Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1301

บทที่ 1301 น่าเสียดายที่เขาเป็นบุรุษถ้าเป็นสตรีคงดีมากเลย!

เจ้าหอยยักษ์ยังคงไม่ขยับเขยื้อน “นางมีวิชาเคลื่อนย้าย สู้ไม่ได้นางก็เคลื่อนย้ายหนีได้ สัตว์ร้ายร้อยตัวก็ล้อมนางไว้ไม่อยู่ เอาล่ะ ผู้เฒ่าจะนอนแล้ว อย่าได้ใจเสาะจนมารบกวนผู้เฒ่าอีก ไม่อย่างนั้นผู้เฒ่าจะซัดเจ้าเสีย!”

พลางหุบฝาไม่สนใจหลัวจั่นอวี่อีกต่อไป

หลัวจั่นอวี่ยังคงไม่กล้ายั่วยุโทสะเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ ถึงแม้หอยยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์ขั้นเจ็ด แต่ฝีมือกลับเหนือว่าสัตว์ขั้นแปด โดยเฉพาะวิชาห้วงฝันมายาที่วิปริตยิ่งนัก หากไม่ระวังก็จะถูกมันแฉเรื่องส่วนตัวเข้า…

ดังนั้นหลัวจั่นอวี่จึงตรงไปหาลู่อู๋น้อย เขามองบนเตียงแวบหนึ่ง บนเตียงของกู้ซีจิ่วยังคงปูเครื่องนอนไว้ ในผ้านวมมีก้อนโป่งนูนขึ้นมา

หลัวจั่นอวี่เลิกผ้านวมออก พบว่าเจ้าลู่อู๋ตัวนั้นกอดหางทั้งเก้าของตนม้วนตัวจนกลมดิก นอนกรนฟี้ๆ บนร่างยังมีกลิ่นสุราอยู่ด้วย

ลู่อู๋ตัวนี้ยามปกติตื่นตัวยิ่งนัก ยามนี้ถูกเปิดผ้านวมแล้วก็ยังไม่ขยับ เห็นได้ชัดว่าดื่มมากไปเช่นกัน

หลัวจั่นอวี่เห็นว่าปกติมันค่อนข้างว่าง่าย ดังนั้นจึงลองลูบขนมันดู “ลู่อู๋ ลู่อู๋…”

พวงหางทั้งเก้าของลู่อู๋น้อยปรากฏรอยแยกเล็กน้อย ดวงตางดงามของลู่อู๋ทอแววค่อนข้างดุร้าย!

แอ๋ว!

มันร้องขู่คราหนึ่ง จากนั้นก็ม้วนตัวหลับไปเช่นเดิม

ในใจของหลัวจั่นอวี่หนาวยะเยือกเล็กน้อย เจ้าลู่อู๋ตัวนี้เป็นสัตว์วิเศษขั้นแปด ปกติเห็นมันขดตัวอยู่บนข้อมือกู้ซีจิ่วอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู เขาจึงนึกว่ามันเป็นตัวน่ารักตัวหนึ่ง กลับคาดไม่ถึงว่ามันจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดุร้ายถึงเพียงนี้!

ราวกับถ้าเขารบกวนอีกครั้ง มันจะยื่นกรงเล็บมาตะปบคนเสีย!

หลัวจั่นอวี่หมดหนทาง ในที่สุดก็ทราบแล้วว่าเจ้าสองตัวนี้ล้วนชักจูงไม่ได้ทั้งสิ้น จึงขุ่นเคืองแล้วไปคนเดียว ตั้งแต่กู้ซีจิ่วมาถึงที่นี่ ยังไม่เคยออกไปเก็บสมุนไพรเองมาก่อน เขากลัวว่านางจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น …

เขาเพิ่งจะก้าวพ้นประตู ก็มีคนวิ่งมารายงานเหตุฉุกเฉิน บอกว่าใต้ต้นไม้ยักษ์ปรากฏผู้มาใหม่อีกคนแล้ว…

