Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1262

บทที่ 1262 เจ้าสารเลว

“เปลี่ยนข้าวสารเป็นข้าวสุกไง! ทำให้นางกลายเป็นคนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เสีย เจ้าดูเถอะว่านางจะยังแก่นได้หรือไม่! สตรีบางคนก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งเจ้าทะนุถนอมนาง นางยิ่งไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินตํ่า คอยหาเรื่องอยู่รํ่าไป แต่หลังจากเปลี่ยนให้กลายเป็นคนของเจ้า เจ้าใช้ไม้ตีนางก็ไม่ไป มอบกายถวายชีวิตติดตามเจ้า…” มู่อวิ๋นพูดอย่างคึกคักเจื้อยแจ้วไม่หยุด

“วิธีของเจ้าไม่เลวเลยนี่…” ในที่สุดทางนั้นก็มีเสียงแว่วขึ้น เยียบเย็นปานธารนํ้าแข็งที่แตกร้าว

มู่อวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีแล้ว มือเริ่มสั่นระริก “ทะ…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”

“แต่กู้ซีจิ่วเป็นว่าที่ฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์นับเป็นเจ้านายของเจ้าเช่นกัน เจ้าลามปามนางเช่นนี้รู้ความผิดหรือไม่?”

“รู้ความผิด…ข้าน้อยรู้ความผิดแล้วขอรับ…”

“ในเมื่อทราบความผิดแล้ว เช่นนั้นก็อย่าให้เปิ่นจุนพูดมากความ หลังจบเรื่องครั้งนี้แล้ว เจ้าจงไปรับโทษที่หุบเหมันต์ด้วยตัวเองเถอะ อากาศที่นั่นไม่เลว หนาวเย็นทำให้สติเจ้าแจ่มใสปลอดโปร่งได้อย่างดี”

มู่อวิ๋นจะร้องไห้แล้ว “ขอรับ…”

ผ่านไปสักพัก มู่เฟิงที่อยู่ด้านนั้นก็เอ่ยปลอบอย่างไม่จริงใจสักเท่าไหร่ “มู่อวิ๋นเอ๋ย ข้าได้ยินว่าอุณหภูมิในหุบเหมันต์แห่งนั้นลดตํ่าลงมากแล้ว ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กคนหนึ่งเมื่อถึงในนั้นแล้วก็ถูกแช่แข็งได้ ข้าอยากหาคนไปทดสอบอุณหภูมในนั้นอยู่พอดี ประจวบเหมาะเหลือเกิน เจ้าส่งตัวเองมาให้ถึงประตูแล้ว”

มู่อวิ๋นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มู่เฟิง เจ้าสารเลว ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างๆ เจ้าทำไม…เจ้าไม่บอกก่อนเล่า?!”

มู่เฟิงตอบด้วยนํ้าเสียงไม่ทุกข์ร้อน “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ข้างๆ ข้านี่”

มู่อวิ๋นพูดไม่ออกแล้ว

มู่เฟิงปลอบใจเขาอีกครั้ง “วางใจเถอะ หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ข้าจะไปส่งเจ้าเข้าไปเอง อย่างไรก็ตามเห็นแก่ความเป็นพี่น้องข้าจะอะลุ่มอล่วยให้เจ้าก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะยอมให้เจ้าเอาเสื้อบางๆเข้าไปได้อีกตัวแล้วกัน”

มู่อวิ๋นโมโหจนปิดป้ายหยกสื่อสารไปทันที

อุณหภูมิต่ำสุดของหุบเหมันต์ติดลบเกือบแปดสิบองศา อย่าว่าแต่พกเสื้อบางๆ เพิ่มไปสักตัวเลย ต่อให้พกเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้าไปก็ยังไม่มีประโยชน์เลย!

….

ป่าทมิฬมีทั้งหมดแปดยอดเขา ยอดเขาที่แปดมีเขตแดนอยู่ บนยอดเขาที่แปดไม่ว่าจะมีสัตว์ร้ายที่น่าเหลือเชื่อสักเพียงใดขอเพียงมีเขตแดนอยู่ ก็ฝ่าออกมาไม่ได้ เขตแดนนั้นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ติดตั้งไว้ หากมีคนบุกรุกเข้าไป ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะทราบเป็นคนแรก พวกเขาค้นหาตั้งแต่ยอดเขาที่เจ็ดลงไปก็พอแล้ว

พวกมู่เฟิงคิดว่าขอเพียงไปถึงป่าทมิฬจะต้องหาร่องรอยของกู้ซีจิ่วพบอย่างง่ายดายเป็นแน่…

ถึงอย่างไรข้างกายนางก็มีสัตว์วิญญาณติดสอยห้อยตามอยู่สามตัว และเจ้าสามตัวนั้นก็อยู่ไม่สุขสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนล้วนเอะอะมะเทิ่งเสมอ ขอเพียงหาสถานที่ที่วุ่นวายคึกคักที่สุดพบจะต้องสืบพบอย่างง่ายดายแน่นอน…

ไม่ว่าจะยอดเขาไหนของป่าทมิฬ ล้วนมีสัตว์ร้ายอยู่มากมาย กฎเกณฑ์ตามธรรมชาติของที่นี่ย่อมป็นผู้แข็งแกร่งถึงจะอยู่รอด ถูกปฏิบัติอย่างถึงแก่นแท้ ทุกหนทุกแห่งในป่าล้วนมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นทุกวัน ความวุ่นวายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจุดเดียว ด้วยเหตุนี้เทวทูตทั้งสี่จึงได้รับชมหรือไม่ก็เป็นสักขีพยานในการประลองหรือเข่นฆ่ากันระหว่างสัตว์ร้ายกับสัตว์ร้ายในป่าทมิฬอยู่เนืองๆ สัตว์ร้ายชนิดใดล้วนมีทั้งสิ้น มีการต่อสู้นองเลือดทุกอย่างอย่างเดียวที่ไม่เห็นคือพวกเจ้าหอยยักษ์…

แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่พบเห็นกู้ซีจิ่วด้วย…

ยังคงเป็นตี้ฝูอีที่พบร่องรอยของกองไฟกองหนึ่งและกองกระดูกย่างสุกเกลื่อนกลาดอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่งบนยอดเขาที่หก เนื่องจากเคยมีฝนตกห่าใหญ่ ร่องรอยของที่นี่แทบจะถูกสายฝนทำลายไปพอสมควรแล้ว กระดูกเหล่านั้นก็กระจัดกระจายอยู่ใต้โคลนเลนและวัชพืช ดูสกปรกโสโครก กลับนึกไม่ถึงว่าท่านเทพทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่รักความสะอาดจนเข้าขั้นวิปริตมาด้วยตลอดจะคุ้ยกระดูกเหล่านั้นขึ้นมาทีละชิ้นๆ บางครั้งก็นำมาจ่อดมที่ปลายจมูกด้วย หาร่องรอยที่เหลืออยู่บนนั้น…

มู่เฟิงก็เดินทางมาถึงที่นี่พอดี เมื่อได้เห็นฉากนี้หัวใจก็มีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ นัยน์ตาแสบเคือง ก้าวเข้าไปอย่างทนไม่ได้ “นายท่าน งานสกปรกเหล่านี้ให้ข้าน้อยทำเถอะขอรับ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version