บทที่ 141
ชั่วชีวิตนี้ของข้าไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความกลัว!
กู้เทียนเฉาทึ่มทื่อไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้กล่าววาจาใด กู้เซี่ยเทียนก็หันกายเดินจากไป
กู้เทียนเฉาเดินวนกลับไปกลับมาในห้องของตนอยู่พักหนึ่ง รู้ว่าตนคงไม่สามารถไปตรวจสอบกู้ซีจิ่วได้อีกแล้ว เขาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เขียนอะไรบางอย่าง เรียกวิหคเขียวครามที่เอาไว้ติดต่ออาจารย์โดยเฉพาะมา วิหคตัวนั้นกลืนจดหมายที่เขาเขียนลงกระเพาะไป กระพือปีก แล้วบินจากไป ดุจสายฟ้าแลบ
วิหคชนิดนี้ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งวันสามารถบินได้ไกลถึงพันลี้ เขาเชื่อว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งวันจดหมายที่เขาเขียนฉบับนี้จะถึงมืออาจารย์…
เมื่อถึงเวลานั้นอาจารย์ก็จะส่งยอดฝีมือที่ปราบมารสยบปีศาจมาที่นี่!
กู้ซีจิ่วไม่ได้ยืมศพคืนวิญญาณก็แล้วไป แต่ถ้าใช่จะต้องถูกยอดฝีมือของอาจารย์เขาเปิดโปงอย่างแน่นอน!
ดึกแล้ว แต่กู้ซีจิ่วกลับไม่มีทีท่าจะง่วงเลย นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง จนในที่สุดหยกนภาก็ทนไม่ไหว ‘ท่านเป็นแผ่นแป้งทอดหรือ? วันนี้ก่อเรื่องใหญ่โต เลยตื่นต้นจนนอนไม่หลับหรือไง?’
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่ง ‘ตื่นเต้นนิดหน่อย ข้าคิดอยู่ว่าขั้นต่อไป ควรจะทำยังไงดี’
‘ยังต้องทำอะไรอีกหรือ? ตอนนี้ท่านเป็นคนโดดเด่นแล้ว จักรพรรดิเฒ่านั้นก็ให้ความสำคัญกับท่านมาก บิดาราคาถูกคนนั้นของท่านก็เริ่มดีต่อท่านแล้ว วันเวลา ดีๆ ของท่านกำลังจะเริ่มขึ้น ยังมีอะไรให้กลุ้มอีกเล่า?’ หยกนภาที่อยู่บนข้อมือของกู้ซีจิ่วกลับสู่ร่างเดิมแล้ว แน่นอนว่า มันยังคงต้องระงับแสงโชติช่วงเอาไว้อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม กู้ซีจิ่วส่ายหัวเล็กน้อย ‘เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก กู้เซี่ยเทียนคลางแคลงใจแล้ว เกรงว่าจักรพรรดิผู้นั้นก็คงคลางแคลงใจเช่นกัน ยามนี้ไม่แน่อาจตรวจสอบเบื้องหลังข้าอยู่!’
‘อะไรกัน? ท่านกลัวหรือ?’
‘กลัว?’ กู้ซีจิ่วหัวเราะ ‘ชั่วชีวิตนี้ของข้าไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความกลัว!’
‘ยอดเยี่ยม องอาจ!’ หยกนภาชมเชยเธอ ‘ใช่แล้ว ท่านในยามนี้ก็นับว่าล้างแค้นให้เจ้าของร่างเดิมแล้ว ปลอบประโลมดวงวิญญาณนางที่อยู่บนสวรรค์ได้แล้ว ท่านอยากจุดธูปเซ่นไหว้นางไหม?’
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ‘ถ้านางเป็นวิญญาณ ย่อมเห็นทุกอย่างอยู่แล้ว ยังต้องให้ข้าเซ่นไหว้บอกกล่าวนางอีกหรือ?’
‘แน่นอนสิ!’ หยกนภาตอบ ‘เจ้านาย ทางที่ดีท่านควรเซ่นไหว้นางเสีย เช่นนี้นางจะได้หมดห่วง ท่านก็จะได้…’ พูดถึงตรงนี้จู่ๆ ก็พลันหยุดลง
กู้ซีจิ่วประสาทเฉียบไวรู้สึกได้ว่าคำพูดของมันมีความหมายแอบแฝง ‘ข้าจะได้อะไร?’
‘ท่านจะได้…จะได้ใช้ร่างนี้ได้อย่างสบายใจ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสังขารของนาง ทั้งยังตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนั้น ตอนนี้ท่านล้างแค้นให้นางได้แล้ว บอกกล่าวนางสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา’
นี่ก็ใช่!
กู้ซีจิ่วก็เห็นด้วย จึงกระโดดผลุงลงบนพื้น สั่งสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกตระเตรียมธูปกระถางเชื้อไฟให้เธอ ตอนนี้สาวใช้เหล่านี้ของเธอทำงานได้ดีมีประสิทธิ์ภาพ มาก เตรียมการได้รวดเร็วนัก เพียงชั่วระยะจิบชา แม้แต่โต๊ะตั้งผลไม้อะไรพวกนั้น นางก็จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เวลานั้นแสงจันทร์ส่องสว่าง สายลมเย็นพัดโชย
กู้ซีจิ่วจุดธูปสามดอก ปักไว้ในกระถางธูป ทั้งยังสั่งให้คนเผากระดาษเงินกระดาษทอง ยืนอยู่ตรงนั้นพลางกล่าวในใจหลายประโยค
กระดาษเงินกระดาษทองลอยว่อนอยู่ในกระถางไฟ ทันใดนั้นมีลมหอบหนึ่งพัดมา พัดพาเถ้ากระดาษเงินกระดาษทองทั้งหมดนั้นขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ปลิว
หายไป…
สาวใช้ที่อยู่ไหว้เป็นเพื่อนนางกระซิบเสียงแผ่ว “ฮูหยิน สำแดงเดชแล้ว!”
กู้ซีจิ่วไม่ได้บอกว่าเซ่นไหว้ใคร ดังนั้นพวกสาวใช้จึงคิดว่า เธอเซ่นไหว้หลัวซิงหลานฮูหยินแม่ทัพคนเก่า
กู้ซีจิ่วย่อมไม่อธิบายอะไร เธอมองเถ้ากระดาษที่ล่องลอยขึ้นไปด้านบนดั่งมวลเมฆ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง
ราวกับมองกู้ซีจิ่วคนเดิมสบายใจและจากไปอย่างสงบแล้วจริงๆ…
เมื่อกลับเข้าไปในห้อง หยกนภาที่อยู่บนข้อมือเธอกลับสู่ร่างใหม่อีกครั้ง ถามนางอย่างคึกคักร่าเริง ‘เจ้านาย ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไร? รู้สึกร่างกายเบาสบายขึ้นบ้างไหม?’