บทที่ 1304 พาข้าไปหานาง 3
ยามที่ตี้ฝูอีเดินทางอยู่ภายนอกจะสวมหน้ากากไว้ตลอด ถึงแม้คนเหล่านี้ล้วนถูกเขาจับโยนเข้าป่าทมิฬแทบทั้งสิ้น ทว่าไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง ของเขามาก่อนเลย อีกอย่างทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ถึงแม้จะเป็นผู้ลงโทษ แต่ผู้ที่ลงมือจริงๆ คือผู้คุ้มกันทั้งสี่ของเขา
พวกเขาบ้างก็เคยพบเขาแค่บนแท่นเบิกสวรรค์ บางคนแม้แต่แท่นเบิกสวรรค์ก็ไม่ได้ขึ้นด้วยซํ้า ถูกเขามองอยู่ไกลๆ แวบหนึ่งก็ถูกตัดสินแล้วว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ตัวปลอม…
ดังนั้นถึงแม้ในใจของคนเหล่านี้จะแค้นเคืองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ ทว่าไม่รู้จักรูปลักษณ์ของเขาเลย ยามนี้จู่ๆ เจ้าหอยยักษ์ก็ตะโกนออกมาเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่แต่ละคนจะแตกตื่น ไม่เชื่อถือ
ในใจของพวกเขา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นบุคคลกึ่งเทพกึ่งเซียนที่เหยียบย่างบนเมฆา ยามนี้ผู้มาใหม่ที่สภาพน่าเวทนาเป็นล้นพ้นคนนี้มีพลังวิญญาณเพียงขั้นหกเท่านั้นจะใช่เขาจริงๆ หรือ?
สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างเจ้าหอยยักษ์ เจ้าหอยยักษ์ตกเป็นจุดรวมสายตาของฝูงชนอีกครั้ง มันภาคภูมิใจยิ่งนัก “แน่สิ! ของแท้แน่นอน! ยามที่ข้าติดตามอยู่ข้างกายเจ้านายได้พบเขาอยู่บ่อยๆ…”
จากนั้นมันก็กลิ้งตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ตรงไปอยู่เบื้องหน้าตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านมาได้ยังไง? อ๋า ซํ้ายังบาดเจ็บไปทั้งตัวด้วย…”
คนผู้นั้นย่อมเป็นตี้ฝูอี เมื่อเขาเห็นเจ้าหอยยักษ์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางอยู่ที่นี่!
เขาไม่ได้มาเสียเปล่า…
“นายของเจ้าล่ะ?” ตี้ฝูอีเอ่ยถาม
“เจ้านายไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาด้านหลัง ยังไม่กลับมาเลย”
มิน่าเล่าเขาถึงไม่เห็นนาง นึกว่านางเห็นเขาเข้ามาจึงไปซ่อนตัวอีกครั้ง…
ตี้ฝูอีก็ตรงไปตรงมายิ่งนัก “พาข้าไปหานาง!”
เขาคิดจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับส่ายโงนเงน ลุกไม่ขึ้น เหงื่อออกท่วมร่างอีกครั้ง
ในที่สุดปฏิกิริยาตอบสนองของฝูงชนรอบข้างก็กลับมาแล้ว!
ในบรรดาคนพวกนี้เหล่าสตรียังพอว่า ความรู้สึกที่มีต่อตี้ฝูอีค่อนข้างซับซ้อน แต่บุรุษนั้นต่างกันลิบลับ!
เหล่าบุรุษเลือดร้อน อีกทั้งบ่มเพาะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้มาเนิ่นนานปี แต่ละคนล้วนเหมือนหมาป่าเดียวดาย พวกเขาใฝ่ฝันว่าอยากทุบตีเจ้าคนร้ายกาจผู้นี้ให้น่วมสักยกหนึ่ง!
ยามนี้คนผู้นี้อยู่ตรงหน้าแล้ว ซํ้ายังบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ กำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ ถ้าไม่ล้างแค้นในยามนี้จะให้ไปล้างแค้นยามไหนเล่า?
ด้วยเหตุนี้ ฝูงชนจึงล้อมวงเข้าไปจนเสียงดังตุบๆ ตับๆ แต่ละคนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ตี้ฝูอี เจ้าก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ!”
“ตี้ฝูอี”
“วันนี้เจ้าเองก็พลาดท่ามาอยู่ที่นี่เช่นกันนับว่าเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์ใช่หรือไม่?”
“ตี้ฝูอี เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?! แต่เดิมผู้เฒ่าก็ไม่ได้พูดเลยว่าตัวเองเป็นสานุศิษย์สวรรค์ เพียงล้อเล่นเล็กน้อยกับสหายเท่านั้น ผลลัพธ์ก็คือถูกเจ้าโยนเข้าป่าทมิฬ หวิดจะสิ้นชีพ! สิบห้าปีแล้ว!
ข้าถูกขังอยู่ที่นี่สิบห้าปีแล้ว!”
แรกสุดมีคนด่าประณามอยู่คนเดียว ในไม่ช้าก็ดึงดูดจิตใจของฝูงชนรอบข้างที่มีศัตรูคู่แค้นคนเดียวกัน จนเกิดเสียงประณามเต็มไปหมด
มีบางคนที่ค่อนข้างเลือดร้อนมุทะลุ สะกดความโกรธไว้ไม่อยู่ ตรงเข้าลงมือต่อยตี้ฝูอีทันที “เจ้าก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ? เจ้าไปตายซะเถอะ!”
เมื่อคนหนึ่งลงมือ คนที่เหลือก็ลงมือตามด้วย ทันใดนั้นแสงทักษะยุทธ์นับไม่ถ้วนก็พุ่งวาบไปทางตี้ฝูอี!
คนเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้ความเคียดแค้นชิงชังจนเลือดขึ้นหน้า ย่อมออกกระบวนท่าอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด ล้างแค้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
พยัคฆ์ร้ายก็ยังหวั่นเกรงฝูงหมาป่า นับประสาอะไรกับตี้ฝูอีในยามนี้ที่เป็น ‘เสือ’ เจ็บหนัก กระบวนท่าชุดใหญ่ซัดเข้าใส่เขาจากทุกทิศ
ทุกทาง หากถูกซัดเข้าเขาอาจจะไม่ทันได้รอเจอกู้ซีจิ่ว ร่างนี้ก็คงหมดสภาพไปก่อน…
ในช่วงเวลาคับขันนี้ ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวแล้ว!
เมื่อครู่เขานั่งอยู่ตรงนั้นราวกับขยับเขยื้อนไม่ได้ ทว่าการเคลื่อนไหวนี้ประหนึ่งสายฟ้าแลบก็มิปาน เกิดเสียงดังฟิ้วแวบไปอยู่ข้างกายหลัวจั่นอวี่ เอ่ยออกไปตรงๆ ประโยคหนึ่ง “ข้าเป็นคู่หมั้นของน้องสาวเจ้า!”
หลัวจั่นอวี่พลันสั่นสะท้าน เขาตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อน!”