ฝีเท้าหลัวจั่นอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขายังห่วงพะวงถึงน้องสาว แต่ปกติแล้วผู้มาใหม่ล้วนบาดเจ็บสาหัสกันทั้งสิ้น ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน…

แน่นอน กู้ซีจิ่วเป็นกรณีพิเศษ

เขาสอบถามถึงอาการบาดเจ็บของผู้มาใหม่ เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ อาการบาดเจ็บของผู้มาใหม่สาหัสอย่างยิ่ง ซ้ำยังสลบอยู่ ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ในเมื่อหลัวจั่นอวี่เป็นหัวหน้าของที่นี่ ยามนี้การช่วยเหลือคนจึงเป็นหน้าที่ที่ไม่อาจผลักไสได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถอนหายใจ แล้ว ทำได้เพียงรีบรุดไป

คนผู้หนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้ยักษ์ อาภรณ์บนร่างที่เคยขาวพิสุทธิ์กลายเป็นอาภรณ์สีโลหิตที่มีสีขาวแต่งแต้ม รูปโฉมหล่อเหลายิ่ง สง่างามปานภาพทิวทัศน์นํ้าหมึก เมื่อหลัวจั่นอวี่เห็นใบหน้านี้ก็นิ่งค้างไปแวบหนึ่ง ชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นบุรุษที่รูปโฉมพิสุทธิ์เลิศลํ้าเช่นนี้มาก่อนเลย

ยามนี้บุรุษผู้นี้หมดสติไปแล้ว แพขนตายาวงอน ไม่สั่นไหวเลยสักนิด

คนอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ไม่ได้ออกไปไหนล้วนมาถึงแล้ว ล้อมวงอยู่ตรงนั้นมองบุรุษที่นอนอยู่ผู้นั้น ส่งเสียงจุ๊ๆ ด้วยความประหลาดใจ

“บุรุษผู้นี้หล่อเหลาเสียจริง!”

“ใช่แล้ว ท่านปู่เช่นข้ายังไม่เคยเห็นบุรุษที่รูปงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย…”

“ช่วงนี้ประหลาดเหลือเกิน หมู่บ้านของเราไม่มีคนเข้ามาเนิ่นนานแล้ว ครั้งนี้อับโชคเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาไม่กี่วัน จะมี

เข้ามาถึงสองคน ซํ้ายังงดงามยิ่งนักทั้งคู่เลย!”

“ข้ารู้สึกว่าความงามของเขาไม่เป็นรองแม่นางกู้เลย! ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถเช่นนั้นเหมือนแม่นางกู้หรือไม่”

“น่าจะไม่มีกระมัง? ดูเหมือนพลังวิญญาณของเขาจะไม่สูงเท่าไหร่ ประมาณขั้นหก แต่แม่นางกู้น่ะขั้นแปดแล้ว!”

“น่าเสียดายที่เขาเป็นบุรุษ ถ้าเป็นสตรีคงดีมากเลย!”

ผู้คนรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตรงนั้น เหมือนทุกครั้งที่มีผู้มาใหม่เข้ามา พูดคุยแสดงความเห็น

เนื่องจากคนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ล้วนอยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ทั้งสิ้น ทุกคนชินชากันนานแล้ว ดังนั้นต่อให้บนร่างของผู้ที่เข้ามามีโลหิตไหลรินดั่งสายนํ้า ก็ไม่ทำให้คนรู้สึกแตกตื่นตกใจแล้ว

ถึงแม้อาการบาดเจ็บของผู้ที่เพิ่งเข้ามาจะดูวิกฤตนัก แต่โดยทั่วไปแล้ว จะไม่ถึงแก่ชีวิต

คนส่วนใหญ่หลังจากถูกช่วยเหลือแล้ว จะสลบไสลไปสักวันสองวันถึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version