Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 200

บทที่ 200

ผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหลัง

ดาวเด่นหลิ่วเชียนไต้ผู้ที่มหาเศรษฐีใจป้ำทุ่มเงินมหาศาลก็ยังไม่สามารถเชื้อเชิญได้ กำลังบรรเลงพิณอยู่ข้างโต๊ะที่ห่างออกไปไม่ไกล ฝีมีอบรรเลงพิณของนางล้ำเลิศนัก ใสเสนาะไพเราะยิ่ง

กู้ซีจิ่วพริ้มตาฟัง รู้สึกราวกับอยู่ท่ามกลางเขาเขียวธารใสจริงๆ รื่นรมย์อย่างยิ่ง

‘เจ้านาย อันที่จริงท่านแช่อยู่ในนี้แค่หนึ่งเค่อก็ขจัดกลิ่นหอมของเถาสุคนธาได้หมดจดแล้ว ไม่เหลือกลิ่นตกค้างแม้แต่เสี้ยวเดียว แต่ท่านกลับแช่อยู่ในนี้ครึ่งชั่วยามเต็มๆ!’ หยกนภาออกปากเตือนใน ที่สุด

‘แช่อยู่ในนี้สามารถสลายความอ่อนล้าได้ ข้าเลยแช่นาน’ กู้ซีจิ่วยกมือเสยผมขึ้น

เมื่อคืนนี้เธอไปที่ทะเลสาบชื่นสุคนธ์ แล้วใช้เถาสุคนธาอันเลื่องชื่อ ของที่นั่นขัดถูทำความสะอาด เพื่อลบยันต์บอกตำแหน่งที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายติดไว้บนร่างทิ้ง

ถึงแม้จะลบยันต์บอกตำแหน่งนั้นออกไปได้แล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงกลิ่นหอมของเถาสุคนธาที่ติดกายมา

หลังผ่านไปสามวันกลิ่นหอมของเถาสุคนธาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง กลิ่นหอมจะกลายเป็นกลิ่นเหม็น หากว่าสามวันให้หลังกู้ซีจิ่วไม่อยากมีกลิ่นเหม็นขจรขจายไปไกลแปดลี้ ก็ต้องคิดหาวิธีชำระล้างกลิ่นหอมของมันออกให้หมดจด

หยกนภาบอกกู้ซีจิ่วว่า สิ่งเดียวที่สามารถขจัดกลิ่นหอมเถาสุคนธา ได้ก็คือกลิ่นหอมเย็นชนิดหนึ่งที่แม่นางหลิ่วเชียนไต้ผู้นี้ทำออกมา

ดังนั้นกู้ซีจิ่วเลยมาหาแม่นางหลิ่วเชียนไต้ผู้นี้…

แท้จริงแล้วแม่นางหลิ่วเชียนไต้บเจอได้ยากเย็นยิ่งนัก คนทั่วไป ไม่มีทางเข้ามาในห้องส่วนตัวของนางได้

แต่สำหรับกู้ซีจิ่วแล้ว อยากพบนางก็แค่กะระยะทางให้ดี แล้วใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาเท่านั้น

แน่นอน การที่เธอมาโผล่ในห้องของหลิ่วเชียนไต้กะทันหันย่อมทำให้ดาวเด่นผู้นี้ตกใจมาก ตอนที่นางกำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ กู้ซีจิ่วเปิดปากเอ่ยทันที เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ดาวเด่นผู้นี้สายตาเปล่งประกายได้!

