Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 227

บทที่ 227

เสมือนรอให้เธอชมสักประโยค

โต๊ะจีนปลาล้วนที่อลังการต้องมีทั้ง ตุ๋น ผัด ต้ม ทอด และนํ้าแดง

เพืยงแต่กู้ซีจิ่วไม่ได้ทำอาหารจานปลาทั้งหมดนี้ เธอทำแค่แบบเดียว หสังจากย่างปลาจืดชืดไร้รสชาติตัวหนึ่งด้วยอาการคึกคัก อยากลอง หลงซือเย่ก็ไม่ให้เธอทำอีก แต่เขาลงมือด้วยตัวเองเลย

แววตากู้ซีจิ่วเย็นชาเล็กน้อย ชาติก่อนเขาปฏิบัติตามวิถีสุภาพบุรุษ มิกลํ้ากรายห้องครัว มีทักษะการตกปลาที่หลากหลาย ทว่าไม่เคยปรุงปลาเลย เธอต่างหากที่เป็นแม่ครัวใหญ่

ยามนี้เขาสามารถปรุงปลาได้แล้ว และวิธีปรุงปลาก็เป็นแบบเดียวกับเธอในชาติก่อนทุกประการ แม้แต่ลำดับการใส่เครื่องปรุงก็เหมือนกันทุกอย่าง

ดูเหมือนว่าถึงแม้ชาติก่อนเขาจะไม่เคยปรุงปลา แต่ยามมองเธอทำ ก็เรียนรู้ไปด้วย…

ขณะที่เธอใจลอยอยู่เล็กน้อย พลันมีตะเกียบคู่หนึ่งยื่นมาเบื้องหน้า “มาเถอะ ลองชิมฝีมือข้าหน่อยว่าถูกปากเจ้าหรือไม่”

กู้ซีจิ่วกินไปหลายคำ รสชาติ…คล้ายกับการปรุงรสของเธอจริง!

ต้องทราบว่าเวลาที่ปรุงอาหาร ต่อให้ขั้นตอนการใส่เครื่องปรุงเหมือนกันทุกอย่าง ทว่าอาหารที่ปรุงโดยคนละคนกันรสชาติก็ไม่เหมือนกัน มักจะมีความแตกต่างกันมาก

หากคนสองคนปรุงอาหารได้เหมือนกันทุกประการ เช่นนั้นมีความเป็นไปได้อยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือคนหนึ่งในนั้นลองพยายามเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ทดลองทำเป็นร้อยเป็นพันหน ถึงค่อยๆ ควบคุมแรงไฟได้ จนทำได้เหมือนอีกคนหนึ่งทุกประการ…

เห็นทีหลงซือเย่ในชาตินี้คงฝึกทักษะนี้มาไม่น้อย…

สภาพจิตใจของกู้ซีจิ่วทีเดิมที่ราบเรียบดุจน้ำนิ่งคล้ายมีระลอกคลื่นขึ้นมาเล็กน้อย ลึกๆ ในใจราวกับถูกเข็มแทงเบาๆ ไม่ถึงกับเจ็บปวด ทว่ากลับทิ่มแทงใจ

“เป็นยังไงบ้าง?” หลงซือเย่จ้องมองเธอ นัยน์ตาแฝงความคาดหวังรางๆ เสมือนรอให้เธอชมสักประโยค

“ไม่เลว!” กู้ซีจิ่วมอบให้เขาสองคำ

หลังจากกล่าวจบหัวใจพลันเต้นแรงแวบหนึ่ง! ดูเหมือนว่าหลังจากเธอฝึกฝีมือย่างปลาให้หลงซีซิมเป็นครั้งแรก ยามที่เขาว่ารสชาติเป็นอย่างไร เขาก็ตอบสองคำนี้เหมือนกัน

บัดนี้…ลมเปลี่ยนทิศแล้วหรือ?

วูบหนึ่งเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ปลาที่กินอยู่ในปากพลันไร้รสชาติไปหมด

ดวงตาหลงซือเย่กลับทอประกายเล็กน้อย มองเธอแวบหนึ่ง “เจ้าชอบก็ดีแล้ว กินให้มากหน่อยเถอะ”

ราวกับฉายเหตุการณ์ทุกอย่างในวันวานซ้ำอีกครั้ง เพียงแต่บทพูดของชายหญิงสลับกัน

ในใจกู้ซีจิ่วรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม นับตั้งแต่ทราบว่าหลงซือเย่ก็คือหลงซี เธอก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยวอันใดกับเขาอีกต่อไป ทว่าเขาถึงตายก็ไม่ยอมเลิกรา…

หลงซือเย่ระแวดระวังเธอยิ่งนัก ไม่เพียงสกัดจุดเธอ ทำให้เธอโคจรพลังไม่ได้ ยังจับมือเธอไว้ข้างหนึ่งตลอดเวลาด้วย ต่อให้ตกปลา ปรุงปลาก็ไม่ปล่อย ยอมมือเป็นระวิงด้วยมือข้างเดียว

เธอรู้ว่าเขาหวั่นเกรงว่าเธอจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาหลบหนี แต่เขาจะจับไว้ได้นานแค่ไหนกันเชียว?

ถึงอย่างไรยามเข้านอนตอนกลางคืน เขาก็คงไม่อยู่ด้วยกันกับเธอกระมัง?!

เธอเยาะหยันอยู่ในใจ ขอเพียงเธอคิดหนี ใครจะขวางไว้ได้?!

คำถามคือหลังจากออกไปแล้วจะหลบหลีกทูตสวรรค์ซ้ายโรคจิตผู้นั้นได้อย่างไร นี่คือปัญหาที่ยากยิ่ง…

เมื่อมองหลงซือเย่ที่เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร แต่ดูเหมือนว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้เขาคงไม่ทำอันตรายต่อเธอ หรือเธอควรจะถือโอกาสพักผ่อนฟื้นฟู กบดานอยู่ที่นี่สักหลายๆ เดือน แล้วค่อยออกไปดี?

เธอเพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ ในอากาศพลันมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้น “หอมนัก!”

เสียงหัวเราะเสนาะหูและมีเสน่ห์ดึงดูดดุจสายลมรำเพย

กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อทันที!

ทว่าหลงซือเย่กลับหน้าเปลี่ยนสี กระตุกมือคราหนึ่ง ดึงกู้ซีจิ่วเข้าหาตัว จากนั้นก็แหงนหน้ามองด้านบน

หมู่เมฆกลางนภาลอยกระจัดกระจาย คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น

คนผู้นั้นยืนอยู่บนสัตว์วิเศษสีขาวตัวหนึ่ง อาภรณ์สีม่วงปลิวไสวตามแรงลม

สัตว์วิเศษตัวนั้นรูปร่างพิกล กวางก็ไม่ใช่ ม้าก็ไม่เชิง บนหลังมีปีกคู่หนึ่ง บนหัวมีเขาแหลมเป็นเกลียวอันหนึ่ง เขานั้นแหลมโค้งดุจใบมีด ส่องประกายเลือนราง

อาชาเวหา!

สัตว์พาหนะของคนผู้นั้นคืออาชาเวหาในตำนาน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version