บทที่ 1253 จากไปตอนไหน?
คืนนั้นเธอทำตัวซุกซนยิ่งนักอยู่ทั้งคืน หลังจากให้ตี้ฝูอีแบกเธอลงเขาแล้ว ก็ให้เขาแบกเธอขึ้นเขาอีกครั้ง บอกว่าเธอชอบความรู้สึกที่ซบอยู่บนหลังแล้วฟังเสียงหัวใจเขา เคราะห์ดีที่ตี้ฝูอีไม่ใช่คนธรรมดา การแบกเธอไม่เปลืองแรงเลยสักนิด สำหรับเขาแล้วง่ายดายเสมือนถือกระดาษแผ่นหนึ่ง
การเดินเล่นเช่นนี้ก็แปลกใหม่ดี บางทีอย่างไรเสียในใจตี้ฝูอีก็อาจรู้สึกผิดต่อเธอ ดังนั้นถึงเธอใช้วิธีทรมานเคี่ยวกรำเช่นนี้เขาก็ยอมรับ แบกเธอไว้แล้วเดินกลับไป และฟังเธอร้องเพลงไปตลอดทาง
เมื่อกลับมาถึงตำหนักน้ำแข็ง กู้ซีจิ่วก็หารือกับตี้ฝูอี บอกว่าอยากพาสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัวกลับไปอวดโอ้ด้วย
ตี้ฝูอีใคร่ครวญแล้วว่าตำหนักน้ำแข็งแห่งนี้ก็ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณของพวกมันหล่อเลี้ยงแล้ว จึงตอบตกลง ดูเหมือนเขาจะเสพติดการเดินเล่นไปเสียแล้ว “ไปเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้ากลับ”
กู้ซีจิ่วยิ้ม “พอเถอะ ท่านก็เหนื่อยแล้ว ข้าเคลื่อนย้ายกลับไปเองก็ได้ ถ้าท่านไปส่งข้ากลับจะต้องรบกวนผู้อื่นอีก ทำให้คนของจวนแม่ทัพต้องวุ่นวายยิ่งนักเพื่อต้อนรับท่าน อีกอย่างข้าแอบออกมานะ มิสู้กลับไปแบบแอบๆ ด้วยดีกว่า เทพไม่รู้ผีไม่เห็น มิใช่เป็นการดีที่สุดหรอกหรือ?”
ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล ตี้ฝูอีจึงตกลง
คืนนี้นางติดเขายิ่งนัก ยามจะจากไปยังกอดเขาหนักๆ อีกคราหนึ่งด้วย แล้วถึงพาสัตว์เลี้ยงทั้งสามเคลื่อนย้ายจากไป
ตี้ฝูอีรอจนนางจากไป รู้สึกอยู่ตลอดว่านางดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ครุ่นคิดแวบหนึ่ง แล้วติดต่อองครักษ์เงาที่ประจำการอยู่ทางนั้น
องครักษ์เงาผู้นั้นบอกว่าแม่นางกู้กลับมาแล้ว กำลังอาบน้ำอยู่ เตรียมจะเข้านอนแล้ว…
กู้ซีจิ่วมีความเคยชินอยู่ย่างหนึ่ง ก่อนเข้านอนต้องแช่น้ำโรยกลีบบุปผา ดังนั้นตี้ฝูอีจึงคลายใจลง
เขาก็ค่อนข้างอ่อนล้าเช่นกัน ตัดสินใจนั่งสมาธิฟื้นฟูอีกครั้ง ก่อนนั่งสมาธิได้สั่งการลูกน้องว่าถ้าไม่มีเรื่องร้ายแรงเร่งด่วนห้ามรบกวนเขา ลูกน้องย่อมตอบรับไว้
….
การนั่งสมาธิเป็นวิธีฟื้นฟูที่เร็วที่สุดของเขา ยามนี้ไร้เรื่องกวนใจ การนั่งสมาธิครั้งนี้จึงกินเวลาทั้งคืน จวบจนแสงตะวันสว่างจ้า เขาถึงลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่ากำลังวังชาของตนฟื้นฟูขึ้นไม่น้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ติดต่อกับองครักษ์เงาคนนั้นอีกครั้ง กลับนึกไม่ถึงว่า ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้เลย เขาใจหายวาบ องครักษ์ผู้นั้นจัดการเรื่องราวได้ดียิ่งนัก หากไม่เกิดเรื่องขึ้นไม่มีทางติดต่อไม่ได้
เขาคร้านจะสั่งการให้พวกมู่เฟิงไปดู เลยใช้วิชาย่นระยะพันลี้ไปจวนแม่ทัพด้วยตัวเองทันที จากนั้นก็พบว่ากู้ซีจิ่วหายไปแล้ว!
ส่วนองครักษ์เงาผู้นั้นถูกมัดเหมือนบ๊ะจ่างวางไว้บนตั่งนุ่มตัวหนึ่งในห้องของนาง เมื่อเห็นตี้ฝูอีเข้ามา สีหน้าขององครักษ์เงาผู้นั้นเต็มไปด้วยความละอาย ส่งเสียงร้องอู้อี้ เสียงเบายิ่งกว่าเสียงหึ่งๆ ของยุง
ตี้ฝูอีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เชือกมัดเซียนบนร่างองครักษ์เงาผู้นั้นก็คลายออก เขาขยับนิ้วในอากาศอีกไม่กี่ครา จุดที่ถูกสกัดไว้ขององครักษ์เงาผู้นั้นก็คลายออก
“เกิดอะไรขึ้น?!”
องครักษ์เงาผู้นั้นกระเด้งตัวขึ้นมา หน้าแดงเหมือนกวนอู “ข้าน้อยไร้ความสามารถ ถูกแม่นางกู้พบตัวและลอบโจมตีได้สำเร็จ…”
ตี้ฝูอีกำมือแน่น “เช่นนั้นนางไปที่ใด? จากไปตอนไหน?”
“ประมาณ…ประมาณเที่ยงคืนขอรับ ข้าน้อยเห็นนางสั่งการให้คนไปเตรียมถังน้าเพื่ออาบน้ำ จึงหลบฉากไปพักหนึ่ง ออกไปลาดตระเวนนอกเรือนสักหน่อย คาดไม่ถึงว่าขณะที่ลาดตระเวนอยู่จะถูกนางลอบโจมตี ลากกลับมาที่ห้องของนาง…ใช่แล้ว ก่อนนางจะจากไปได้ยัดจดหมายฉบับหนึ่งใส่แขนเสื้อข้าน้อย ให้ข้าน้อยมอบให้ท่านขอรับ”
องครักษ์ผู้นั้นรีบล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากร่างตนแล้วยื่นให้
ตี้ฝูอีเปิดออกอ่านดูแวบหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ!
บนจดหมายมีเพียงข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ‘ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เห็นแก่มิตรภาพของพวกเรา ร่างนั้นข้ายินดียกให้ท่าน ข้าไม่ต้องการความรู้สึกและการชดเชยจากท่าน…’