บทที่ 1154 เอาใจออกห่าง
ตี้ฝูอีบอกอาการในตอนนี้ของเขาได้อย่างแม่นยำ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ร่างโคลนนิ่งเหมือนการฝึกฝนวิชามารสวรรค์สลายร่างสละกายสามารถยกระดับพลังวิญญาณไปสู่ระดับใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็จะทำลายกฎความคงอยู่ของพลังวิญญาณ การเผาผลาญย่อมใช้พลังงานหมดรวดเร็ว ร่างกายของเจ้านี้ดูเหมือนอายุยี่สิบปี แต่ความจริงใช้ศักยภาพของทั้งยี่สิบปีจนหมดแล้ว ไม่มีศักยภาพซ่อนเร้นอื่นใดที่งัดออกมาใช้ได้อีก ไม่ถึงสิบปีร่างกายนี้จะเสื่อมสภาพ…หากเจ้าไม่เชื่อ ลองสูดหายใจเข้าอีกสักสองทีแล้วลองกดตำแหน่งห่างจากใต้วงแขนหนึ่งชุ่น…”
สีหน้าโม่เจ้าพลันเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ตี้ฝูอีพูดดูชัดเจนและมีเหตุผล เขายังคงสองจิตสองใจ แต่เมื่อกดตรงตำแหน่งที่ตี้ฝูอีบอกเหล่านั้น ก็มีความรู้สึกประหลาดบางอย่าง เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวชา เดี๋ยวบวม…
ถูกต้องตามอาการที่ตี้ฝูอีบอกทุกประการ
หากมีอาการบางจุดถูกต้องอาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หากอาการทุกอย่างถูกต้องทั้งหมดเล่า?
นิ้วมือของโม่เจ้าสั่นไหวเล็กน้อย เขามองตี้ฝูอี “เจ้ายังไม่ได้พูดโรคแอบแฝงที่แท้จริงของข้าเลย!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เมื่อเทียบกับโรคแอบแฝงที่ร้ายแรงที่สุดนี้ โรคแอบแฝงอื่นของเจ้ายังจะเรียกว่าเป็นโรคแอบแฝงได้อย่างนั้นรึ?”
โม่เจ้านิ่งอึ้ง
ขณะที่เขากำลังจะไถ่ถามเพิ่ม เงาร่างหน้าประตูพลันวาบไหว หลงฟั่นเดินเยื้องย่างเข้ามา “ท่านเจ้า เขาพูดจาเหลวไหลวทั้งนั้น!”
เห็นได้ชัดว่าหลงฟั่นได้ยินบทสนทนาระหว่างตี้ฝูอีกับโม่เจ้าผ่านจอสังเกตการณ์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
โม่เจ้าขมวดคิ้ว มองไปทางหลงฟั่น
หลงฟั่นเอ่ยขึ้นอีก “หากมีความรู้สึกตรงตำแหน่งที่เขาบอกให้กด นั่นก็เป็นเรื่องปกติ ความจริงแล้วเป็นการคำนวณตามวิธีการไหลเวียนของโลหิตและชีพจร บางตำแหน่งของร่างกายเมื่อการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นหรือขยายมากขึ้น หากมีแรงกดจากภายนอกก็จะมีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย! ท่านเจ้าร่างกายนี้สมบูรณ์แบบเป็นที่สุด ท่านเจ้าใช้ฝึกฝนได้ตามต้องการ ภายในระยะเวลาห้าปีก็จะบรรลุขั้นสิบขึ้นไปได้…คนผู้นี้พูดจาเช่นนี้เพื่อต้องการยุให้รำตำให้รั่วเป็นแน่แท้!”
โม่เจ้านิ่งไป
เขาย่อมไม่เชื่อตี้ฝูอี แต่สิ่งที่หลงฟั่นพูดมาทั้งหมดเขากลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง
ตี้ฝูอียิ้มออกมา “ข้ายุให้รำตำให้รั่ว? หลงฟั่น เจ้ารู้สภาพร่างกายของเขาชัดเจนที่สุด เจ้ากล้าพูดกับเขาหรือไม่ว่าเจ้าไม่มีอะไรปิดบัง?!”
สีหน้าหลงฟั่นแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ยิ้มเยาะกลับไปทันใด “ไม่มี…ไม่มีอะไรปิดบังอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นรึ?” ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ ไม่อธิบายอันใดกับเขาอีก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือเสียว่าข้าโป้ปดเจ้า โม่เจ้าสิ่งที่ข้าพูดไปทั้งหมดเจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อแม้แต่น้อย”
โม่เจ้าขมวดคิ้ว
คิ้วของหลงฟั่นกลับขมวดปมแน่นยิ่งกว่า เขาหันกายไปหาโม่เจ้า ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านเจ้า ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่านเจ้า สุริยันจันทราเป็นสักขีพยาน! ท่านเจ้าเชื่อเขาหรือว่าเชื่อข้าน้อย?”
อย่างไรเสียหลงฟั่นก็เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ความชัดเจนและมีเหตุมีผลในงานวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก แต่เขาไม่อาจหยั่งรู้ใจคน การจัดการเรื่องบางเรื่องยังไม่แยบยลพอ เขาถามเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าตกตํ่าไปอีกระดับแล้ว
โม่เจ้าตบไหล่เขาเบาๆ “ข้าต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว เหตุใดจะไปเชื่อใจศัตรูได้? ”
หลงฟั่นโล่งอกไปที “ท่านเจ้า พูดถึงศาสตร์การแพทย์ข้าน้อยไม่เป็นสองรองใคร! หากข้าน้อยไม่อาจรักษาโรคได้ ผู้อื่นยิ่งไม่ต้องคิดเลย ข้าน้อยวิจัย โอสถชนิดใหม่ออกมา ท่านเจ้าต้องการไปลองดูหรือไม่?”
ทดลองโอสถใหม่อีกแล้วรึ?
สองวันมานี้ เขาทดลองโอสถไปไม่ต่ำกว่าสิบชนิด กลับไม่มีตัวไหนใช้การได้เลย ส่วนนั้นของเขาอ่อนนุ่มตลอดเวลา บางครายาชนิดหนึ่งออกฤทธิ์ได้บ้างเล็กน้อย แต่คึกคักอยู่ได้เพียงครึ่งนาที ต่อมาก็จะอ่อนปวกเปียก…