้วย ทำให้เธอส่งเสียงไม่ได้เลย

ตี้ฝูอีผู้นั้นเจ้าเล่ห์เกินไป มักจะขุดหลุมดักผู้อื่นอยู่เสมอ เขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุขึ้น เขามองไปทางตี้ฝูอีครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่รู้ว่ารูปโฉมในยามนี้ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ใช่รูปโฉมที่แท้จริงของเขาหรือไม่ ดูสง่างามยิ่งนัก ซํ้ายังคลั่งรักอีกด้วย ธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นเด็ก ก็ยังอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว…

หลงฟั่นเป็นหมอชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เป็นธรรมดาที่จะมองสีหน้าคนได้ เขามองออกว่าใบหน้าของตี้ฝูอีมีเค้าความเจ็บป่วยอยู่รางๆ พลังยุทธ์อยู่ที่ประมาณพลังวิญญาณขั้นเก้า เขากับอูอู๋เหยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะที่ติดหน้าต่าง สงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาน่าจะเป็นผู้คุ้มกันทั้งสองของเขา…

อูอู๋เหยียนเล่นละครได้ไม่เลวเลย ทุกอากัปกริยาเหมือนกู้ซีจิ่วไม่มีผิด เพียงแต่อย่างไรเสียก็เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version