บทที่ 142
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!
กู้ซีจิ่วหัวใจเต้นตึกตัก ปิดตาลงแล้วตรวจสอบร่างกาย พบว่าเลือดลมที่แต่เดิมไหลเวียนติดขัดอยู่บ้างคล้ายจะราบรื่นขึ้นไม่น้อย
เป็นไปได้ยังไง?
กู้ซีจิ่วมองหยกนภา หยกนภากระแอมไอ ‘ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมยังอาฆาตแค้นอยู่บ้างจึงวนเวียนอยู่รอบตัวท่านมาโดยตลอด ทำให้ร่างของท่านเฉื่อยชาอยู่บ้างเล็กน้อยเป็นธรรมดา ตอนนี้ไอแค้นได้สลายไปแล้ว วิญญาณของท่านจึงเข้ากับร่างกายนี้ได้มากขึ้น’
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
กู้ซีจิ่วสบายใจแล้ว จู่ๆ เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ‘ข้าต้องไปจับแมลงพิษที่ตำหนักเย็นขององค์ชายสี่มาอีก!’
พลางทำมุทรา คิดจะเคลื่อนย้ายทันที ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความฉงน ‘ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่?!’
เธอเคลื่อนย้ายไม่สำเร็จ ยังอยู่ในห้องนอนของตัวเองเหมือนเดิม!
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กู้ซีจิ่วไม่อยากจะเชื่อจึงร่ายคาถาติดๆ กันอีกหลายครั้ง ผลสุดท้าย…
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!
กู้ซีจิ่วตื่นตระหนกอย่างหาได้ยาก กู้ซีจิ่วหยิบหยกนภาขึ้นมา ‘เหตุใดวิชาเคลื่อนย้ายของข้าถึงไม่ได้ผล? หรือว่าในร่างนี้ต้องมีไอแค้นถึงจะใช้ได้?’
หยกนภาก็งุนงงเช่นกัน ‘เป็นไปไม่ได้! ไม่มีไอแค้นนั้นแล้วท่านควรจะคล่องแคล่วกว่าเดิมถึงจะถูก…ท่านเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า? เพราะอย่างไรวันนี้ท่านก็ยุ่งมาก…’
เป็นแบบนี้หรอกหรือ? ตัวกู้ซีจิ่วเองก็เป็นหมอ แต่เหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่นี้เธอก็ ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ลองเยียวยาร่างกายตัวเองอยู่หลายครั้ง ก็ยังไร้ผล จนอ่อนล้าเต็มทน เธอก็ยังหาวิธีอื่นไม่ได้จึงเอนกายลงบนเตียง ห่มผ้า นอนหลับ!
ดึกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ทันใดนั้นแสงจันทรนอกหน้าต่างก็พลันมืดสลัว หน้าต่างที่ปิดสนิทเปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง มีสายลมพัดเข้ามา พัดโดนเตียงจนเกิดเสียงเสียดสี
จู่ๆ บุรุษชุดเขียวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าเตียงของกู้ซีจิ่ว
คนผู้นี้สะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย หน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ก็ปิดลงอีกครั้ง เหมือนไม่เคยขยับมาก่อน บุรุษผู้นี้ยืนอยู่หน้าเตียงของกู้ซีจิ่วครู่หนึ่ง ค่อยๆ ยื่นมือออกไปช้าๆ แหวกม่านเตียงออกเบาๆ เผยให้เห็นคนที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่ด้านใน เด็กน้อยที่อยู่บนเตียงตัวเล็กผอมแห้ง องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าเล็กๆ ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง หากมิใช่ว่าบนหน้าผากของนางมีปานแดงที่ค่อนข้างน่ากลัวอยู่ ภายภาคหน้าเมื่อเติบโตขึ้นคงกลายเป็นยอดหญิงผู้เลอโฉมนางหนึ่ง
เด็กน้อยหลับไม่สบายสักเท่าไหร่ หว่างคิ้วขมวดน้อยๆ จู่ๆ ก็พลิกตัว ถีบมุมผ้าห่มออก
บุรุษผู้นั้นชะงัก มองนางอยู่สักพัก โบกมือ ผ้าผืนนั้นลอยขึ้น ห่มคลุมนางไว้
“ร้อน!” ริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กน้อยบ่นงึมงำ ถีบผ้าห่มออกอีกครั้ง
ลมในฤดูใบไม้ร่วงนั้นหนาวเย็น ตอนกลางวันสวมเสื้อชั้นเดียวอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนกลางคืนจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ ในห้องนี้ไม่มีสิ่งของประเภทเตาผิงเลย ถ้าไม่ห่มผ้าจะเป็นหวัดได้ง่ายยิ่ง
แต่บนร่างของนางสวมเพียงชุดนอนบางๆ ชุดหนึ่ง ด้านนอกหนาวขนาดนั้น นางกลับไม่คล้ายจะรู้สึกหนาวเลย เหมือนจะร้อนเสียด้วยซํ้า บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา
นัยน์ตาของบุรุษผู้นั้นมืดสลัวลง คล้ายจะผิดหวังอยู่บ้าง เด็กคนนี้ขี้ร้อน!
เขาเอื้อมมือออกไป เรียวนิ้วดั่งหยกขาวสัมผัสข้อมือเด็กน้อย ผ่านไปสักครู่เขาก็ปล่อยมือ
มองใบหน้าเล็กๆ ที่หลับใหลไม่รู้ตัวของกู้ซีจิ่ว ปลายนิ้วไล้ผ่านใบหน้านางอย่างแผ่วเบาราวผีเสื้อ ราวกับสำรวจอะไรอยู่
จากนั้นก็ชักมือกลับ หลุบตาลงเล็กน้อย สายตาค้างอยู่ที่ใบหน้าน้อยๆ ของนาง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
คนผู้นั้นคล้ายจะไตร่ตรองอะไรบางอย่าง ผ่านไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมา โบกมือ หน้าต่างเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง เงาร่างของเขาเลือนหายไปตรงด้านหน้าของ หน้าต่าง ผู้คุ้มกันด้านนอกยังคงลาดตระเวนอยู่เหมือนเดิม ไม่มีใครพบว่าบุรุษคนนี้เคยเข้ามา ภายในห้องกลับสู่ความสงบอย่างที่เคยเป็นมา
กู้ซีจิ่วที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้น
‘เจ้านาย ในที่สุดท่านก็ตื่นเสียที! เมื่อครู่มีคนเข้ามาท่าน ทราบหรือไม่?! หากเมื่อครู่คนผู้นั้นคิดร้ายต่อท่าน ป่านนี้ท่านตายไปแล้ว!’ หยกนภาระบายอารมณ์งุ่นง่านอยู่ในสมองเธอ
กู้ซีจิ่วนัยน์ตาดำมืดแวบหนึ่ง ไม่กล่าวอะไร