บทที่ 1185 เธอมิอาจต่อสู้เพียงลำพัง
เดิมทีลูกน้องของเขาก็แตกความสามัคคีกันอยู่แล้ว หากตี้ฝูอีเป็นเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ลูกน้องเหล่านี้คงไม่หวาดหวั่นเมื่อต้องลงมือ แต่หากพวกเขาคิดว่าตี้ฝูอีเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีจิตใจอยากสู้รบได้อย่างไร?!
เขาก็ตอบสนองได้รวดเร็ว รีบแค่นเสียงเยาะหยัน “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? เจ้าจะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?! เจ้ากับเขานิสัยไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย! อย่ายกยอตัวเองไปหน่อยเลย!”
ตี้ฝูอียิ้มอย่างไม่แยแส ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “เรื่องนี้ก็พูดยาก!”
ฝูงชนต่างมองกันไปมา สีหน้าสงสัย ความจริงพวกเขาก็คิดว่าตี้ฝูอีไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน…
โม่เจ้าเกรงว่าเรื่องราวจะยืดเยื้อ ออกคำสั่งทันที “คนผู้นี้ยังคิดแสร้งทำตัวเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ลุยเข้าไปพร้อมกันเลย! ไม่ว่าเขาเป็นใคร ครั้งนี้พวกเจ้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจนัก หากปล่อยให้หลบหนีไปได้ พวกเจ้าก็จะไม่มีใครรอดสักคน! ฆ่าเขา!”
ฝูงชนมองกันไปมาอยู่หลายครา ในที่สุดก็ตั้งสติได้!
ทุกคนต่างรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคำพูดของโม่เจ้าสมเหตุสมผล ที่นี่แทบไม่มีใครเป็นคนดี ต่างเป็นผู้ติดตามคนชั่วช้าสามานย์ ครั้งนี้จะจัดการตี้ฝูอีให้ถึงที่สุด หากปล่อยตี้ฝูอีหลบหนีไป พวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตรอดต่อไปอย่างไร?!
ดังนั้นฝูงชนจึงรายล้อมเข้ามาอีกครั้ง กลายเป็นกำแพงมนุษย์แนวหนึ่งล้อมพวกตี้ฝูอีเอาไว้ ดาบกระบี่พร้อมมือ นิ้วมือประสานมุทรา รังสีอำมหิตแผ่คลุมไปทั่วทั้งห้องโถงราวพายุพัดโหมกระหนํ่า ถึงแม้ตี้ฝูอีมีพลังวิญญาณขั้นเก้า ทว่าเขากับกู้ซีจิ่วจำนวนคนน้อยกว่า อีกทั้งเข้ามาภายในฐานลับของพวกตน พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะพลิกแผ่นฟ้าหนีออกไปได้จริง!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เขาใช่ ในเมื่อทำให้ขุ่นเคืองใจแล้ว ก็คงต้องตกกระไดพลอยโจน กำจัดเขาให้สิ้นซาก!
ศึกใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นแล้ว!
กู้ซีจิ่วยืดตัวยืนตรง เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงศึกอันโหดร้ายนี้ได้ เคราะห์ดีที่ตี้ฝูอียังมีพลังวิญญาณเธอมิอาจต่อสู้เพียงลำพังได้
โม่เจ้าถอยออกจากวงล้อมอย่างเยือกเย็น เขาบาดเจ็บสาหัส ความจริงเขาฝืนทนออกคำสั่งมาโดยตลอด ยามนี้เรียกขวัญและกำลังใจกลับมาได้แล้วจึงสบายใจได้ไปเปลาะหนึ่ง ตอนนี้หมอหลี่อยู่ข้างกายเขาเอ่ยขึ้น “ท่านเจ้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าน้อยรักษาบาดแผลให้ท่านก่อนดีไหมขอรับ?”
เวลาสำคัญเช่นนี้กลับเป็นคนผู้นี้ที่ยังจงรักภักดีต่อเขา
โม่เจ้าไม่ค่อยเข้าใจศาสตร์การแพทย์ เมื่อสักครู่ถึงแม้เขาห้ามเลือดไปแล้ว แต่ยังปวดแสบปวดร้อนบริเวณบาดแผล และยังไม่ทันได้ทำแผล…
โม่เจ้าพยักหน้าเบาๆ “รบกวนเจ้าแล้ว”
เขาถอยกลับไปที่มุมหนึ่ง ถอดสาบเสื้อด้านนอกออก เผยให้เห็นบาดแผลเหวอะหวะ
หมอหลี่ไม่พูดพรํ่าทำเพลง หยิบผ้าพันแผล สำลี ยานํ้า ขี้ผึ้งออกมา เขาถือยานํ้าพลางพูด “ท่านเจ้า บาดแผลของท่านต้องจัดการล้างให้ดีเสียก่อน มันจะเจ็บปวดนิดหน่อย ท่านอดทนหน่อยนะขอรับ”
ยานํ้านั้นเป็นสีม่วงอ่อน เป็นยานํ้าที่ใช้ล้างแผลเป็นประจำเหมือนแอลกอฮอล์ช่วยฆ่าเชื้อโรค
โม่เจ้าพูด “ไม่เป็นไร”
หมอหลี่ยกมือขึ้นกำลังจะเทยานํ้าลงบาดแผลของเขา…
โม่เจ้าจับมือที่ถือยานํ้านั้นในทันใด “ช้าก่อน!”
หมอหลี่เงยหน้าอย่างประหลาดใจ “ท่านเจ้า?”
โม่เจ้าหยิบยานํ้าในมือเขามา “ลูกน้องผู้จงรักภักดีต้องทดลองยาก่อน เจ้าลองใช้มันก่อน…”
…ยังไม่ทันพูดจบ เบื้องหน้าก็สาดแสงอันเย็นเยือก!
กระบี่มรกตปรากฏที่มือซ้ายของหมอหลี่ผู้นั้นแล้วแทงไปที่โม่เจ้า!
โม่เจ้ากลับเตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้ว แค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง “ว่าแล้วเจ้าดูไม่ชอบมาพากล!”
ฝ่ามือด้านซ้ายหยุดยั้ง มือด้านขวาสาดยานํ้าใส่หมอหลี่!
ทั้งสองประมือกันอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด