บทที่ 1156 เอาใจออกห่าง 3
“ท่านเจ้ามิได้แยแสความเป็นความตายของลูกน้องอย่างพวกเราเลย แต่ผู้อาวุโสหลงกลับใส่ใจดูแล อย่างไรเสียภายในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ก็มีคนอาศัยอยู่กว่าสามร้อยคน หากถูกคนนอกบุกเข้าโจมตีเช่นนั้นก็มิใช่เรื่องขบขันแล้ว…” คนผู้นี้ก็คือหนึ่งในสามคนนั้นที่ถูกตี้ฝูอีจับเป็นตัวประกัน
คนอื่นๆ ก็พูดขึ้นมาด้วย “ใช่แล้วๆ พวกเจ้าออกไปอย่างสะดวกสบาย รอจนกลับมาแล้วต้องถูกตรวจสอบสิ ไม่แน่ว่าทุกคนอาจถูกพวกเจ้าทำให้เดือดร้อน ถูกขังไว้ในห้องมืดอีกหลายวัน…”
“อย่าได้มาท่านเจ้าเช่นนั้นท่านเจ้าเช่นนี้เลย บางทีท่านเจ้าอาจไม่ได้ใส่ใจที่นี่เลยสักนิด คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่คือคนของผู้อาวุโสหลง สมควรต้องเชื่อฟังผู้อาวุโสหลงสิ”
ทุกคนเอะอะโวยวายทะเลาะต่อยตี เสียงดังโฉ้งเฉ้งครึกครื้นยิ่งนัก
หลงฟั่นหน้าเปลี่ยนสีแล้ว รีบกระโดดออกไป “หุบปาก! พูดเหลวไหลอะไรกัน?!”
จากนั้นก็พุ่งไปทำความเคารพจุดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล “ท่านเจ้า!”
ด้านหลังเสาต้นหนึ่ง โม่เจ้าปรากฏตัวออกมา ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านเผยตัวแล้ว คนที่กำลังรบราอยู่ย่อมหยุดมือลง
โม่เจ้ากล่าวด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ที่แท้คำสั่งของท่านเจ้าเช่นข้าก็สู้คำสั่งจากผู้อาวุโสหลงไม่ได้สินะ เช่นนี้นี่เอง”
ถึงแม้เขาจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่ายิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา
หลงฟั่นกระอักกระอ่วน เวลานี้ตัวเขาไหนเลยจะกล้าพูดเป็นอื่น จึงขออภัยโม่เจ้า สั่งให้ปล่อยคนไป พลางลงโทษไม่กี่คนนั้นที่พูดจากำเริบเสิบสานว่าท่านเจ้าสู้ผู้อาวุโสไม่ได้อะไรทำนองนั้นอย่างรุนแรงไปด้วย พวกเขาโดนโบยคนละแปดสิบไม้…
โม่เจ้าที่สวมเสื้อคลุมสีดำดูราวกับทูตแห่งรัตติกาลมองดูด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดเลยสักคำ จวบจนหลงฟั่นลงโทษเสร็จ เขาถึงเหลือบมองไม่กี่คนนั้นที่พูดจากำเริบเสิบสานแวบหนึ่ง “ผู้อาวุโสหลงช่างมีใจเมตตาโดยแท้ เห็นทีว่าต่อให้พวกเขาทรยศข้า เกรงว่าผู้อาวุโสหลงก็คงหักใจลงโทษพวกเขาอย่างจริงจังไม่ลง”
นี่เห็นได้ชัดว่ารังเกียจที่หลงฟั่นลงโทษเบาไป หลงฟั่นจนปัญญา ตัดสินใจในทันใด สั่งให้นำไม่กี่คนนี้ไปประหารให้หมด เพื่อมิให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
โม่เจ้ายิ้มบางๆ แวบหนึ่ง ตบไหล่เขาเบาๆ อย่างชื่นชมยิ่งนัก “หลงฟั่น ข้ารู้ว่าเจ้าจงรักภักดีที่สุดแล้ว”
แล้วมองไม่กี่คนที่กำลังจะถูกประหารอีกแวบ เอ่ยเสริมอย่างเฉยชาประโยคหนึ่ง “กล้าวิพากษ์วิจารณ์ความขัดแย้งของข้ากับผู้อาวุโสหลง ต้องสงสัยว่ามีเจตนายุแยง คนที่ใจมิซื่อคิดคดเช่นนี้ เพียงแค่ประหารออกจะง่ายเกินไป…”
แขนเสื้อพลันกวัดแกว่ง ลำแสงห้าสีพุ่งวาบออกมา ครอบคลุมไม่กี่คนนั้นที่ถูกมัดไว้ทั้งหมด มีเสียงโหยหวนหลายเสียงแว่วออกมาจากในลำแสงนั้น หมอกโลหิตพวยพุ่งออกมาพร้อมกับเงาเลือนรางหลายสาย เงาพวกนั้นคือดวงวิญญาณของคนเหล่านั้น โม่เจ้าสะบัดแขนเสื้ออีกครา เกิดเสียงกรีดร้องเสียดหูดังขั้นอีกครั้งแล้วสลายไป
เห็นได้ชัดกว่าการลงมือครั้งนี้เขย่าขวัญทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างอดไม่ได้ถอยหลังไป
โม่เจ้าหันกลับมามองหลงฟั่นที่หน้าซีดเผือดแวบหนึ่ง “ผู้อาวุโสหลง ข้าลงโทษเช่นนี้เจ้าไม่มีความเห็นใดกระมัง?”
หลงฟั่นย่อมไม่มีความเห็นใด เขาทำได้เพียงกล่าวว่าลงโทษได้ถูกต้อง ลงโทษอย่างเป็นธรรมแล้ว
โม่เจ้ากวาดตามองฝูงชนแวบหนึ่ง “ทราบชัดเจนหรือยังว่าผู้ใดเป็นนายของพวกเจ้า?”
“ท่านเจ้า!”
“ย่อมเป็นท่านเจ้า” คนมากมายเอ่ยตอบ
โม่เจ้าถึงได้พอใจหันหลังจากไป
หลงฟั่นมองดูเงาหลังของเขา หนาวยะเยือกไปทั้งใจ เดิมทีเขายังคงอยากถามโม่เจ้าว่าจะส่งไม่กี่คนนั้นไปทำอะไร ยามนี้ไม่อาจถามได้แล้ว
อำนาจสูงสั่นคลอนนาย[1] ยามนี้เขามีอำนาจสูงจนสั่นคลอนผู้เป็นนายแล้ว
อีกทั้งโม่เจ้าอยู่ในราชวงศ์ที่แก่งแย่งชิงดีกันมานานหลายปี จักรพรรดิจัดการกับขุนนางมีผู้มีคุณูปการเช่นไร เรื่องเหล่านั้นโม่เจ้ากระจ่างแจ้งดี ได้เรียนรู้มา และเอามาใช้กับเขา ตอนนี้โม่เจ้ายังต้องใช้ประโยชน์จากเขา ย่อมไม่ทำอะไรเขาจริงๆ…
———————————————————————
[1] อำนาจสูงสั่นคลอนนาย หมายถึง คนที่มีความสามารถโดดเด่นจนทำให้ผู้เป็นนายหวาดระแวง