Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 121

บทที่ 121

มิใช่ต้องหมดหวังไปตลอดกาลเลยหรือ!

“เตาหยกม่วงสมปรารถนา เตาหลอมโอสถระดับแปด สามารถหลอมกลั่นยาลํ้าค่าระดับแปดได้ เป็นเลิศในหมู่เตาหลอมโอสถ กู้ซีจิ่ว ถ้าเจ้าชนะ เตาหลอมโอสถนี้จะเป็นของเจ้า ข้าจะประทับนามของเจ้าลงไปเองกับมือ ผู้ ใดก็ไม่อาจแย่งชิง หากเจ้าสิ้นชีพเตาหลอมใบนี้ก็จะถูกทุบจนแหลกและฝังไปพร้อมกับเจ้า ถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ แล้วเตาหลอมใบนี้ตกอยู่ในมือผู้ใดล้วนถือว่าเป็นการขโมยทั้งสิ้น จวนทูตสวรรค์ของข้าจะออกหน้าช่วยเจ้าตามทวงคืนกลับมาและลงโทษหัวขโมย ถ้าหากเจ้าพ่ายแพ้ข้าก็จะตัดสิ้นของเจ้าด้วยมือของข้า และกำกับควบคุมให้เจ้าแต่งเป็นอนุขององค์ชายสิบสอง ชั่วชีวิตไม่อาจหย่าร้างได้…”

นํ้าเสียงเยือกเย็นดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ของเทียนจี้เยวี่ยดังขึ้นในโถงใหญ่ ดวงตากระจ่างดุจวารีของเขากวาดมองผู้คน “ฟังเข้าใจกันทั่วใช่ไหม?”

กู่ซีซีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เตาหยกม่วงสมปรารถนานี้ นางก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ครั้งนี้นางลงเขามาใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์ชายหรงฉู่ จุดประสงคหลักคือมาเพื่อเตาหลอมโอสถใบนี้

นางยังหาจังหวะขอให้องค์ชายหรงฉู่นำเตาหลอมใบนี้มามอบให้นางไม่ได้ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะถูกเอามาวางเป็นของเดิมพันที่นี่!

หากตนชนะยังพอว่า แต่ถ้าแพ้ มิใช่ต้องหมดหวังไปตลอดกาลเลยหรือ!

เดิมทีในใจของนางยังมีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง ต่อให้ครั้งนี้กู้ซีจิ่วบังเอิญโชคดีชนะแล้วได้เตาหลอมโอสถนี้ไป ด้วยฝีมือของสวะไร้ค่าผู้นี้ คงไม่อาจรักษาของสิ่งนี้ไว้ได้ นางมีวิธีนำเตาหลอมโอสถใบนี้กลับมาได้อีก แต่ตอนนี้..

ในใจนางรู้สึกสำนึกเสียใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเห็นกู้ซีจิ่วท่าทางคล้ายมีแผนอยู่ในใจ ยิ่งทำให้นางรู้สึกสำนึกเสียใจมากขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้นางไม่มีทางหนีทีไล่เลย ทั้งยังเป็นธรรมนัก ทำให้นางไม่สามารถกล่าวเป็นอื่นได้ได้แต่กัดฟันพูดว่า “เข้าใจ”

คนอื่นๆ ก็ไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน

เทียนจี้เยวี่ยเคาะโต๊ะดังกึก ไม่หนักไม่เบา แต่ราวกับเคาะลงบนหัวใจของผู้คน “กู้ซีจิ่ว เจ้ากล่าวเหตุผลของเจ้าออกมาก่อน”

ในอาคารขนาดใหญ่ทุกที่นั่งล้วนเต็มไปด้วยผู้คน แต่กลับเงียบเชียบถึงขั้นเข็มสักเล่มหล่นลงพื้นก็ยังได้ยิน

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้ซีจิ่ว อยากฟังว่าท้ายที่สุดแล้วนางจะอธิบายอะไรออกมา ตกอยู่ภายใต้สายตาของผู้คนมากมายขนาดนี้ กู้ซีจิ่วก็ยังคงสงบนิ่งเสมือนมาท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ผลิเหมือนเดิม ในที่สุดเธอก็เปิดปากพูด “ขอเรียนถามใต้เท้าหน่วยข่าวกรอง เจ้าสำนักถามสวรรค์มีลูกศิษย์ชื่อกู่ซีซีเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงหรือไม่?”

เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองผู้นั้นไม่คิดเลยว่าคำถามแรกที่กู้ซีจิ่วถามจะตกใส่ศีรษะตน เขาดูแลรับผิดชอบเรื่องข่าวสารในใต้หล้านี้ ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว! สตรีศักดิ์สิทธิ์กู่ซีซีเป็นศิษย์คนเล็กสุดของเจ้าสำนักถามสวรรค์’

กู้ซีจิ่วพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวต่อ “ในเมื่อเป็นศิษย์ของเจ้าสำนัก ก็น่าจะเข้าใจตัวตนและพฤติกรรมของอาจารย์อย่างละเอียดลึกซึ้งถึงที่สุดสินะ? ต่อหน้าผู้คนก็ สามารถปกป้องภาพพจน์ของอาจารย์ได้ใช่ไหม?”

วาจานี้กล่าวได้ถูกต้อง ฝูงชนพากันพยักหน้า

กู่ซีซีสะกดกลั้นโทสะเอาไว้ไม่อยู่จึงเอ่ยขึ้น “ข้าย่อมเข้าใจตัวตนและพฤติกรรมของอาจารย์แน่อยู่แล้ว ทั้งยังซื่อสัตย์ภักดีต่ออาจารย์ด้วย มีข้าอยู่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดว่าร้ายเขาทั้งนั้น!ประโยคที่เจ้าพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?”

กู้ซีจิ่วหัวเราะเสียงเย็น “ท่านเข้าใจตัวตนของอาจารย์ท่านเป็นอย่างดีหรือ? เช่นนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามท่าน หลายปีมานี้เจ้าสำนักถามสวรรค์รักษาคนจนหายดีไปทั้งหมดเท่าไหร่? มีฐานะใดบ้าง?”

กู่ซีซีตะลึงงัน นางเข้าสำนักค่อนข้างช้า เกี่ยวกับคำถามข้อนี้นางยังไม่เคยนับสถิติจริงๆ…

แต่นางไม่นึกเลยว่าจะถูกกู้ซีจิ่วถามเข้า ลอบสูดลมหายใจเข้าไปพลางตอบ “ข้าย่อมทราบ ท่านอาจารย์ของข้าไม่ตรวจอาการให้ใครง่ายๆ ยามนั้นองค์ชายของ อาณาจักรห้าวเยวี่ยเจ็บป่วยกะทันหันก็ยังมิสามารถเชื้อเชิญอาจารย์ของข้าให้ลงจากเขาได้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version