Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 152

บทที่ 152

มีคนสะกดรอยตามท่าน

ที่นี่เธอได้ยังเผอิญพบกับคนลึกลับที่แสวงหาการแก้แค้นผู้นั้น ถึงแม้คนผู้นั้นจะไม่เคยปรากฏตัว แต่กลับงมอุปกรณ์แปลงโฉมของเธอขึ้นมาทั้งยังจงใจทำให้ทหารมาพบเข้า…

ตอนนี้ก็มาที่นี่อีก หรือคนลึกลับผู้นี้จะอาศัยอยู่ใต้คูเมืองนี้?

กู้ซีจิ่วเกือบจะนึกว่าคนลึกลับผู้นั้นเป็นพรายนํ้าเสียแล้ว!

‘เจ้านาย จะทำอย่างไรต่อดี?’ หยกนภาถามเธอ

‘ไม่รู้ กลับบ้านนอนเถอะ’ กู้ซีจิ่วตอบง่ายๆ พลางหันหลังเดินกลับบ้านอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงๆ

‘จะล้มเลิกเพียงเท่านี้หรือ ไม่สืบต่อแล้วหรือ?’ หยกนภายังไม่หยุด กู้ซีจิ่วไม่ได้ตอบอะไร เธอมีแผนการคร่าวๆ อยู่ในใจแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังสับสนกับฐานะของคนผู้นี้ แต่ก็โชคดีที่พอจะทราบข้อมูลบ้างแล้ว

อย่างเช่นคนที่แอบสอดแนมเธออยู่บนต้นไม้ใหญ่วันนี้ คือคนลึกลับผู้นั้นจริงๆ อย่างเช่นวรยุทธ์ของคนผู้นี้พอๆ กับหลงซือเย่หรืออาจจะมากกว่า หรืออย่างเช่นบนร่างของคนผู้นี้มีกลิ่นกำยานหอมของคนในราชวงศ์ซึ่งเธอ เคยได้กลิ่นจากตัวองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวและองค์หญิงผู้นั้นเท่านั้น…

เบาะแสหลายข้อนี้ทำให้ขอบเขตการค้นหาของเธอแคบลงมาก ประเดี๋ยวเธอค่อยไปหลอกถามองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวหรือองค์ชายหรงเช่อเอาก็ได้ไม่แน่อาจจะสามารถขุดเอาฐานะของคนลึกลับผู้นั้นออกมาได้

ขอเพียงรู้ฐานะของคนผู้นั้น เธอก็สามารถวางแผนการตอบโต้อย่างแท้จริงได้เสียที ไม่ต้องกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำเช่นนี้

ระหว่างเดินทางกลับเมือง หยกนภาได้เอ่ยเตือนเธอ ‘เจ้านาย มีคนสะกดรอยตามท่าน!’

‘รู้แล้ว!’ กู้ซีจิ่วไม่สนใจ ‘ข้าออกมาหนนี้ก็เพื่อให้พวกเขาเห็น’

‘อ้าว? ทำไมล่ะ?’

‘พวกเขาน่าจะเป็นยอดฝีมือของศาลต้าหลี่ องค์ชายหรงเหยียนน่าจะกัดอะไรข้าเข้าแล้ว ดังนั้นคนพวกนี้จึงมาตรวจสอบข้าอย่างลับๆ จุดประสงค์หลักก็คือตรวจสอบวรยุทธ์ของข้า ดูว่าข้าเป็นผู้ต้องสงสัยที่ก่ออาชญากรรมหรือไม่?’

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!’ เมื่อหยกนภาเข้าใจแล้ว ก็เลื่อมใสยิ่งนัก

เจ้านายของมันคนนี้สติปัญญาลํ้าเลิศนัก เฉลียวฉลาดมาก! เสาะหาคนฉลาดมาเป็นเจ้านาย หนทางของมันในภายภาคหน้าคงสบายขึ้นไม่น้อย

กู้ซีจิ่วคาดเดาได้ถูกต้อง สองคนนั้นที่สะกดรอยตามเธอ เป็นยอดฝีมือของศาลต้าหลี่ซึ่งมาสืบคดีจริงๆ พวกเขาอดทนตามหลังกู้ซีจิ่วมาตลอดทาง จนกระทั่งเธอกลับถึงจวนแม่ทัพ พวกเขาถึงได้หยุดฝีเท้า ต่างสบตากัน คนหนึ่งเริ่มเขียนข้อมูลอย่างรวดเร็ว ‘กู้ซีจิ่ว วิชาตัวเบาขั้นสาม พลังวิญญาณเป็นศูนย์’

อีกคนถามขึ้น “หัวหน้า ยังต้องเข้าไปตรวจสอบอีกไหม?”

หัวหน้าผู้นั้นที่กรอกข้อมูล “ไม่ต้อง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”

ด้วยวรยุทธ์ของนางในปัจจุบันไม่มีทางเข้าไปในจวนแม่ทัพได้อย่างไร้สุ้มเสียง และไม่สามารถสังหารเล่อฮวาโหวได้ ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องเสียเวลากับนางอีกแล้ว

ใกล้เที่ยงแล้ว แสงแดดค่อนข้างจ้า

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ในเกี้ยวปิดทึบ เธอรู้สึกร้อนอยู่บ้าง วันนี้พอเธอกลับถึงจวนแม่ทัพก็ได้รับราชโองการจากจักรพรรดิซวน ให้เธอรีบเข้าวังโดยด่วน บอกว่ามีเรื่องจะ หารือกับเธอ

ขันทีที่อัญเชิญราชโองการเร่งรัดอย่างยิ่ง แม้แต่นํ้าสักอึก กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้ดื่ม ก็ต้องขึ้นเกี้ยวหลวงที่ในวังส่งมา ถูกหามไปตามทางเพื่อเข้าวังหลวง

ถึงแม้เธอจะเคยสนทนาปราศรัยกับองค์ชายหลายพระองค์แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาวังหลวง

กำแพงวังสีแดงเข้ม พระราชวังหลวงตั้งตระหง่านโดดเด่น หนทางในวังทอดยาว ประตูวังชั้นแล้วชั้นเล่า…

โครงสร้างของที่นี่คล้ายคลึงกับพระราชวังต้องห้ามอยู่บ้าง ต่างกันที่ หลังคาของพระราชวังต้องห้ามมุงด้วยกระเบื้องเคลือบจำนวนมาก แต่ที่นี่กลับมุงด้วยกระเบื้องลายกระดองเต่ากระสีฟ้า เปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์คล้ายตั้งระลอกคลื่นในมหาสมุทร

‘เจ้านาย ระวัง! มีไอสังหาร!’ หยกนภาซึ่งอยู่บนข้อมือ พรวดพราดเตือนขึ้นมา

เสียงเตือนนี้ยังไม่ทันขาดคำ สายลมคลั่งก็พัดม้วนมาอย่างฉับพลัน พุ่งเข้าไปในเกี้ยวโดยตรง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version