Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1261

บทที่ 1261 เจ้าดูเถอะว่านางจะยังแก่นได้หรือไม่!

มู่เฟิงมองเจ้านายของบ้านตนอย่างเป็นกังวลยิ่งนัก นายท่านไม่หลับไม่นอนมาสองวันสองคืนแล้ว!

ยามที่ได้รับข่าวนี้ นายท่านเพิ่งเข้าฌานเสร็จ สีหน้าค่อนข้างซีดเซียว

หลังจากแม่นางกู้หนีไป วังคํ้านภาก็โกลาหลอย่างแท้จริง คนที่สามารถส่งออกไปได้ล้วนส่งออกไปทั้งหมด แถมยังส่งทั้งหมดออกไปอย่างลับๆ ด้วย เพื่อไม่ให้ผู้คนด้านนอกแตกตื่นแม้กระทั่งจวนแม่ทัพก็ยังไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงเลย

เมื่อกู้เซี่ยเทียนหาบุตรสาวไม่พบก็มาสอบถามด้วยตัวเองถึงหน้าประตู

เพียงแต่คนของวังค้ำนภาไม่ปล่อยให้เขาเข้าไป แค่บอกกับเขาตามที่ตี้ฝูอีสั่งการว่า ลูกสาวของเขาสบายดี พิธีวิวาห์จะจัดขึ้นในอีกเก้าวันให้หลัง ตามปกติ

กู้เซี่ยเทียนยังคงโกรธเคืองยิ่งนักอยู่!

ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะช่วงชิงผลประโยชน์ให้บุตรีกลับมาอยู่บ้านตนหลายๆ วันได้ ยังถูกเจ้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไร้ยางอายผู้นี้ลิดรอนสิทธิ์ไปอีก!

เขาอยากใช้เหตุผลโต้แย้ง จะไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ได้อย่างไร…

ฐานะเสมือนพ่อตาของเขาก็ไม่ได้ทำให้คนของวังคํ้านภาเคารพนบน้อมต่อเขาสักเท่าไหร่ ยังคงขวางเขาไว้หน้าประตูเช่นเดิม เพียงแต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังเห็นแก่ที่เขาเป็นบิดาของกู้ซีจิ่ว ต่อให้เขาโวยวายอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอยู่หน้าประตู พวกเขาก็แสร้งทำเป็นคนหูหนวกไปเสียทั้งหมด ไม่ตอบโต้เลย

ถึงอย่างไรกู้เซี่ยเทียนก็เป็นแม่ทัพคนหนึ่ง และไม่อายที่จะมาโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าประตูบ้านผู้อื่นทุกวัน ดังนั้นเขาจึงมาวันละครั้ง…

ความจริงแล้วเมื่อตี้ฝูอีพบว่ากู้ซีจิ่วหายตัวไป ก็เริ่มระดมพลส่งยอดฝีมือทุกฝ่ายออกไป พลิกผืนพรมสืบหา แม้แต่ภายในวังหลวงและจวนแม่ทัพของกู้เซี่ยเทียนก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน ทุกซอกทุกมุมล้วนค้นหาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เพียงแต่เนื่องจากผู้ที่ออกสืบหาล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือทั้งสิ้น เจ้าของบ้านที่ถูกค้นจึงไม่รู้ตัวเลย…

นกสืบรอยเอย สัตว์ตามรอยเอย มือดีด้านการสืบหาร่องรอยคนทั้งหลายพากันออกปฏิบัติการ มีแม้กระทั่งมือปราบสองสามคนจากศาลต้าหลี่ คนเหล่านี้ก็มีฐานะลับเป็นคนของหน่วยอนธการด้วย

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว มีสักคนสองคนในบรรดาคนเหล่านี้ออกโรง ต่อให้กู้ซีจิ่วซ่อนตัวอยู่ในโพรงงูอันใด ก็สามารถสืบพบได้ กลับนึกไม่ถึงว่าครั้งนี้กู้ซีจิ่วจะหายตัวไปอย่างหมดจดยิ่งนัก นางปิดบังร่องรอยไว้เป็นอย่างดี ความสามารถในการสกัดกั้นการตามรอยก็เข้าขั้น คนมากมายถึงเพียงนี้ค้นหาอยู่กว่าหนึ่งวันก็ไม่พบร่อยรองของนางเลยสักนิด ทำให้ตี้ฝูอีเกือบสงสัยว่านางประสบเภทภัยเข้าเสียแล้ว…

ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาเสาะวิญญาณที่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนักสืบหา ผลคือเสาะหาดวงวิญญาณของนางไม่พบเช่นกัน…

ยามนี้ในที่สุดก็ทราบภาพรวมทิศทางของนางแล้ว มู่เฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน “นายท่าน ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปค้นหาที่ป่าทมิฬนะขอรับ ท่านกลับไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนดีกว่า ถึงแม้ป่าทมิฬจะอันตรายยิ่งนัก แต่ข้างกายนางมีสัตว์วิญญาณทั้งสามอยู่ น่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น…”

วาจาเป็นห่วงเป็นใยของเขายังกล่าวไม่จบดี ตี้ฝูอีก็ตัดบทเขาแล้ว “สามตัวนั้นพึ่งไม่ได้! พวกเจ้าทั้งสี่ติดตามเปิ่นจุนเข้าไปค้นหาที่ป่าทมิฬ!”

“…ขอรับ” มู่เฟิงไม่กล้ากล่าวเป็นอื่น ตอบรับคราหนึ่งแล้วรีบไปติดต่ออีกสามคนทันที…

หลังจากมู่อวิ๋นได้ยินถ้อยคำนี้ บ่นออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ “แม่นางกู้ผู้นี้แก่นแก้วเกินไปแล้ว! ไม่กี่ปีมานี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราวิ่งเต้น สารพัดเพื่อนางอยู่ตลอด สูญเสียพลังยุทธ์ไปหลายหนแล้ว เพื่อนางแล้วแทบจะเอาชีวิตไปเสี่ยงภัย นางไม่เพียงไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้น ยังหนีไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำด้วย! นางจะอยู่ดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง? ให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่อย่างสงบสักสองวันไม่ได้หรือ?”

มู่เฟิงกระแอมคราหนึ่ง ไม่พูดอะไร มู่อวิ๋นยังพูดต่อไป “ข้ารู้สึกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปฏิบัติต่อแม่นางกู้ผู้นี้อ่อนโยนเกินไปแล้ว กับเด็กสาวที่ไม่แน่ไม่นอนประเภทนี้มีวิธีเดียวเท่านั้นที่ได้ผลที่สุด!”

“วิธีใด?” นํ้าเสียงเสียงแผ่วหวิว แว่วมาจากด้านนั้น

“เปลี่ยนข้าวสารเป็นข้าวสุกไง! ทำให้นางกลายเป็นคนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เสีย เจ้าดูเถอะว่านางจะยังแก่นได้หรือไม่!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version