บทที่ 276
ข้าไม่เปลี่ยนใจ!
เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์หญิงเหล่านั้นมาจากสำนักใดสักแห่ง พูดคุยกันอย่างยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่ตรงนั้น นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“ถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัดสินว่าเป็นตัวปลอมต่อหน้าธารกำนัล ชีวิตของนางก็นับว่าจบสิ้นแล้ว” ด้านข้างมีบางคนทอดถอนใจ
“ใช่แล้ว สานุศิษย์ตัวปลอมล้วนถูกโยนเข้าป่าทมิฬ ได้ยินว่าวันนั้นที่องค์รัชทายาทเคยเข้าไปสำรวจป่าทมิฬ ก็ไปถึงแค่ยอดเขาที่สามเท่านั้น พระองค์มีความสามารถมากขนาดนั้นยังได้รับบาดเจ็บจน ต้องหนีออกมาเลย แม่นางกู้ซีจิ่วผู้นี้เป็นร่างสวะไร้พลัง อย่าว่าแต่โยนเข้าไปในส่วนลึกของป่าทมิฬเลย เกรงว่าเพียงเข้าใกล้ป่าทมิฬ ก็จบสิ้นแล้วกระมัง?! กระดูกสักท่อนคงไม่หลงเหลือ”
“น่าเสียดายทักษะการแพทย์ของนาง…เฮ้อ”
ตี้ฝูอีฟังอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองอาภรณ์ของเหล่าจอมยุทธ์หญิงโต๊ะนั้น โคลงจอกสุราในมืออย่างเหม่อลอย แล้วจึงมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “ยังอยากทดสอบอย่างเปิดเผยอยู่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เหตุใดถึงจะไม่ทำเล่า?”
“หากข้าบอกไปแล้ว เรื่องนี้ผ่อนปรนไม่ได้!”
กู้ซีจิ่วหลุบตา “ขอเพียงท่านรับประกันว่าจะทดสอบด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริงก็พอ”
เธอแย้มยิ้มอีกหน “บัดนี้ข่าวเรื่องการทดสอบอย่างเปิดเผยแพร่กระจายออกไปแล้ว คนมาชมมากมายถึงเพียงนี้ ท่านคงกลับคำไม่ได้แล้วกระมัง?”
“แล้วอย่างไรเล่า? ข้าจะทำการใดจำเป็นต้องแจกแจงแก่พวกเขาหรือ? หากเจ้าเปลี่ยนใจ…”
“ข้าไม่เปลี่ยนใจ!” กู้ซีจิ่วตอบเพียงสามคำ เธอจะต้องมอดม้วยก่อนแล้วคืนชีพภายหลัง
ตี้ฝูอีเงียบงัน สีหน้าของเขาคร่ำเคร่งอยู่บ้าง อันที่จริง ทั่วท้องถนนล้วนสนทนาเรื่องทำนองเดียวกัน ทั้งครึกครื้นยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น และอยากรู้อยากเห็น…
ถึงแม้ความคิดของผู้คนจะแตกต่างกันไป แต่คนส่วนใหญ่ล้วนมองกู้ซีจิ่วในแง่ร้าย ต่างคิดว่านางเป็นนกกระจอกที่มีขนฉูดฉาดแค่ไม่กี่เส้นก็คิดว่าตนเป็นหงส์เพลิง…
ใกล้ยามอู่แล้ว ราชรถล่องวาโยคันนั้นของตี้ฝูอีค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แท่นเบิกสวรรค์ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ
ใต้แท่นเบิกสวรรค์มีฝูงชนล้นหลาม ทุกคนล้วนมองดูเหตุการณ์นี้ ถึงแม้จะฝานไปหลายวันแล้ว แต่ดูราวกับต่อเนื่องจากวันนั้น กู้ซีจิ่วยืนอยู่ข้างกายตี้ฝูอี มองแท่นเบิกสวรรค์แล้วมองฝูงชนที่เนืองแน่นอยู่เบื้องล่าง อดจะยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้
ประหนึ่งวันเวลาไหลย้อนคืน ที่แท้เธอวิ่งวนกลับมาที่เดิม
แต่ถึงอย่างไรก็แตกต่างอยู่ ก่อนหลบหนีระหว่างเธอกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เป็นเพียงคนแปลกหน้า แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งหลังจากหลบหนี เธอกับเขามีไมตรีต่อกันเล็กน้อยแล้ว อย่างน้อยสุดเขาก็จะจัดการเรื่องราวอย่างยุติธรรม
ยังมีความแตกต่างอีกประการก็คือ ก่อนหลบหนีเธอไม่มีพลังวิญญาณ ทว่าตอนนี้มีแล้ว!
แม้พลังนี้ไม่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีปัญหาเรื่องกระโดดลงไปจากเรือลำนี้
ดังนั้นฝูงชนที่แหงนหน้ามุงดูอยู่ด้านล่างจึงมองเห็นฉากที่น่าตะลึง
กู้ซีจิ่วสวะไร้พลังที่พวกเขารู้จักกระโดดลงมาจากเรือที่สูงเท่าอาคารห้าหกชั้นด้วยตัวคนเดียว อาภรณ์ปลิวไสว แล้วโดดลงบนแท่นเบิกสวรรค์ไม่แม้แต่จะซวนเซ!
ฝูงชนที่เดิมทีส่งเสียงจอแจเงียบลงทันที!
จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเฟยซิงพร้อมด้วยข้าราชบริพารก็มาถึงแล้ว มีการจัดแท่นนั่งชมไว้สำหรับพวกเขา แท่นนั่งชมนี้อยู่ใกล้กับแท่นเบิกสวรรค์ยิ่งนัก ใกล้จนมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกฉากบน แท่นเบิกสวรรค์ได้ชัดเจน
แน่นอนว่ากู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่บนแท่นเบิกสวรรค์ก็มองเห็นทุกผู้คนบนแท่นนั่งชมได้ชัดเจนเช่นกัน
จักรพรรดิซวน องค์รัทายาทหรงเจียหลัว องค์ชายแปดหรงเช่อ องค์ชายสี่หรงฉู่…และใบหน้าที่คุ้นเคยอีกมากมาย
กู้เซี่ยเทียนย่อมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
ไม่ได้พบกันเพียงแค่ไม่กี่วัน กู้เซี่ยเทียนดูชราขึ้นไม่น้อย จอนผมมีผมหงอกแซมขึ้นหลายส่วน บนหน้ามีรอยย่นเพิ่มขึ้นหลายรอย ตั้งแต่กู้ซีจิ่วปรากฏตัวยืนบนเรือลำนั้น สองตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างเธอ เมื่อมองเห็นเธอกระโดดลงมาจากเรือลำนั้นโดยไม่พึ่งแรงส่งภายนอกใดๆ ความตระหนกระคนยินดีปรากฏขึ้นในดวงตา!