Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1136

บทที่ 1136 โรคแอบแฝง

เมื่อตี้ฝูอีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่ามีคนคู่หนึ่งอยู่เบื้องหน้าเขา

บุรุษสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีเขียวอ่อนปักลายวารีไหลริน เครื่องหน้าดั่งสลักเสลา แววตาลึกลํ้า บุคลิกสุภาพสง่างาม พัดจีบในมือโบก

ไหวเสมือนเขาเขียวธารใส เป็นโม่เจ้านั่นเอง

ส่วนสตรีที่อยู่ข้างกายเขารูปโฉมงดงามปานบุปผาที่เจิดจ้าที่สุดบนโลกใบนี้ บุคลิกเยือกเย็น สวมชุดกระโปรงยาวแบบเดียวสีเดียวกับของโม่เจ้า คิ้ว ตาอ่อนละมุน ในมือกุมขลุ่ยไผ่เลาหนึ่งไว้ เป็นกู้ซีจิ่ว

นางคล้องแขนโม่เจ้าไว้ดุจนกน้อยที่อิงแอบแนบซบคน กำลังเอียงคอมองเขาทที่นอนอยู่บนเตียงหิน ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นคล้ายจะค่อนข้างสนใจใคร่รู้

สายตาของตี้ฝูอีตกลงบนแขนเขาที่นางเกาะเกี่ยวไว้ เท่าที่เขารู้ถึงแม้กายจิตของโม่เจ้าจะแข็งแกร่ง ดูเหมือนก่อตัวเป็นร่างเนื้อได้ และสามารถสำแดงกระบวนท่าที่ร้ายกาจยิ่งนักได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงกายจิต หากมีคนสัมผัสตัวเขาเข้าจริงๆ คนผู้นั้นจะทะลุผ่านร่างเขาไป ไม่มีทางแตะต้องเขาได้ บ้างก็ถูกพลังจากดวงวิญญาณของเขาแช่แข็ง ร่างกายแข็งทื่อไปทันที

แต่ยามนี้สองคนนั้นยื่นเกาะเกี่ยวกันอยู่ตรงนั้น กู้ซีจิ่วไม่ตะขิดตะขวงเลยสักนิด

ตอนนี้โม่เจ้ามีร่างเนื้อแล้ว!

ไม่ใช่กายจิตอีกต่อไป!

แววตาตี้ฝูอีคมปลาบ ในที่สุดก็มองข้อนี้ออก เพียงแต่ยามนี้สิ่งที่เขากังวลใจไม่ใช่เรื่องนี้ หลังจากมองโม่เจ้าแวบหนึ่งสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว ท่าทางของนางนั้นผิดไปจากปกติอย่างเห็นได้ชัด!

แววตาของตี้ฝูอีดำดิ่งลงในชั่วพริบตา “โม่เจ้า เจ้าทำอะไรนาง?!”

โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ “ไม่ได้ทำอะไรนี่ นางเป็นว่าที่ภรรยาของข้า ข้าทำร้ายนางไม่ลงหรอก แล้วจะทำอะไรนางได้อย่างไร?”

พลางตบมือน้อยของกู้ซีจิ่วเบาๆ “ซีจิ่ว ข้าปวดไหล่นิดหน่อย…”

กู้ซีจิ่วปรากฎสีหน้าวิตกทันที ดึงให้เขานั่งลงบนม้านั่งหินตัวหนึ่ง ยืนอยู่เบื้องหลังเขาทุบไหล่ให้เขาอย่างกระตือรือร้น กำปั้นน้อยๆ ทุบขึ้นทุบลง เรียวแรงกำลังพอดีไม่หนักไม่เบา โม่เจ้าพริ้มตาลงนิดๆ อย่างพอใจ ดูสำราญอย่างยิ่ง

สายตาของตี้ฝูอีมองกำปั้นน้อยๆ ของกู้ซีจิ่ว มองนางทุบขึ้นทุบลง ริมฝีปากบางเม้มแน่น!

โม่เจ้าลืมตาขึ้น หันไปสั่งการกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ข้ากระหายเล็กน้อย…”

กู้ซีจิ่วหันหลังวิ่งออกไปทันที “ข้าจะไปชงชาให้ท่าน”

ตี้ฝูอีเงียบงัน

เขามองโม่เจ้าอย่างเยียบเย็น “เจ้าใช้ยากับนาง! โม่เจ้า เจ้ารับปากแล้วว่าจะไม่ทำอันตรายนางไปชั่วชีวิต! เจ้าไม่กริ่งเกรงคำสาบานงั้นรึ?”

โม่เจ้าดีดแขนเสื้อตนคราหนึ่งอย่างไม่อินังขังขอบ “ข้าแค่ลบล้างความทรงจำทั้งหมดของนางไปจนสิ้นแล้วเท่านั้น ความทรงจำในชาติก่อนเหล่านั้นของนางเลวร้ายเกินไป ทำให้นางป็นทุกข์ตรม ยามนี้เป็นเช่นนี้ดีแล้ว นางเป็นคนใหม่อย่างสมบูรณ์แถมยังชอบเพียงข้า ใส่ใจเพียงข้า ข้าก็ไม่ได้ทำอันตรายนางนี่ กลับกันเสียด้วยซ้ำ ร่างกายของนางในยามนี้แข็งแรงอย่างยิ่ง และมีความสุขยิ่งนักทุกวัน เช่นนี้มิใช่เป็นการดีที่สุดสำหรับนางหรอกหรือ?”

ดีกับผีน่ะสิ!

กู้ซีจิ่วในตอนนี้เหมือนหุ่นกลไกตัวหนึ่ง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย นี่เรียกว่าดีหรือ?

โม่เจ้ายิ้มน้อยๆ มองดูเขา “ตี้ฝูอี หรือเจ้ามองไม่ออกว่าข้ามีตรงไหนที่ต่างไปจากเดิม”

ตี้ฝูอีหลับตาลงนิดๆ “แค่สวมใส่ถุงหนังเหม็นโฉ่ใบหนึ่งเท่านั้น มีอันใดควรค่าให้เจ้าปรีดากัน?”

โม่เจ้า พูดไม่ออกเลย

ผ่านไปครู่หนึ่งกู้ซีจิ่วก็หิ้วกานํ้าชาชุดหนึ่งเข้ามา ถึงขั้นที่หิ้วเตาดินเผาเล็กๆ ใบหนึ่งเข้ามาด้วย นั่งลงตรงนั้นเริ่มทำการชงชา ดวงตาของนางหลุบตํ่า ทุกขั้นตอนล้วนทำอย่างจริงจังยิ่ง ราวกับยามนี้ในชีวิตนางเหลือการชงชานี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version