บทที่ 1137 โรคแอบแฝง 2
กลิ่นชาฟุ้งตลบ กระตุ้นต่อมรับรสของผู้คน นางเตรียมถ้วยไว้สองใบ รินให้โม่เจ้าก่อนหนึ่งใบ ยิ้มหวานให้เขาคราหนึ่ง “ชิมดูสิว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”
โม่เจ้าดื่มเข้าไปอึกหนึ่งด้วยความพอใจ เอ่ยชมเชย “ไม่เลว!”
ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย ราวกับการได้รับคำชมเชยจากเขาเป็นเรื่องที่ทำให้นางดีใจที่สุด
ตี้ฝีอรู้สึกเสียดแทงสายตา นิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยนํ้าเสียงอบอุ่น “ซีจิ่ว ให้ข้าดื่มสักถ้วยได้หรือไม่? ข้ากระหายยิ่งนัก”
เขากระหายมากจริงๆ สถานที่แห่งนี้ยิ่งกว่าลังถึงเสียอีก อีกทั้งเขาไม่มีพลังวิญญาณคุ้มกายแล้ว ความร้อนของที่นี่แทบจะทำให้น้ำในกายของเขาระเหยไปหมดแล้ว ริมฝีปากที่เดิมทีแดงระเรื่อก็เริ่มแตกระแหงแล้ว
กู้ซีจิ่วเอียงคอมองเขา สายตาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแห้งผากของเขาครู่หนึ่ง พลางเม้มริมฝีปาก รินใส่ถ้วยอีกใบและก้าวเข้าหาเขา
นัยน์ตาของโม่เจ้าไหวเล็กน้อย ทว่ามิได้ขัดขวาง ยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น มองนางเดินไปถึงเบื้องหน้าเขา
เมื่อกู้ซีจิ่วเดินถึงเบื้องหน้าเขา จู่ๆ เรียวคิ้วบางของนางก็มุ่นขึ้นถอยหลังไปหลายก้าวขมวดคิ้วมองเขา
ตี้ฝูอีประสาทสัมผัสเฉียบคมสัมผัสได้ว่าท่าทางของนางผิดปกติ “เป็นอะไรไป?”
กู้ซีจิ่วมองริมฝีปากแห้งแตกของเขาอีกแวบหนึ่ง เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม คล้ายจะตัดสินใจได้แล้ว ในที่สุดก็กลั้นหายใจแล้วเดินไปอยู่เบื้องหน้าเขาอีกครั้ง ยื่นถ้วยชาชิดริมฝีปากเขา “ดื่มสิ เร็วหน่อย”
ตี้ฝูอีจึงดื่มนํ้าชาถ้วยนั้นในมือนางลงไป ทว่าสิ่งที่ไหลลงสู่กระเพาะกลับเป็นความขมขื่นสายหนึ่ง
เขาเพิ่งจะดื่มเสร็จกู้ซีจิ่วก็ถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเขาเป็นภัยใหญ่หลวง ถึงขั้นที่ยกเตาไฟต้มนํ้าใบเล็กของนางเขยิบออกห่างเล็กน้อยด้วย
ตี้ฝูอีมองนาง “ซีจิ่ว ให้ข้าดื่มอีกถ้วยได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว นิ่งไปเล็กน้อย หันไปถามโม่เจ้า “พี่โม่ ทำไมต้องขังคนผู้นี้ล่ะเจ้าคะ?”
สายโซ่ที่ข้อมือของตี้ฝูอีส่งเสียงดังกราวๆ
พี่โม่?!
โม่เจ้าเหลือบมองตี้ฝูอีอย่างได้ใจแวบหนึ่ง ยกมือลูบเรือนผมของกู้ซีจิ่ว “คนผู้นี้เป็นตัวชั่วช้า เป็นศัตรูตัวฉกาจของพี่โม่”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “เช่นนั้นเหตุใดไม่สังหารเขาเสีย?”
โม่เจ้าถอนหายใจเบาๆ “ถึงอย่างไรก็เป็นชีวิตหนึ่งชีวิต พี่โม่หักใจไม่ลง”
“โอ้” กู้ซีจิ่วไม่ถามต่อแล้ว ทว่าเหลือบมองตี้ฝูอีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นตัวชั่วช้า ซ้ำยังเป็นศัตรูของพี่โม่อีก ถึงข้ามีชาก็ไม่ให้เจ้าดื่มแล้ว!”
ตี้ฝูอีนิ่งงัน เขาถอนหายใจ “แค่นี้เจ้าก็เชื่อเขาแล้ว? บางทีตัวชั่วช้าอาจเป็นเขาต่างหาก…”
“เหลวไหล พี่โม่เป็นคนดี! ” กู้ซีจิ่วไม่คิดจะเสวนากับเขาต่อแล้วก้าวเข้าไปคล้องแขนโม่เจ้า “พี่โม่ พวกเราไปกันได้หรือยัง?”
โม่เจ้ามองตี้ฝูอีที่สีหน้าซีดเซียวยิ่งนักอีกแวบหนึ่ง ในใจเบิกบานเป็นพิเศษ ยามที่จากไปเขาได้ทำให้ความเบิกบานของตนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า “ตี้ฝูอี อีกสามวันจะเป็นวันมงคลของข้ากับซีจิ่ว ถึงแม้เจ้าจะเป็นศัตรูของข้า แต่ผู้ยิ่งใหญ่ใจกว้างอย่างข้าไม่ถือสาหาความกับเจ้าหรอก พอถึงเวลาจะเชิญเจ้ามาดื่มสุรายินดีกับพวกเราสักจอกแล้วกัน”
เมื่อกล่าวประโยคนนี้จบ เขาก็สังเกตเห็นว่าตี้ฝูอีกำหมัดแน่นในทันใด จึงยิ้มอย่างเปี่ยมด้วยความภาคภูมิแวบหนึ่ง จูงกู้ซีจิ่วจากไปเลย
ตี้ฝูอียังคงนอนอยู่ตรงนั้น หลุบตาลง
กู้ซีจิ่วมาหนนี้ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเขาเลยสักนิด ตอนที่นางทุบไหล่ให้โม่เจ้า ดูเป็นการทุบไหล่จริงๆ มิใช่วิธีเคาะรหัสมอสส่งข่าวสารให้เขา
ซีจิ่ว เจ้าลืมทุกอย่างไปแล้วจริงๆ หรือ?
….
บนโต๊ะมีสี่กับข้าวหนึ่งนํ้าแกง กู้ซีจิ่วนั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยม
โม่เจ้านั่งอยู่ข้างกายนาง มองนางกินอาหาร ซักพักก็ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “อร่อยหรือไม่?”