ประโยคที่กู้ซีจิ่วกล่าวคือ “เจ้าอยากรักษาโรคแอบแฝงของเจ้าให้หายหรือไม่? ข้าสามารถรักษาเจ้าให้หายขาดได้”

ด้วยเหตุนี้หลิ่วเชียนไต้จึงไม่ร้องขอความช่วยเหลือ

หลังจากพูดคุยกับกู้ซีจิ่วแล้ว นางก็เชื่อมั่นว่าเด็กสาวหน้าดำคลํ้า ทว่าดวงตาใสแวววาวผู้นี้รักษาโรคแอบแฝงของนางได้จริงๆ…

หลิ่วเชียนไต้งดงามทรงเสน่ห์ทรวดทรงยอดเยี่ยม รูปโฉมงดงาม นํ้าเสียงไพเราะ กล่าวได้ว่างามพร้อมสมบูรณ์

แต่นางมีโรคแอบแฝงอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครรู้…นั่นคือกลิ่นตัว

แน่นอนว่ากลิ่นตัวของนางไม่ได้หนักหนาสาหัส เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ขอเพียงหมั่นอาบบ่อยๆ ย่อมไม่มีผู้ใดได้กลิ่น แต่สำหรับสตรีที่ต้องการให้ตนงามพร้อมสมบูรณ์เช่นนาง โรคแอบแฝงนี้เลยกลายเป็นโรคทางใจ หลิ่วเชียนไต้ลอบไปรักษากับหมอมามากมาย ดื่มยาขมๆ เข้าไปไม่รู้กี่ขนานแล้วแต่ก็ยังไร้ประโยชน์ ดังนั้นนางจึงเรียนรู้การผลิตนํ้าหอม และกลายเป็นปรมาจารย์น้ำหอมชื่อดัง…

ร่างกายของนางมีกลิ่นหอมเย็นจางๆ ตลอดทั้งปี ย่อมไม่มีใครทราบว่านางมีกลิ่นตัว…

การมาถึงของกู้ซีจิ่ว สำหรับนางแล้วนับว่าเป็นสายฝนที่ตกลงมาทันกาล! นางย่อมปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วดั่งแขกผู้มีเกียรติอยู่แล้ว

ทั้งสองล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา จึงเจรจาเงื้อนไขกันอย่างรวดเร็ว

หลิวเซียนได้ปรุงนํ้าหอมแบบพิเศษให้กู้ซีจิ่วอาบ หลังอาบเสร็จกู้ซีจิ่วค่อยรักษาโรคแอบแฝงให้นาง…

ดังนั้นจึงเกิดฉากในปัจจุบันนี้ขึ้น

‘เจ้านาย ท่านสุขสำราญเสียจริงนะ สามารถทำให้แม่นางเชียนไต้ บรรเลงพิณให้ได้ ขนาดองค์ชายหรงฉู่ในยามนั้นก็ทำไม่ได้ ต้องจากไปอย่างเสียหน้า! และไม่กล้าทำอะไรแม่นางเชียนไต้’ หยกนภาเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ

กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น แววตาลึกลํ้าเล็กน้อย ‘ดูท่าเถ้าแก่ของตำหนักเปลื้องจิตคงไม่ธรรมดา สามารถค้าขายกับองค์ชายหรงฉู่ผู้หยิ่งผยองได้อย่างเท่าเทียม เจ้ารู้ไหมว่าเป็นใคร?’

‘แม่เล้าซี’ หยกนภาตอบกลับสามคำ

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว แม่เล้าคนหนึ่งสามารถแข็งข้อได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?

‘เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่หนุนหลังนางคือใคร?’

หยกนภาภาคภูมิใจ ‘ถือว่าท่านถามได้ตรงประเด็นแล้ว! ร่ำลือกันว่าเถ้าแก่ตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังตำหนักเปลื้องจิตกับเถ้าแก่หลังม่านของโรงประมูลที่เมืองหลวงเป็นคนเดียวกัน เป็นบุคคลที่มีฐานะยิ่งนัก ทั้งยังลึกลับมากด้วย’

………………….

[1] โคมวังหลวง คือ โคมหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยม ทุกด้านบุผ้าแพรหรือกระจกวาดภาพสี ด้านล่างมีพู่ห้อย เดิมทีใช้ในวังหลวง จึงเป็นที่มาของชื่อโคมวังหลวง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version