Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 236

บทที่ 236

นี่มันอุบายอะไรกัน?!

เมื่อก่อนอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ยามนี้ดั่งอยู่ไกลจนสุดสายตา…

ความเหินห่างเช่นนี้ทำให้แววตาหลงซือเย่หม่นหมอง กำมือภายใต้แขนเสื้อแน่น ราวกับพยายามข่มกลั้นอะไรบางอย่าง เขามองดูกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เจ้ารู้ความรู้สึกข้าดี…”

“อืม ข้าทราบว่าท่านละอายใจ หากท่านรู้สึกอยากขออภัยข้า เช่นนั้นก็กระทำเรื่องหนึ่งเพื่อชดใช้ให้ข้าดีหรือไม่?”กู้ซีจิ่วตัดบทเขาทันที

“เรื่องใด?” หลงซือเย่ใจเต้นแรงเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วเลิกผมหน้าม้าของตนขึ้น “ข้าจำได้ ท่านบอกว่าสามารถรักษาปานแดงบนหน้าผากของข้าได้ เช่นนั้นโปรดสำแดงวิชาแพทย์อันเลิศล้ำของท่านหน่อย ช่วยรักษามันให้ข้าได้ไหม?”

หลงซือเย่มองปานบนหน้าผากเธอ แววตาวูบไหวเล็กน้อย “อันที่จริงปานบนหน้าผากเจ้าค่อนข้างประหลาด ไม่ใช่ทั้งรอยปานแต่กำเนิดและไม่ใช่ทั้งฝ้ากระทั่วไป แต่คล้ายกับปานผนึก…”

“ปานผนึก?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”

หลงซือเย่ถอนหายใจพลางกล่าว “ส่งข้อมือมาให้ข้า ข้าจะตรวจให้แน่ใจอีกที”

กู้ซีจิ่วยื่นข้อมือให้เขาอย่างเชื่อฟัง

หลงซือเย่จับชีพจรเธออยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ปล่อย แล้วมองสีหน้าเธออย่างละเอียดต่อ “ตอนนี้บนร่างเจ้าเหมือนจะมีพลังวิญญาณนิดหน่อยแล้ว ตัวเจ้าเองสัมผัสได้บ้างไหม?”

ตนมีพลังวิญญาณแล้ว?!

กู้ซีจิ่วสำราจร่างกายตนเงียบๆ หัวใจพลันเต้นแวบหนึ่ง!

ในจุดตันเถียนของเธอเหมือนจะมีกระแสพลังประหลาดพรั่งพรูอยู่น้อยนิด

กระแสพลังประหลาดนี้แตกต่างกับกำลังภายในที่เธอฝึกฝนตามปกติเล็กน้อย และอ่อนแอยิ่งนัก เมื่อเธอคิดจะสัมผัสให้ละเอียด ก็สัมผัสไม่ได้แล้ว ราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

เธอไม่ถอดใจ หลุบตาลงพยายามสัมผัสถึงต่อ…

หลงซือเย่ทอดถอนใจ “ไม่ต้องสัมผัสต่อแล้ว เพียงน้อยนิดเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ร่างนี้ของเจ้าต้องคำสาป ปานบนหน้าก็เป็นปานผนึก เกรงว่าจะรักษาไม่ได้”

กู้ซีจิ่วตกตะลึง

ร่างต้องสาป? ปานผนึก?

นี่มันอุบายอะไรกัน?!

ถึงเธอจะไม่เข้าใจสองคำนี้ แต่ก็เข้าใจความหมายสุดท้าย รักษาไม่ได้! ไม่มีวิธีรักษาให้หาย!

สำหรับเธอแล้วแรงกระทบกระเทือนนี้ค่อนข้างสาหัส จู่ๆ เธอก็ช้อนตาขึ้นมองหลงซือเย่ “แต่ท่านเคยพูดชัดๆ ว่าสามารถรักษาข้าให้หายได้ภายในหนึ่งปี!”

หรือตอนที่อยู่ตำหนักกระดิ่งทอง หลงซือเย่จะโป้ปด?

หลงซือเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง คว้ามือเธอกะทันหัน “เจ้าตามข้ามา ข้าจะให้เจ้าดูบางอย่าง”

เขาเรียกนกกระเรียนมงกุฎแดงสัตว์พาหนะมา ดึงเธอกระโดดขึ้นหลังนกกระเรียน จากนั้นก็โบกมือให้สัญญาณ กระเรียนมงกุฎแดงกู่ร้องเสียงยาว โผบินขึ้นฟ้า บินมุ่งสู่ยอดเขาห่างไกลลูกหนึ่งที่ปก คลุมด้วยหิมะ

กระเรียนมงกุฎแดงหุบปีกหยุดบนยอดเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง ยอดเขานํ้าแข็งนี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของสำนักถามสวรรค์สูงกว่าหกพันเมตร ลมหนาวบนยอดเขาพัดหวีดหวิว ดงแท่งนํ้าแข็งเรียงรายรอบด้าน

ใจกลางดงแท่งนํ้าแข็งมีตำหนักหลังหนังที่สร้างจากหิมะนํ้าแข็ง

ตำหนักมีขนาดเล็กทว่าวิจิตรงดงามยิ่งนัก มองเผินๆ ดูประหนึ่งตำหนักแก้วผลึก

บนยอดเขานํ้าแข็งหนาวเย็นอย่างยิ่ง เสื้อผ้าที่กู้ซีจิ่วสวมบางเกินไป อีกทั้งร่างกายเธอมีกำลังภายในและพลังวิญญาณเพียงน้อยนิด ยามอยู่ในอ้อมกอดหลงซือเย่ยังไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากลงพื้น เธอ ปล่อยมือจากหลงซือเย่แล้ว เมื่อสายลมหนาวพัดโชยมา เธอจึงรู้ซึ้งถึงอันตรายที่มาจากยอดเขานํ้าแข็งทันที!

มือและเท้าเย็นยะเยือกลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายแทบจะสั่นระริก

หลงซือเย่ยื่นมือมาด้วยต้องการจะจูงเธอ “หนาวหรือ? มาเถอะ ข้าจะให้ความอบอุ่นเจ้า”

กู้ซีจิ่วถอยหลังทันที หลบหลีกมือของเขา มองไปด้านหน้า “ท่านอยากให้ข้าดูสิ่งใด?”

นัยน์ตาหลงซือเย่ฉายแววหม่นหมอง แต่ก็ไม่บังคับเธอ แขนเสื้อพลิ้วไสวขณะก้าวไปด้านหน้า “เจ้าตามข้ามา”

พื้นนํ้าแข็งใต้ฝ่าเท้าลื่นมาก เคราะห์ดีที่วิชาตัวเบาของเธอเยี่ยมยอด เดินได้ไม่ลำบากนัก อย่างเดียวที่ลำบากก็คือความเย็น!

………………………….

[1] หมู่บ้านกัวเลี่ยง เป็นหมู่บ้านโบราณบนยอดเขาสูงตั้งอยู่ที่ มณฑลซีอาน หมู่บ้านแห่งนี้สร้างจากการนำก้อนหินมาเรียงต่อกัน จนเกิดเป็นสถาปัตยกรรมต่างๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version