บทที่ 258
เจ้าทำได้ ไปต่อ!
“บรู๋ว…” ในฝูงอ๋าวอัสนีโลหิตมีเสียงคำรามด้วยความเศร้าโศกดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าตัวที่ร้องคือจ่าฝูง
อ๋าวตัวอื่นๆ พากันคำรามตาม จากนั้นราวกับได้รับคำสั่งบางอย่าง จึงกระจายตัวค้นไปรอบด้าน ต้นหญ้าพลิ้วไหวดุจระลอกคลื่น อ๋าวอัสนีโลหิตเหล่านั้นค้นหาบริเวณรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง…
หนนี้กู้ซีจิ่วรีบร้อนเคลื่อนย้ายเกินไป ไม่ทันได้คำนวณทิศทางและระยะหางก่อนเคลื่อนย้าย แถมเธอยังพ่วงคนมาด้วยอีกคน จึงควบคุมไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
หนนี้เคลื่อนย้ายในพริบตาได้ราวสี่ห้าลี้ มาหล่นลงในดงป่าทึบแห่งหนึ่ง
ทิร้ายแรงกว่านั้นคือ เธอเพิ่งโผล่มาก็พบงูเหลือมยักษ์ตาหนึ่งเลื้อยพันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เธอเกือบชนร่างเจ้างูเหลือมยักษ์แล้ว!
งูเหลือมยักษ์รูปร่างใหญ่โตยิ่งนัก ตัวหนาเท่าถังหาบนํ้าโดยแท้
พวกกู้ซีจิ่วทั้งสองโผล่ออกมากะทันหัน ทำให้มันตกใจ อ้าปากกว้างจะพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคน!
“เวรแล้ว!”
กู้ซีจิ่วหลุดคำหยาบออกมา
ข้าไปก่อนละ!
เธอเคลื่อนย้ายในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอีกครั้ง…
“เคลื่อนที่ไปทางซ้ายด้านหลังหกลี้!” เคราะห์ดีว่าในขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะเคลื่อนย้ายหนที่สอง ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นมาทันเวลา
ด้วยเหตุนี้หลังจากเคลื่อนย้ายเป็นหนที่สอง พวกเขาจึงมาโผล่ที่แดนรกร้างแห่งหนึ่ง
ในแดนรกร้างมีหญ้าขึ้นรกชัฏ กว้างไกลสุดสายตา กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้หอบหายใจ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ที่นี่ไม่เหมาะ อ๋าวอัสนีโลหิตสามารถตามมาได้ เคลื่อนย้ายต่อไป ถอยไปทางขวาห้าลี้ จากนั้นก็ไปด้านหน้าอีกหกลี้…”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เธอเดือดดาลแล้ว “การเคลื่อนย้ายเหน็ดเหนื่อยยิ่ง! ข้าเคลื่อนย้ายติดต่อกันมากเพียงนั้นไม่ได้!”
เดิมทีการเคลื่อนย้ายก็สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอเพิ่งเสร็จศึกมา แถมยังต้องแบกภาระไปด้วย คนผู้นี้ก็เกาะติดราวกับเป็นส่วนหนึ่งบนร่างเธอ โอบกอดเธอดั่งฝาแฝดที่มีร่างกายเชื่อมกันก็มิปาน…
ฝ่ามือของเขาวางอยู่ด้านหลังหัวใจเธอ เสียงทุ้มต่ำดึงดูด “เจ้าทำได้ ไปต่อ!”
เขาเพิ่งจะกล่าวจบ ก็มีเสียงคำรามของอ๋าวอัสนีโลหิตแว่วมาจากที่ไกลๆ
ฟังจากเสียงแล้วกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ที่นี่ไม่ปลอดภัยจริงๆ ด้วย!
ไม่มีหนทางแล้ว กู้ซีจิ่วทำได้เพียงเคลื่อนย้ายต่ออีกครั้ง
ด้วยวิธีนี้ เธอที่อยู่ภายใต้การชี้แนะของตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันสิบกว่าครั้งแล้ว สถานที่สุดท้ายที่ปรากฏตัวคือเนินหินลาดชันแห่งหนึ่ง…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าศักยภาพของตนยอดเยี่ยมมากจริงๆ!
ตอนที่ต่อสู้กับราวอัสนีโลหิตตัวนั้นเสร็จ ร่างกายเหนื่อยล้าจนแทบขาดใจ คิดไม่ถึงว่ายังสามารถลากคนผู้หนึ่งเคลื่อนย้ายติดต่อกันได้สิบกว่าครั้ง! เคลื่อนย้ายเป็นระยะทางเกือบสองร้อยลี้ได้!
ยามที่ต้องเอาชีวิตรอด ศักยภาพของคนจะไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ สินะ!
บนเนินหินลาดชันนี้ไม่มือะไรมากไปกว่าก้อนหินมากมาย โขดหินนับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่บนเนินเขา ในยามราตรีมองไปแล้วค่อนข้างน่าสะพรึง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะค่อนข้างรกร้าง ทว่าโชคดีที่ไม่พบสัตว์ร้ายใดๆ
อีกทั้งเป็นพื้นที่โล่งกว้าง หากมีสัตว์ร้ายโผล่มาก็สามารถมองเห็นได้ทันที
บัดนี้ตี้ฝูอีนั่งอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ขาข้างหนึ่งคู้ขึ้น ข้างหนึ่งหย่อนลง แขนพาดไว้บนขา ดูตามสบายยิ่งนัก “ดูเหมือนเจ้าจะโกรธมาก?”
กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนหินสูงใหญ่ก้อนหนึ่ง มองลงมาที่เขาพลางยิ้มเย็นชา “ข้าไม่ควรโกรธหรือ?!”
จูบแรกที่เธอเฝ้าเก็บรักษามาเนิ่นนานต้องสูญเสียไปอย่างไม่รู้ตัวเช่นนี้ แล้วเธอจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“ทำไมเจ้าถึงโกรธ?” ตี้ฝูอีคล้ายจะไม่เข้าใจจริงๆ
กู้ซีจิ่วยิ้มเย็นชาต่อไป “ท่านว่าอย่างไรนะ?!”
“จิตใจสตรียากแท้หยั่งถึง ข้าเดาไม่ออกหรอก” ตี้ฝูอีดูไร้เดียงสายิ่ง
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
ในปากเธอคล้ายยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากโพรงปากเขา รวมถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆ ด้วย
เธอเหลือบมองริมฝีปากเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากของเขาน่ามองยิ่ง ยามเม้มน้อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนจะฉุดเอาหัวใจคนไป ยามนี้ริมฝีปากนั้นยกขึ้นน้อยๆ คล้ายยิ้มมิเชิงยิ้ม มีเสน่ห์เป็นพิเศษ