Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 113

บทที่ 113

นี่จะงัดข้อกับเขาหรือ?!

“คิก…” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าหากหม่อมฉันอธิบายแล้วทำให้คนเชื่อได้องค์ชายสี่จะทำอย่างไรเพคะ?”

แม่หนูน้อยช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินตํ่าเสียแล้ว! นี่จะงัดข้อกับเขาหรือ?!

องค์ชายหรงฉู่อยากจะหัวเราะเสียจริง และเขาก็หัวเราะเยาะออกมาจริงๆ “นี่เจ้าจะโจมตีข้าหรือ?”

“มิกล้าเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่อยากได้ความยุติธรรมเท่านั้น” นํ้าเสียงของกู้ซีจิ่วสงบนิ่ง แววตาของเธอเฉียบคม “องค์ชายสี่จะไม่รับก็ได้นะเพคะ”

แม้แต่คำพูดของแม่หนูน้อยคนหนึ่งก็ยังไม่กล้ารับไว้นั้นย่อมไม่ใช่เขาแล้ว!

ใบหน้าหล่อเหลาขององค์หรงฉู่บึ้งตึงเล็กน้อย “ได้ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้า! หากเจ้าสามารถอธิบายให้คนเชื่อถือได้ข้าจะทำให้เจ้าสิบสองยอมแต่งเจ้าเป็นชายาด้วยความยินยอมพร้อมใจ! และหลังจากแต่งเจ้าแล้วจะให้ปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี ไม่ให้ละทิ้งเจ้าที่เป็นชายาเอก ภายในสามปีไม่อนุญาตให้รับอนุ…”

สีหน้าของกู้เทียนฉิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย มองไปที่องค์ชายหรงเหยียนทันที

องค์ชายหรงเหยียนไม่ทันได้ระวัง จู่ๆ ก็งานเข้า ยามนี้จึงยิ้มเจื่อน “เสด็จพี่สี่…”

กู้ซีจิ่วรู้สึกช่างน่าขันเสียจริง นัยน์ตาแฝงแววเยาะเย้ย “องค์ชายสี่ช่างหยิบยืมนํ้าใจผู้อื่นมาเอื้ออารี[1]โดยแท้”

เธอเหลือบมององค์ชายหรงแหยียนแวบหนึ่ง องค์ชายหรงเหยียนถูกเธอมองด้วยสายตาเช่นนี้ในใจพลันรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด!

กู้ซีจิ่วคล้ายจะยิ้มไม่ยิ้มแล้วกล่าวต่อ “การสมรสของหม่อมฉันกับองค์ชายสิบสองเดิมทีก็เป็นฝ่าบาทประทานให้หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันใดเกิดขึ้น การสมรสครั้งนี้ย่อมต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน องค์ชายสิบสองก็ปฏิบัติ ต่อหม่อมฉัน…นับว่าไม่เลว พอแต่งกันแล้วย่อมต้องรัก ใคร่กลมเกลียว จะละทิ้งหม่อมฉันที่เป็นชายาเอกได้อย่างไร? ส่วนเรื่องสามปีไม่รับอนุ มิใช่ว่ามีกฏมณเฑียรบาลข้อนี้อยู่แล้วหรือว่าหลังจากองค์ชาย สมรสชายาเอกแล้วภายในสามปีนี้จะรับอนุไม่ได้ เพื่อ เป็นการให้เกียรติชายาเอกมิใช่หรือ? องค์ชายสี่เอามันมาเดิมพันจะไม่ชุ่ยไปหน่อยหรือเพคะ?”

ประโยคนี้ทำให้องค์ชายหรงฉู่ได้แต่กระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น และทำให้กู้เทียนฉิงอึดอัดใจยิ่งนัก!

หลังจากกู้ซีจิ่วกล่าวประโยคเหล่านี้จบแล้ว ก็มององค์ชายหรงเหยียนยิ้มๆ นํ้าเสียงอ่อนโยนอย่างที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก “องค์ชายสิบสอง ซีจิ่วพูดถูกหรือไม่? มีกฎมณเฑียรบาลข้อนี้อยู่จริงๆ ใช่ไหมเพคะ?”

องค์ชายหรงเหยียนอับจนวาจา เขาอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่กล้าตอบว่าใช่ และไม่อาจตอบว่าไม่ใช่ ได้แต่อึดอัดอยู่ตรงนั้น

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวที่อยู่ข้างๆ ตอบออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย “มีกฏมณเฑียรบาลเช่นนี้อยู่จริง แม่นางซีจิ่วพูดไม่ผิดเลยสักนิด”

องค์ชายหรงฉู่หันไปมององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวนั่งอยู่ที่นั่น อาภรณ์พลิ้วไสว รอยยับสักรอยก็ไม่มี ดูสงบเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง

เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าวันนี้กลิ่นอายของพี่ชายผู้เป็นรัชทายาทคนนี้เหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม แต่ต่างกันที่ตรงไหน เขาเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน

“มองเปิ่นกงทำไมหรือ?” ปลายนิ้วขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเคาะโต๊ะเล่นเบาๆ “น้องสี่เจ้าคงไม่ได้ลืมกฏข้อนี้ไปแล้วกระมัง?”

ใบหน้าคมคายขององค์ชายหรงฉู่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดตัดกันไปมาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “ดีมาก! ถือว่าเจ้ามีเหตุผล! ฝีปากคมนักแม่สาวน้อย ข้าดูถูกเจ้าไปหน่อย! เช่นนั้นเจ้าพูดมา เจ้าอยากพนันอะไร?” กู้ซีจิ่วกล่าวตอบ “องค์ชายสี่ฐานะสูงส่ง จะเดิมพันทั้งทีก็ต้องสมเกียรติหน่อย ไม่ทราบว่าในจวนขององค์ชายพอมีเตาหลอมโอสถบ้างหรือไม่? หากมีก็นำมันมาเดิมพัน ดีไหมเพคะ?”

เธอกล่าวสบายๆ ทว่าสีหน้าขององค์ชายหรงฉู่กลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย!

สมนัติที่เขาสะสมไว้นับว่าไม่เป็นสองรองใครในอาณาจักรเฟยซิง มีคนลือกันว่าจวนขององค์ชายสี่เช่นเขายังโอ่อ่ากว่าตำหนักองค์รัชทายาทเสียอีก

องค์ชายสี่มีนิสัยประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ของที่ยอดเยี่ยมที่สุดจะไม่เอา ดังนั้นของสะสมของเขาล้วนเป็นของชั้นเลิศทั้งสิ้น

ในจวนของเขาเก็บเตาหลอมโอสถใบหนึ่งไว้จริงๆ…เตาหลอมหยกม่วง

เล่ากันว่าระดับของมันเทียบได้กับเตาหลอมโอสถที่เจ้าสำนักถามสวรรค์ใช้

สามารถกล่าวได้ว่ามันคือสิ่งที่เหล่าผู้ปรุงโอสถฟ้าใฝ่ฝันหา ถ้ามันไม่ได้อยู่ในจวนองค์ชายสี่ที่มียอดฝีมืออยู่มากมาย เกรงว่าคงถูกคนขโมยไปนานแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version