Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1219

บทที่ 1219 ประมุขเงือกงามมากหรือ?

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

สถานที่ที่อยู่ลึกถึงเพียงนี้ต่อให้ลูกบาศ์กเหล็กก็จะถูกนํ้ากดทับจนกลายเป็นแผ่นเหล็ก นึกไม่ถึงเลยว่า ‘บุปผาตูม’ ดอกนี้กลับแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูบอบบางนุ่มนวล ทว่าไม่มีทีท่าว่าจะบุบสลายเลยสักนิด บุปผาตูมดอกนี้ถูกเด็กสาวชาวเงือกสองนางนั้นควบคุมไว้ตลอด ดูผ่อนคลายยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง สองปีก่อนตี้ฝูอีเคยพาเธอลงไปใต้มหาสมุทรลึกเหมือนกัน ฟองอากาศที่เขาสร้างขึ้นมาค่อนข้างคล้ายคลึงกับบุปผาตูมดอกนี้ บางทีสิ่งปลูกสร้างใต้มหาสมุทรหลังนั้นของตี้ฝูอีอาจเป็นชาวเงือกกลุ่มนี้สร้างให้เขากระมัง?

เธอกล่าวข้อสงสัยในใจออกมา สุดท้ายก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง ‘ฟองอากาศของท่านคงมิใช่ครูพักลักจำมาจากพวกเขากระมัง?’

ตี้ฝูอีตอบหน้าตาย ‘ทักษะนี้เป็นข้าที่ถ่ายทอดให้พวกเขา’

‘ขี้โม้!’ กู้ซีจิ่วไม่เชื่อ ‘หรือว่าเมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยโผล่ออกมาเลย?’

‘โง่งม พวกเขาอาศัยอยู่ในมหาสมุทรลึก ปกติแล้วไม่โผล่จากนํ้าง่ายๆ ต่อให้บางครั้งโผล่จากนํ้าก็เป็นการออกไปว่ายนํ้าเล่นเท่านั้น จวบจนข้าคิดค้นสิ่งนี้ให้พวกเขา พวกเขาถึงเริ่มโดยสารสิ่งนี้ออกจากทะเลหรือไม่ก็รับผู้คน…’

‘รับคน? พวกเขารับคนจากบนบกไปเป็นแขกหรือ?’

‘ชาวเงือกทำการค้ากับมนุษย์บนบก มิเช่นนั้นบนบกจะเอาใยไหมชาวเงือกพวกนั้นจากไหนมาขายเล่า? เพียงแต่มนุษย์ที่สามารถไปมาหาสู่ทำการค้ากับพวกเขาได้ล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากพวกเขาหลายชั้น ทั้งโลกนี้มีอยู่ไม่ถึงสิบแปดคน’

‘ท่านคือหนึ่งในนั้นหรือ?’

‘ไม่ ข้าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติที่สุดของพวกเขา ข้าเป็นสหายกับประมุขเงือกของที่นี่’

กู้ซีจิ่วฉงน ‘ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะมีสหายด้วย’

เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ถึงแม้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะอาศัยฐานะของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่องไปทั่วหล้าอยู่บ่อยครั้ง เป็นหัวหน้าของสานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้า แต่เขากับทูตสวรรค์ฝ่ายขวาและคนอื่นก็ไม่นับว่าสนิทสนมกัน สี่คนนั้นถ้าจะบอกว่าเป็นสหายไม่สู้กล่าวว่าเป็นลูกน้องดีกว่า ยาก

นักที่จะได้เห็นคำว่า ‘สหาย’ ออกมาจากปากเขา

ตี้ฝูอีเอนหัวซบไหล่เธอ ‘วาจานี้เจ็บแสบอยู่บ้าง เหมือนที่เจ้าบอกไว้ไง ฉินฮุ่ยยังมีสหายตั้งสามคน นับประสาอะไรกับข้าเล่า?’

ลมหายใจของเขาเป่ารดริมหูเธอ ทำให้ใบหน้าซีกหนึ่งของเธอร้อนผ่าวคันยุบยิบ เธอผลักหน้าเขาออกไปด้านข้าง ‘ที่แท้วันนี้ท่านก็หลอกข้ามาเจอสหายของท่าน’

ตี้ฝูอียิ้มแล้วคล้องเอวของเธอไว้แน่น ‘ลูกสะใภ้จะช้าจะเร็วก็ต้องพบพ่อแม่สามี เจ้าจะกลายเป็นศรีภรรยาของข้าแล้ว ไม่มีพ่อแม่สามี พาเจ้ามาพบสหายของข้าก็เหมาะแล้วมิใช่หรือ?’

กู้ซีจิ่วหน้าร้อนวาบ ‘ใครจะเป็นศรีภรรยาของท่านกัน? ข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะแต่งให้ท่านเลย!’

ปากเอ่ยเช่นนี้ ทว่าในใจกลับหวานลํ้า

ในใจเธอยังคงสนใจใคร่รู้ในตัวประมุขเงือกผู้นี้ยิ่งนัก เงือกสาวสองนางมารับคนยังเพริศพริ้งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นประมุขเงือกก็ต้องเป็นโฉมงามล่มบ้านล่มเมืองได้เป็นแน่ เนื่องจากตลอดทางเงือกสาวสองนางนั้นพูดคุยกันเรื่องงานชมบุปผาอะไรสักอย่าง ซํ้ายังบอกว่าด้วยรูปโฉมอันงดงามรวมถึงการร้องรำของประมุขเงือกของพวกนาง จะต้องโดดเด่นเลิศลํ้าเป็นแน่

‘ประมุขเงือกงามมากหรือ?’ กู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงถามอีกครั้ง

‘อืม งามมาก!’ ตี้ฝูอีไม่ตระหนี่คำชมเชย

‘ร้องรำเลิศลํ้าทั้งสองแขนงหรือ?’

‘มิผิด ร้องรำไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเลย ถึงขั้นที่ยอดเยี่ยมกว่า เมื่อประมุขเงือกร่ายรำ สามารถถล่มโลกาได้ เรื่องนี้ได้รับการยอมจากคนทั้งแผ่นดินไม่มีผู้ใดเห็นต่าง ข้าคิดว่าบางทีเจ้าอาจมีคุณสมบัติพอประชันกับประมุขเงือกได้นะ’ ตี้ฝูอียิ้มละไม สุ้มเสียงแฝงความชื่นชมต่อประมุขเงือกผู้นั้นด้วยใจจริง

ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย ‘เช่นนั้นจะต้องเปิดหูเปิดตาเสียแล้ว!’

ดูเหมือนตี้ฝูอีจะคาดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่น นี้ ‘เด็กน้อย เจ้าไม่หึงหวงหรือ?’

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ‘มีอะไรให้หึงกัน?’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version