บทที่ 1125 ใครมุ่งร้ายใคร 6
เพียงแต่โลหิตบนร่างเป็นของ ‘ตี้ฝูอี’ จริงๆ และอูอู๋เหยียนก็เล่นละครได้ดีจริงๆ สามารถปกปิดตี้ฝูอีได้ ด้วยเหตุนี้ยามนี้จึงประสบความสำเร็จในคราวเดียวและไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างที่คาดไว้ เป็นเขาที่ประเมินสติปัญญาตี้ฝูอีไว้สูงเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อตกสู่ห้วงรัก เขาก็ไม่ต่างไปบุรุษทั่วไปเลย การลงมือครั้งนี้ราบรื่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ลูกน้องสองคนนั้นของตี้ฝูอีตกอยู่ภายใต้การรุมโจมตีของโม่เจ้า รวมถึง ยอดฝีมืออีกหลายคน จึงพลาดท่าถูกจับตัวได้เช่นกัน
….
รถม้าสิงโตเวหาที่ธรรมดายิ่งนักสามคันเหินบินผ่านฟากฟ้า กู้ซีจิ่วนอนอยู่ในรถคันหนึ่ง ผู้ที่นั่งด้านซ้ายคือโม่เจ้า ผู้ที่นั่งอยู่ด้านขวาคือตี้ฝูอีที่แปลงโฉมเป็นสตรีบรรเลงผีผา
ยามนี้ตี้ฝูอีซุกตัวอยู่ในซอกมุมหนึ่ง ความมีตัวตนเลือนรางยิ่งนัก โม่เจ้าก็ไม่สนใจจะมอง ‘นาง’ เช่นกัน
เมื่อครู่หลงฟั่นอธิบายสถานการณ์ที่พากู้ซีจิ่วมาด้วยในครั้งนี้ให้เขาฟังแล้ว แน่นอนว่าบอกเรื่องที่รับตัวสตรีบรรเลงผีผาไว้ด้วยเช่นกัน
โม่เจ้าทราบว่าหลงฟั่นกระทำการละเอียดรอบคอบ จึงไม่เก็บมาใส่ใจ ตอนนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดีที่ได้ชัยกลับมา อารมณ์ดียิ่งนัก เขาจึงพูดคุยด้วยง่ายเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อทราบจากปากหลงฟั่นว่ากู้ซีจิ่วหลบหนี เขาก็ไม่ได้ลงโทษเธออย่างจริงจัง ซ้ำยังโดยสารรถม้าคันเดียวกับเธอด้วย
ส่วนหลงฟั่นถูกจัดให้ไปนั่งรถม้าอีกคันหนึ่ง
‘ตี้ฝูอี’ บาดเจ็บสาหัส หลงฟั่นต้องรักษาลมหายใจตี้ฝูอีไว้ก่อนชั่วคราว ไม่ให้สิ้นชีพไป เนื่องจากท่านมารสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องใช้ประโยชน์เขาอยู่
กู้ซีจิ่วตัวปลอมคนนั้นก็ถูกจัดให้นั่งอยู่ในรถม้าคันนั้นด้วย ลูกน้องสองคนนั้นของตี้ฝูอีก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน และถูกจัดให้อยู่ในรถม้าอีกคันหนึ่ง จัดคนเฝ้าดูไว้ ส่วนลูกน้องคนอื่นๆ ก็เหมือนตอนขามา แบ่งเป็นกลุ่มล่ะไม่กี่คนแยกย้ายกันกลับ แบบนี้ถึงจะไม่ดึงดูดของผู้คนระหว่างทาง
และไม่ทราบว่าในใจของหลงฟั่นคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินโม่เจ้าบอกว่าเขาต้องการนั่งรถม้าคันเดียวกับกู้ซีจิ่วเขาก็จัดให้สตรีบรรเลงผีผามานั่งด้วย บอกว่ากู้ซีจิ่วเคลื่อนไหวไม่สะดวก ต้องมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ…
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามคนจึงอยู่ในรถม้าคันเดียวกันเช่นนี้แล
เนื่องจากเดินทางกลับอย่างเร่งรีบ วัตถุแปลงโฉมบนหน้ากู้ซีจิ่วเลยยังไม่ได้ล้างออก ด้วยเหตุนี้เธอจึงยังมีใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนไม้ใกล้ฝั่งอยู่ กำลังนอนพิงอยู่ตรงนั้น ถึงแม้โม่เจ้าจะชอบนาง แต่พอเห็นใบหน้าเฒ่าชราเช่นนี้ของนางก็รู้สึกหมดอารมณ์ยิ่งนัก ยังคงสุภาพอ่อนโยนดั่งสุภาพชนอยู่ตลอดการเดินทาง โบกพัดจีบในมือพูดคุยสารพัดเรื่องกับกู้ซีจิ่ว บางครั้งก็เหลือบมองสตรีบรรเลงผีผาบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อเห็นนางเรียบร้อยว่าง่ายประหนึ่งสะใภ้ตัวน้อยก็ไม่สนใจนางอีก
โม่เจ้าเห็นตี้ฝูอีเป็นหนามยอกอกเสมอมา วันนี้เมื่อจับกุมคนได้แล้วเขาจึงยินดีปรีดาอย่างยิ่ง ทั้งวงคิ้วและนัยน์ตาล้วนซ่อนเร้นความปิติภาคภูมิไว้ไม่อยู่ อันที่จริงเขาอยากทำให้ความทรงจำของกู้ซีจิ่วกลับคืนมายิ่งนัก ให้นางได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วชายคนรักของนางต้องพบจุดจบอย่างไร อยากเห็นท่าทางเจ็บปวดร้าวรานของนาง…
มิเช่นนั้นเขาจะมีความรู้สึกอึดอัดปานสวมชุดงามสง่าย่ำราตรีมืดมิด[1]อยู่ตลอด
เสมือนยามนี้ นางเห็นชัดเจนด้วยตาตนว่าตี้ฝูอีบาดเจ็บสาหัส ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้วดวงหน้าน้อยๆ ที่เดิมทีควรจะเจ็บปวดร้าวรานกลับสงบราบเรียบ ถึงขั้นที่ยังมีแก่ใจมาถกเรื่องประเพณีค่านิยมกับเขาด้วย…
จู่ๆ โม่เจ้าก็เอ่ยถามกู้ซีจิ่วประหนึ่งว่า “ซีจิ่ว เจ้าไม่สงสัยหรือว่าคนที่ข้าจับตัวมาในวันนี้คือผู้ใด?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วถามกลับไป “มีความเกี่ยวข้องกับข้างั้นหรือ?”
โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไร นัยน์ตาคู่นั้นมองดูเธอ จู่ๆ ก็เอ่ยประโยคที่ไม่สัมพันธ์กันขึ้นมา “ซีจิ่ว ไม่เคยมีผู้ใดกล้าหลบหนีออกไปจากอาณาเขตของข้ามาก่อน ถึงแม้ว่าครั้งนี้เจ้าแค่อยากหนีออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกเท่านั้น แต่ก็สมควรจะได้รับบทลงโทษเสียบ้าง และเจ้าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนความมุทะลุในครั้งนี้ของตนด้วย”
กู้ซีจิ่วคล้ายจะคาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดบัญชีย้อนหลังด้วย
“ค่าตอบแทนอะไร?”
“แต่งกับข้า!”