Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 209

บทที่ 209

ศักดิ์ศรีจะมีราคาสักเท่าไหร่กันเชียว? ชีวิตต่างหากสำคัญที่สุด!

เขาทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังเล็กน้อย “เวลาผ่านไปไวเหมือนติดปีก ชั่วพริบตาเดียวทารกน้อยในตอนนั้นก็เติบโตถึงเพียงนี้แล้ว”

กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ

ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าตนควรเรียกเขาว่าอะไร “ที่แท้ท่านทูตสวรรค์เห็นซีจิ่วตั้งแต่เล็กจนโต เช่นนั้นซีจิ่วก็ควรเรียกท่านว่าท่านลุงตี้”

ตี้ฝูอีชะงักงัน ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางมองเธอ “อะไรนะ?”

ยังให้ความเคารพไม่พอหรือ?

กู้ซีจิ่วลองกล่าวหยั่งเชิง “ท่านปู่ตี้?”

ตี้ฝูอีเงียบงัน

ด้วยถ้อยคำเรียกขานที่สุดแสนเคารพของเธอ กู้ซีจิ่วต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส เวลานั้นเขาแย้มยิ้ม ตบไหล่เธอเบาๆ “คำเรียกขานนี้ยอดเยี่ยมนัก!”

รอยยิ้มของเขาเยียบเย็น กู้ซีจิ่วสังหรณ์ใจไม่ดี

ความเป็นจริงช่วยพิสูจน์แล้วว่าลางสังหรณ์ของเธอแม่นยำนัก! เพราะตี้ฝูอีสังการด้านนอกทันที “ไปแท่นเบิกสวรรค์! เร็วขึ้นอีก!”

“ขอรับ นายท่าน!” ลูกศิษย์ผู้เป็นสารถีอยู่ด้านนอกตอบรับ หักเลี้ยวหัวรถทันที รถม้าพุ่งทะยานปานลมกรดอีกครั้ง

ความเร็วของรถม้าเพิ่มขึ้นกะทันหัน ย่อมไม่มั่นคง กู้ซีจิ่วถูกสกัดจุดไว้ ไม่สามารถทรงตัวได้ อีกทั้งร่างเธอในยามนี้ก็กลมเหมือนลูกบอล กลิ้งขลุกๆ อยู่ในรถที่โยกคลอน…

โชคดีที่ภายในรถนี้นิ่มพอ ไม่ว่าเธอจะกลิ้งไปชนที่ใดก็ไม่ถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่กลิ้งไปมาจนเวียนหัวลายตาเท่านั้น

และไม่ทราบว่าเป็นเพราะการกลิ้งหรือเป็นเพราะตัวรถเอง เธอจึงร้อนขึ้นเรื่อยๆ แรกเริ่มคือหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา ตามด้วยเหงื่อออกชื้นทั้งตัว

ทั้งตัวร้อนเสมือนสวมเสื้อบุนวมในเดีอนเจ็ดที่ร้อนระอุ ร้อนอบอ้าว จนทำให้คนอยากกระโดดผลุงขึ้นมา!

กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ทว่าเธอยังไม่สามารถถอด ‘เสื้อบุนวม’ ออกจากร่างได้ ทำให้อารมณ์เสียอย่างยิ่ง

เลือดลมทั่วทั้งร่างสูบฉีดอย่างรวดเร็ว แก้มร้อนเหมือนจะระเบิด เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะลุกไหม้แล้ว!

แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ก็ยังนั่งเหมือนทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงนั้น อ่านหนังสืออย่างสบายอกสบายใจ

กู้ซีจิ่วกลิ้งไปอยู่แทบเท้าเขาหลายครั้ง เขาล้วนไม่สนใจไยดี ไม่คิดยื่นมือเข้ามาช่วยเลย

คนที่รู้สึกร้อนมากจะมีปฏีกิริยาตอบสนองกับความเย็นตามสัญชาตญาณ ยามกู้ซีจิ่วกลิ้งไปอยู่ข้างเท้าเขาก็รู้สึกได้ว่ารอบๆ ขาทั้งสองข้างของเขาเย็นฉ่ำ หากกล่าวว่าที่อื่นๆ คือฤดูร้อนที่ร้อนดั่งไฟ เช่นนั้นรอบกายเขาในระยะหนึ่งฉื่อก็คือฤดูใบไม้ร่วงแสนเย็นสบาย

หากเธออยากคลายความรู้สึกร้อนอบอ้าวนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือกอดขาเขาไว้ หนึ่งเพื่อทำให้ร่างกายมั่นคง สองเพื่อรับไอเย็นมา

บางทีสาเหตุของความร้อนอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีดเร็วเกินไป ระหว่างที่กลิ้งอยู่จุดชีพจรของเธอที่ถูกสกัดไว้คลายออกหนึ่งจุด ถึงแม้จะไม่ได้รับอิสระคืนมาทั้งหมด แต่แขนทั้งสองข้างก็เคลื่อนไหวได้นิดหน่อยแล้ว หากเธอต้องการจะกอดขาอีกฝ่ายก็ทำได้

ถึงแม้ทราบดีว่าหากเธอกอดขาอีกฝ่ายไว้จะเป็นการเสียเปรียบก็ตาม แต่เวลานี้เธอไม่สนแล้ว!

ศักดิ์ศรีจะมีราคาสักเท่าไหร่กันเชียว? ชีวิตต่างหากสำคัญที่สุด! อย่าว่าแต่กอดขาเขาเลย ต่อให้ยามนี้เขาอุ้มหมูตัวหนึ่งมาให้เธอกอด ขอเพียงสามารถคลายความรู้สึกร้อนอบอ้าวนี่ได้เธอก็จะกอด!

ด้วยเหตุนี้ยามเธอกลิ้งไปอยู่แทบเท้าตี้ฝูอีอีกครั้ง จึงยื่นมือกอดขาข้างหนึ่งของเขาไว้ทันที!

ตี้ฝูอีตัวแข็งทื่อเล็กน้อย หลุบตามองเธอ กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองเขาอยู่เช่นกัน

บนดวงหน้าอ้วนกลมของเธอชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ เธอลงทุนลงแรงกับการแปลงโฉมครั้งนี้มาก ออกแบบรอยแผลและหลุมสิวบนหน้าไว้มากมาย ทำให้มองครั้งแรกแล้วไม่อยากจะมองอีกเป็นครั้งที่ สอง ยามนี้มีเหงื่อไหลซึมออกมา ใบหน้าเลยยิ่งไม่น่ามองเข้าไปใหญ่!

ตี้ฝูอีไม่ได้ละลายตาไป แขนเสื้อขยับคล้ายกับอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ข่มกลั้นไว้ เพียงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “กู้ซีจิ่ว ข้าเป็นผู้อาวุโสของเจ้า อีกทั้งชายหญิงควรมีระยะห่างกัน เจ้ามากอดข้าแบบนี้ ไม่กลัวจะถูกจับยัดกรงหมูถ่วงนํ้าโทษฐานไม่สำรวมกริยาหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version